xs
xsm
sm
md
lg

ซักฟอก จริงหรือปาหี่ วัดใจรัฐบาล-ฝ่ายค้าน !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ณัฐพงษ์  เรืองปัญญาวุฒิ - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

ชัดเจนมากขึ้นแล้วว่า ญัตติของเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล ทางฝ่ายค้าน จะยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อที่จะสามารถอภิปรายได้ไม่เกินปลายเดือนเมษายน ก่อนปิดสมัยประชุมสมัยสามัญ

หลังจากพรรคร่วมฝ่ายค้านได้หารือกัน เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า คาดว่าภายในปลายเดือนนี้แน่นอน ซึ่งวันที่คิดว่ามีความเหมาะสม และเป็นวันสุดท้ายของการยื่นญัตติ คือวันที่ 27 ก.พ.นี้ เนื่องจากเป็นวันประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือน

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เบื้องต้นอยากจะขอเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไว้ที่ 5 วัน ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลเองไม่น่าจะปิดกั้นการตรวจสอบถ่วงดุลจากพรรคฝ่ายค้าน เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

“ในการประชุมมีหลายประเด็นที่เราได้หารือร่วมกันแล้ว พบว่ารัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดินขาดประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยปัญหาสังคมในหลายเรื่อง รวมถึงประเด็นที่ส่อเค้าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน การบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่ได้เป็นไปตามธรรมาธิบาลของระบอบประชาธิปไตย ที่ผู้มีอำนาจในรัฐบาลควรจะต้องถูกตรวจสอบถ่วงดุล และชี้แจงได้ในระบบรัฐสภา แต่ส่วนในรายละเอียด การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผมอาจจะยังเปิดเผยมากไม่ได้" นายณัฐพงษ์ กล่าว

ถามถึงกรณีที่หลายคนประเมินว่า จะมีการพุ่งเป้าไปที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งสำหรับการอภิปรายในครั้งนี้ ซึ่งต้องรอติดตาม ตนยืนยันหากมีข้อมูลที่สามารถพุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีท่านใดก็ตาม ที่เราเห็นแล้วว่าเข้าข่ายทุจริต หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน เราก็สามารถอภิปรายได้

ซักว่าเป้าหมายสูงสุดในครั้งนี้คือการล้มรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เชื่อว่าสามารถนำไปสู่จุดนั้นได้ แต่หากถามว่าเป้าหมายสูงสุด คืออะไร ก็คือการตีแผ่ความจริงให้ประชาชนเห็นว่าการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้ ขาดความชอบธรรมอย่างไร รวมถึงหลายๆ กรณีที่เราเห็นตามหน้าข่าว ก็อาจจะเห็นความขาดความเป็นเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งสะท้อนมาถึงการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ทำให้ปัญหาของประชาชนไม่ได้รับการแก้ไขด้วย

อย่างไรก็ดี สำหรับคอการเมืองที่ติดตามมาอย่างใกล้ชิดเชื่อว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นแบบ “ทั้งคณะ” หรือรายบุคคล ก็ตาม ต้องเน้นหนักเชื่อมโยงไปถึง “ชั้น 14” แน่นอน หากไม่พูดถึงเรื่องนี้ ถือว่า “ปาหี่” หรือแม้แต่พูดถึงแบบ “ผ่านๆ” ก็จะถูกมองแบบเดียวกัน

แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว เริ่มได้เห็นความเคลื่อนไหวชัดเจนว่าต้องมีการปกป้อง “นายใหญ่” อย่างเอาเป็นเอาตายแน่นอน ชนิดที่เรียกว่าจะไม่ยอมให้พูดถึง ต้องมีการประท้วงขัดจังหวะกันจนป่วนแน่นอน

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ต้องดูความพร้อมของรัฐบาลว่าจะให้อภิปรายวันไหน เมื่อฝ่ายค้านยื่นแล้วต้องคุยในวิป 3 ฝ่าย เพื่อหาเวลาที่เหมาะสม แต่ มองว่าไม่มีอะไรน่ากังวล ถ้าฝ่ายค้านไม่ยื่นอภิปราย ก็จะเป็นเรื่องผิดปกติ ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบ ฝ่ายรัฐบาลมีหน้าที่ชี้แจง ไม่มีอะไรน่าเกรงขาม และเท่าที่ฟัง การทำหน้าที่ของรัฐบาลก็ไม่มีเรื่องทุจริตอะไร

ส่วนที่ฝ่ายค้านบอกจะใช้เวลา 5 วัน นั้น จะขอนั้นขอได้ แต่จะให้ได้หรือไม่เป็นเรื่องที่วิป 3 ฝ่ายต้องคุยกัน ทางปฏิบัติตั้งแต่ตนอยู่สภามา ไม่เคยมีการใช้เวลาขนาดนั้น ขอให้เอาเนื้อๆ มาอภิปราย น้ำอย่าเอา มองว่า 2 วัน ก็น่าจะเพียงพอ แล้วไปลงมติกันวันที่ 3 เอาแบบชัดๆ ตรงๆ อยากฟังว่าใครทุจริตอย่างไร ทำให้เกิดความเสียหายอย่างไร ให้ว่าไป จะได้ไม่เสียเวลาประชาชนที่รอฟังการอภิปราย ส่วนที่จะอภิปรายเรื่องชั้น 14 นั้น มองว่าถ้าอภิปรายรัฐมนตรีว่าใครบกพร่องสามารถทำได้ แต่อภิปราย นายทักษิณ เพราะไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ถ้าอภิปรายทำให้คนภายนอกเสียหาย ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเขาไม่สามารถชี้แจงได้ ต้องว่าไปตามข้อบังคับ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขอว่าข้อมูลที่อภิปรายควรมุ่งเป้าไปที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นหลัก ไม่ใช่เหวี่ยงแห ตัดแปะข่าวโซเชียลฯ แล้วเอายำรวมกัน หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจตามฤดูกาล ประชาชนจับทางได้หมดแล้ว ประเภทโหมโปรโมต โฆษณาดุดัน แต่อภิปรายจริงจืดชืด ไม่ตรงปก โดยเฉพาะประเด็นที่จะอภิปราย นายทักษิณ ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านบางพรรคจองกฐิน จะนำมาอภิปรายนั้น ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ เพราะนายทักษิณ ไม่ได้เป็นรัฐบาล และถือเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์พาดพิงมาอภิปรายชี้แจงได้ ข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ถ้าเด็ดจริง ไม่ต้องใช้เวลาถึง 5 วัน อภิปรายกระชับๆ เข้าประเด็น จะมีประสิทธิภาพมากกว่า

หากให้คาดหมายล่วงหน้า น่าจะเป็นเรื่องปัญหา “คอลเซ็นเตอร์” การฟอกเงิน กลุ่มทุนเทา ที่สะท้อนไปถึงการบริหารขาดประสิทธิภาพ สามารถเชื่อมโยงไปได้หลายคนตั้งแต่ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ไปจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปัญหาเศรษฐกิจไม่สมราคาคุย กรณีเขากระโดง ปัญหาความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน และที่สำคัญก็คือ เรื่อง “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ที่แฝง “บ่อนการพนัน”

ขณะเดียวกันเป้าหมายสำคัญ นอกจากรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเป็นหลักแล้ว ยังมีพรรคภูมิใจไทย ที่ต้องโดยอภิปรายไม่ไว้วางใจไปด้วย

แต่ที่สังคมจับจ้องมากที่สุดก็คือ ฝ่ายค้านจะกล้าแตะต้อง นายทักษิณ ชินวัตร กรณีชั้น 14 หรือไม่ โดยสะท้อนถึงการใช้อำนาจมิชอบ ของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ดีการซักฟอกคราวนี้ กำลังกลายเป็นว่าต้องถูกจับตาทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ว่าจะมีรายการ “ปาหี่” กันหรือไม่ เพราะอย่างที่รับรู้กันก็คือ ระดับพวกที่ทำตัวเป็น “ผู้นำจิตวิญญาณ” ของพรรค ทั้งนายทักษิณ ชินวัตร และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พวกเขาเคยมี “ดีลลับ” กันอยู่ เคยมีการตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตั้งแต่เป็นพรรคก้าวไกลเป็นต้น มาจนถึงพรรคประชาชน งานในสภาแทบจะไม่แตะต้องเรื่องการทุจริต การกระทำที่หมิ่นเหม่กฎหมายกรณี “ชั้น 14” ส่วนมากก็ทำแบบขอไปที แค่แตะๆ แล้วผ่านไป

ดังนั้น การ “ซักฟอก” คราวนี้ ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญว่า ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่สมราคาหรือไม่ เพราะหากฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคประชาชน นำข้อมูลที่ไม่ชอบมาพากลมาอภิปรายรัฐบาลอย่างเต็มที่ เชื่อว่าความศรัทธา ความนิยมจะเพิ่มขึ้น แต่หากออกมาในทางตรงกันข้าม แบบท่าดีทีเหลว ก็ต้องบอกว่าจบเห่ และที่สำคัญชาวบ้านเขามองออกแน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น