อดีต สส.ปชป. วิพากษ์ “อุ๊งอิ๊ง” เยือนจีน ได้ภาพมากกว่าผล สื่อจีนไม่ให้ค่า แถมสื่อไทยเน้นเสนอแต่ “สี เจิ้นผิง” ชมเรื่องตัดไฟพม่า ส่วนโซเชียลรุมวิจารณ์เรื่องแฟชัน
วันนี้ (9 ก.พ.) นายเทพไท เสนพงษ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับจากการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์ 2568 แล้ว ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านบัญชีโซเชียลมีเดียส่วนตัว ถึงความสำเร็จที่ได้เซ็นเอ็มโอยู 13 ฉบับ ซึ่งน่าจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทางการทูต ที่ผู้นำประเทศเดินทางไปเยือนกัน จะมีพิธีการลงนามในเอ็มโอยูกันเป็นปกติ แต่อย่าลืมว่าการเดินทางไปเยือนประเทศจีนในครั้งนี้เป็นการเดินทางเยือนในโอกาสครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งเป็นวาระสำคัญ น่าจะมีประเด็นสำคัญเป็นกรณีพิเศษมากกว่าการลงนามในเอ็มโอยูแบบพื้นๆ
นายเทพไท กล่าวว่า ขณะเดียวกัน การเดินทางเยือนประเทศจีนครั้งนี้ ก็ไม่มีประเด็นข่าวที่สื่อมวลชนในต่างประเทศเสนอ และให้ความสำคัญเลย แม้แต่สำนักข่าวซินหัวของจีน ก็ลงข่าวแค่ภาพจับมือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เท่านั้น ไม่มีเนื้อข่าวประกอบ หรือคำอธิบายเพิ่มเติมเลย
“ส่วนการเสนอข่าวของสื่อไทย ก็เป็นการเสนอข่าวการสัมภาษณ์ของรัฐมนตรีที่ติดตามคณะที่ติดตาม ทุกคนจะเน้นในประเด็นที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ชื่นชม น.ส.แพทองธาร และรัฐบาลไทย ที่ได้ตัดกระแสไฟฟ้าชายแดนพม่า 5 จุด เพื่อสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ น.ส.แพทองธาร เองก็รู้สึกปลื้มกับคำชมนี้มากด้วยเช่นกัน จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมรัฐบาลจึงเร่งการตัดไฟชายแดนพม่าอย่างเร่งด่วนให้ได้ ก่อนที่จะออกเดินทางไปเยือนประเทศจีน ทำให้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย เร่งตัดไฟตอนเวลา 9 โมง ก่อนที่นายกฯขึ้นเครื่องบินไปประเทศจีน 3 ชั่วโมง ถ้าไม่มีประเด็นการตัดไฟก่อนไปเยือนประเทศจีน คงไม่มีประเด็นอะไรไปอวด ให้นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ชื่นชมและขอบคุณ“
สำหรับประเด็นข่าวที่เสนอกันในสื่อโซเชียลมากที่สุด ไม่ใช่ประเด็นวาระงานการเยือนประเทศจีน แต่เป็นเรื่องการแต่งตัวของนางสาวแพทองธาร ที่ถูกวิจารณ์เรื่อง หมวก เสื้อผ้า และกางเกง รวมไปถึงรองเท้าที่สวมใส่ ว่า มีความเหมาะสมกับภาวะผู้นำประเทศหรือไม่ สรุปได้ว่าการเดินทางไปเยือนประเทศจีนของนางสาวแพทองธารในครั้งนี้ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญ ได้เพียงแค่การสร้างภาพการเดินทางไปเยือน แต่ผลสัมฤทธิ์ของเนื้องานกลับไม่มีเลย นับว่าเป็นการเสียโอกาสของประเทศชาติอีกครั้งหนึ่ง