xs
xsm
sm
md
lg

ตีตก "โจ๊ก+ตำรวจใหญ่รอบตัว”! อนุฯป.ป.ช. ตัดตอนเหลือแค่ "คริษฐ์-กิตติชัย" เอี่ยวเว็บพนัน! เผือกร้อน "สุชาติ" ประธานป.ป.ช.คนใหม่ ** ศึกอบจ.เชียงราย แพ้เพราะบ้านใหญ่ขบเหลี่ยม “ยุทธ ตู้เย็น” หมดราคา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล - ยงยุทธ ติยะไพรัช
ข่าวปนคน คนปนข่าว



++ ตีตก "โจ๊ก+ตำรวจใหญ่รอบตัว”! อนุฯป.ป.ช. ตัดตอนเหลือแค่ "คริษฐ์-กิตติชัย" เอี่ยวเว็บพนัน! เผือกร้อน "สุชาติ" ประธานป.ป.ช.คนใหม่

หลัง "สุชาติ ตระกูลเกษมสุข" อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี ได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คนใหม่ ด้วยมติ 5:2 เป็นที่เรียบร้อย

จากนี้ก็ต้องติดตามดูว่า คดีค้างเก่าใน ป.ป.ช.ที่สำคัญๆ โดยเฉพาะคดีที่สังคมให้ความสนใจนั้นจะคืบหน้าอย่างไร!?

หนึ่งในคดีที่ถูกเฝ้าจับตาใกล้ชิด ก็ต้องบอกว่ามีคดีของ "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร.ขึ้นแท่นมีผู้ชมรอคอยผลจะออกหัวหรือก้อย มากที่สุดคดีหนึ่งแน่นอน !

สุชาติ ตระกูลเกษมสุข
ล่าสุดมีพรายมากระซิบว่า คดีนี้คณะอนุฯ โดย “เอกวิทย์ วัชชวัลคุ” คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอให้คณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ ตีตกข้อกล่าวหา “โจ๊ก” และพวกตำรวจรอบตัวที่เกี่ยวโยงกับเว็บพนัน อาทิ “พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์”

ยกเว้น "พ.ต.อ.คริษฐ์ ปริยะเกตุ" ตำรวจพ่อบ้านโจ๊ก ที่ยินยอมพร้อมใจจะตายแทนนาย “พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร”และ เด็กๆ ที่โอน รับโอน ถอนเงินให้ และเจ้าของเว็บพนัน ที่จะมีความผิด

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล
เรียกว่า “โจ๊ก และพวกตำรวจใหญ่ใกล้ตัว” ใกล้จะได้จุดพลุฉลองไชโยโห่ฮิ้ว ที่รอดคดีเต็มที

ถ้ายังจำไดั “พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ” รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เคยทำหนังสือถึง เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน เรื่อง ขอให้ นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการป.ป.ช. ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวน และวินิจฉัยคดีต่างๆ ของ “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” และ ถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะเชื่อว่าการพิจารณาของคณะอนุฯ จะออกมาเป็นคุณกับ โจ๊กและพวก

เอกวิทย์ วัชวัลคุ
ว่ากันว่า ความเอียงกะเท่เร่ ของคณะอนุฯชุด นายเอกวิทย์ ไม่ได้นำพยานหลักฐานมาพิจารณาอย่างรอบด้าน ไม่นำข้อเท็จจริงทั้งหมด ที่พนักงานสอบสวนส่งไปมาประกอบการพิจารณา เลือกเชื่อตามหลักฐานและพยานที่ “โจ๊ก” เสนอแล้วนำหลักฐานบางส่วนในสำนวนมาหักล้าง!

พูดง่ายๆ ว่า คณะอนุฯเสี่ยงต่อการถูกครหา ตั้งคำถามว่าทำงานโดยไม่โปร่งใส ไม่บริสุทธิ์ ไม่ทำตามข้อเท็จจริงหรือไม่ !?
มิหนำซ้ำ ข่าวว่าไม่เรียกสอบพยานอีกเป็นจำนวนมาก เรียกสอบเฉพาะฝั่งที่เป็นคุณของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์

พ.ต.อ.คริษฐ์ ปริยะเกตุ
นี่ก็คือเสียงของพรายกระซิบเล่าอ้างมาให้ได้ยิน ที่หากเป็นเรื่องจริงต้องถือว่าเป็นเรื่องมาตรฐานของป.ป.ช. คงไม่พ้นถูกคนนินทา หมาดูถูก แน่ๆ

บทเรียนวิกฤตศรัทธาขององค์กรที่ถูกครอบงำโดยผู้มีอำนาจในยุคก่อนนี้ ก็มีให้เห็นชัดเจน เอื้อเฟื้อพวกพ้องจน ป.ป.ช.พัง
หากเป็นไปได้ บริสุทธิ์ใจต้องหงายผลพิจารณาของคณะอนุฯ ให้สาธารณะได้เห็นกันจะจะ ไปเลยว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่มีเสียงแว่วมาดังกล่าว ก็จะพิสูจน์ว่า ป.ป.ช.ยุคใหม่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และ ยึดความถูกต้อง สุจริตเป็นที่ตั้ง

"เผือกร้อน" นี้ก็ขึ้นอยู่กับ "สุชาติ ตระกูลเกษมสุข" ประธานป.ป.ช. คนใหม่ที่จะแสดงให้สังคมเห็นว่าจะลงเอยอย่างไร จะเรียกความเชื่อมั่น และศรัทธากลับมาได้หรือไม่ งานนี้ก็แล้วแต่ละครับทั่น

ยงยุทธ ติยะไพรัช
++ ศึกอบจ.เชียงราย แพ้เพราะบ้านใหญ่ขบเหลี่ยม “ยุทธ ตู้เย็น” หมดราคา

ศึกเลือกตั้งนายกอบจ.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ส่ง16 จังหวัด ได้ 10 แพ้ 6

จังหวัดที่แพ้ แล้วทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงต้อง “อาย” ก็คือที่ จ.ศรีสะเกษ ลำพูน และเชียงราย

มีคำถามตามมาทันทีว่า ทักษิณ “สิ้นมนต์ขลัง” แล้วหรือ เพราะก่อนหน้านั้น ไปหาเสียงให้ผู้สมัครที่ จ.อุดรธานี อุบลราชธานี ก็ชนะขาดลอยทั้งคู่ จนมีการคาดหมายว่า จังหวัดไหนที่ “ทักษิณ” ไปช่วยหาเสียง จะต้องชนะแน่

หลังเลือกตั้ง “นายกฯอิงค์” ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็เรียกประชุมสส. เพื่อสรุปบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งนี้ทันที
“หัวหน้าอิ๊งค์” สรุปว่า จังหวัดที่แพ้ เพราะ มีความขัดแย้ง ไม่ยอมกัน แตกสามัคคี ทุกคนไม่ยอมลด “อีโก้” ของตัวเอง บางจังหวัดแยกกันเป็นสามสี่ก๊วน ทำให้ทำงานลำบาก ... คืออยากจะบอกว่า แพ้เพราะพวก “บ้านใหญ่” ในจังหวัดนั่นแหละ ไม่ได้เกี่ยวกับทักษิณสิ้นมนต์ขลัง

วิสาร เตชะธีราวัฒน์
พูดมาแค่นี้ คนในพรรครู้ทันทีว่า “หัวหน้าอิ๊งค์” หมายถึงจังหวัดเชียงราย

เพราะก่อนวางตัวผู้สมัคร มีผู้เสนอตัว 2 คน คือ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ต้องการให้ภรรยาตนเองคือ “สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” ลงสมัคร ส่วนอีกคนคือ “วิสาร เตชะธีราวัฒน์” อดีต สส. เชียงราย ก็ต้องการลงสมัคร

สำหรับ “ยงยุทธ” นั้นเล่นการเมืองมาก่อนที่ “ทักษิณ” จะตั้งพรรค เป็นสส.สมัยแรกเมื่อปี 2538 สังกัดพรรคเอกภาพ เมื่อทักษิณตั้งพรรคไทยรักไทย ยงยุทธ ก็มาอยู่ด้วย ได้เป็นสส. เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เคยเป็นถึงประธานรัฐสภา

ส่วนฉายา "ยุทธ ตู้เย็น" ก็ได้มาจากการสนองนโยบายปราบยาเสพติดของรัฐบาลทักษิณ ตอนนั้น “ยงยุทธ” เป็นเลขานายกฯ คุมกำลังตำรวจคอมมานโดจากกองปราบ ไปปิดล้อมบ้านตา ยาย ที่เชียงรากน้อย อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา หลังได้รับข่าวจากตู้ปณ.ร้องทุกข์ถึงนายกฯ ว่าเป็นแหล่งผลิตและค้ายาบ้า เปิดฉากยิงถล่มกันกลางดึก ก่อนเข้าไปตรวจค้น ปรากฏว่าไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ แต่สภาพบ้านเสียหาย ตู้เย็นมีรูกระสุนกว่า 50 นัด จึงเป็นที่มาของฉายา “ยุทธ ตู้เย็น”
เมื่อ “ทักษิณ” หนีออกนอกประเทศยาว “ยุทธ ตู้เย็น” ก็หมดบารมีไปด้วย

ด้าน “วิสาร เตชะธีราวัฒน์” ได้เป็น สส.ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2529 เมื่อทักษิณตั้งพรรคไทยรักไทย ก็เข้ามาอยู่ด้วย ถึงตอนนี้ก็เป็น สส.มาแล้ว 9 สมัย เคยเป็น ที่ปรึกษารองนายกฯ เป็นรมช.มหาดไทย ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์

มีลูกสาวคือ “วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์” ก็ได้เป็นสส. 3 สมัย แต่งงานกับ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง ในรัฐบาลปัจจุบัน
มี “บ้านใหญ่” ที่เป็นแนวร่วมคือ “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” สส.เชียงราย และรองประธานสภาฯสมัยปัจจุบัน

เมื่อสองบ้านใหญ่ต่างเสนอตัว ไม่มีใครถอย คนที่ต้องตัดสินใจก็คือ “นายใหญ่” ทักษิณ สุดท้ายด้วยความสนิทสนม รู้มือกันมาก่อน “ทักษิณ” เลยชี้ไปที่บ้านใหญ่ “ติยะไพรัช” หวังจะให้มีโอกาสได้ฟื้นบารมี เหมือนที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่

ส่วนคู่ต่อสู้ของ “สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” ก็คือ “อทิตาธร วันไชยธนวงศ์” ตัวแทนจากบ้านใหญ่สีน้ำเงิน “ภูมิใจไทย”

เหมือน “ทักษิณ” จะรู้ว่าเจอศึกหนัก เพราะบ้านใหญ่ “ขบเหลี่ยม”กันภายใน จึงไปปราศรัยถึงสองรอบ ... ขณะที่ฝ่ายบ้านใหญ่สีน้ำเงินก็รู้ว่า “สีแดง” แตกคอกัน จึงถือโอกาสทุ่มสรรพกำลังในช่วงโค้งสุดท้าย

ฝ่ายบ้านใหญ่ ของเพื่อไทย ก็มีการแบ่งพื้นที่กันรับผิดชอบเป็นกลุ่มอำเภอ โดย “ยงยทธ” รับผิดชอบ อ.เมืองฯ อ.แม่สาย อ.แม่ฟ้าหลวง อ.เวียงชัย อ.เวียงเชียงรุ้ง อ.พญาเม็งราย

ส่วนอำเภออื่นๆ ที่เหลือ ก็มอบให้ “วิสาร เตชาธีราวัฒน์- พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน และเทอดชาติ ชัยพงษ์” เป็นเจ้าภาพ

ผลปรากฏว่า มีแพ้ ชนะ สลับกัน ในหลายอำเภอ พื้นที่ของ “วิสาร” ถือว่าทำคะแนนได้ดี ชนะหลายอำเภอ บางอำเภอก็ชนะขาด
ส่วนพื้นที่ของ “พิเชษฐ์ กับเทิดชาติ” แพ้มากกว่าชนะ เพราะส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เป้าหมายของคู่ต่อสู้

แต่ที่แพ้หนักคือเขตที่ “ยงยุทธ” รับผิดชอบ โดยเฉพาะพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย แพ้ไปกว่า หมื่นคะแนน และเป็นอำเภอที่แพ้มากที่สุด เล่นเอา “ยุทธ ตู้เย็น” ถึงคอตก มือกุมขมับ

สุดท้ายผลการเลือกตั้งปรากฏว่า “อทิตาธร วันไชยธนวงศ์” เอาชนะไปได้ โดยได้ 261,301 คะแนน ส่วน “สลักจฤฏดิ์” ได้ 243,434 คะแนน

นี่แหละที่ “หัวหน้าอิ๊งค์” บอกว่า แพ้เพราะแบ่งเป็นหลายก๊ก แตกแยก ไม่ยอมกัน

ส่วน “ทักษิณ” หลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะได้ไปเชียงรายอีกเมื่อไร เพราะประกาศบนเวทีหาเสียงไปแล้วว่า ถ้าแพ้คงไม่กล้ามาเชียงราย เพราะอาย


กำลังโหลดความคิดเห็น