xs
xsm
sm
md
lg

“อนุทิน”รองนายกฯ-มท.1 มีไว้ทำคอนเทนต์ตลก! ตัดไฟเมียนมายังไงให้แก๊งคอลฯหัวเราะร่า ** “พรรคส้ม” เคยบูลลี่ “นักร้อง” วันนี้แพ้เลือกตั้งนายก อบจ. กลับมาเล่นบทนักร้องเองซะงั้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน ชาญวีรกูล  - แพทองธาร ชินวัตร - ภูมิธรรม เวชยชัย
ข่าวปนคน คนปนข่าว



++ “อนุทิน”รองนายกฯ-มท.1 มีไว้ทำคอนเทนต์ตลก! ตัดไฟเมียนมายังไงให้แก๊งคอลฯหัวเราะร่า

เต้นชะชะช่าอยู่นาน จนถึงไฟต์บังคับ พลิ้วต่อไม่ไหว “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงเข้าสำนักงานใหญ่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) นั่งทำพิธี “กดปุ่ม” ปฏิบัติการตัดไฟฟ้าจากฝั่งไทยไปฝั่งเมียนมา 5 จุด อย่างที่เห็นเป็นภาพเผยแพร่ในโลกโซเชียลฯ จนล้อกันเป็นที่ขบขัน ถูกแซะว่าไม่ต่างอะไรกับการ“เล่นละคร”

ต้องบอกว่า “อนุทิน” สมควรให้ชาวเน็ตแซะ เพราะสิ่งนี้ควรทำตั้งนานแล้ว เป็นอำนาจหน้าที่ของตัวเองแท้ๆ แต่ด้วยระหว่าง “อนุทิน” กับ “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม เกี่ยงกันไป-มา กว่าจะลงมือทำได้ ก็ทอดเวลามาเนิ่นนาน และ เป็นสมช. ที่นึกหาเหตุผลออก ในการประชุมเมื่อวันอังคารที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน จะจัดห้องแต่งตัวหล่อ นั่งกดปุ่ม “ทำคอนเทนต์” ตัดไฟ 1 วัน

อนุทิน ชาญวีรกูล
เหตุผลก็คือการจําหน่ายไฟฟ้าของกฟภ.ให้เมียนมา พบข้อมูลที่มีการนําไฟฟ้าไปใช้ไม่เป็นตามสัญญา ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ จึงมีมติให้กระทรวงมหาดไทย และกฟภ. งดจําหน่ายไฟฟ้าที่จ่ายให้เมียนมา
ดังนั้น งานนี้ “อนุทิน” แทนที่จะอับอายถูกด่าไม่กล้าสั่งการ โยกโย้ พลิ้วไปพลิ้วมา กลับนั่งทำคอนเทนต์ กดปุ่มสับสวิตช์ เอาเท่ เอาหน้า ดุจดั่งเป็นผู้กล้าท้าลุยแก๊งคอลเซนเตอร์!

แถมระหว่างที่ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง เพื่อเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ หันมาถาม “อนุทิน” ถึงกรณีดังกล่าวว่า เห็นไปนั่งกดปุ่ม เรียบร้อยดีใช่ไหม

 ภูมิธรรม เวชยชัย
เหมือนตอกย้ำให้ได้อายเข้าไปอีกว่า หน้าที่ “ตัดไฟ” เป็นหน้าที่ของมหาดไทย-กฟภ. แต่ทำไมปล่อยไว้เนิ่นนาน จนต้องสั่ง!
และจากความล่าช้า พิธีรีตองเยอะ ปฏิเสธไม่ได้ว่า กลุ่มแก๊งคอลเซนเตอร์ สกิมเมอร์ กาสิโน ฝั่งเมียนมา มีเวลาเหลือเฟือที่จะแก้เกม ตุนเครื่องปั่นไฟ หาทางไม่ให้กระทบ

มิหนำซ้ำยังเป็นคำถามว่า การกดปุ่มตัดไฟ 5 จุด ของ “อนุทิน” ครั้งนี้ ครอบคลุมตำแหน่งที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตรงไหน อย่างไรบ้าง ?

มีรายงานว่า ในแถบเมียวดี บรรดาธุรกิจสีเทาทั้งหลายยักไหล่ แล้วไปต่อ โดยเตรียมพร้อมเครื่องปั่นไฟ น้ำมัน และ โซลาร์เซลล์ ส่วนท่าขี้เหล็ก หันไปใช้ไฟจากลาว และเครื่องปั่นไฟ โซลาร์เซลล์ เช่นกัน

แพทองธาร ชินวัตร
หลังจากการตัดไฟของทางการไทย ทำให้มีการขนส่งสินค้าประเภทแผงโซล่าเซลล์ และแบตเตอรี่ มีจำนวนเพิ่มมาขึ้นผ่านตรงท่าต่างๆ

สะท้อนว่า ที่ “อนุทิน” เต้นชะชะช่า เตะถ่วงมาเรื่อยๆนั้น ทำให้บรรดาธุรกิจสีเทามีเวลาเตรียมการ แก้เกมสบายแฮ จนเชื่อมั่นว่าอีก 2-3 วัน จะกลับมาสว่างไสวดังเดิม

สรุปว่าไทยตัดไฟไปเมียนมาครานี้ แก๊งคอลฯ ไม่เดือดร้อน กลับเป็นชาวบ้านละแวกใกล้เคียง ได้รับผลกระทบมากกว่า
แบบนี้ทำให้อดคิดไม่ได้ ถ้าไทยทำเร็วปานสายฟ้าฟาด ฟ้าร้องไม่ทันอุดหู ผลลัพธ์คงแตกต่างกัน

เจตนาตัดไฟ-ตัดเน็ต ทำเพื่อให้แก๊งคอลฯ อ่อนแอลง ชาวประชากลับได้เห็นภาพ “อนุทิน” กดปุ่มทำพิธีเสียใหญ่โต แต่ไร้ผล
ป่านนี้แก๊งคอลฯ คงหัวเราะร่า มอง "อนุทิน" รองนายกฯ-มท.1 ของไทย มีไว้แค่ทำคอนเทนต์ตลก! ตัดไฟยังไงให้สว่างกว่าเดิมหือ!

ศรายุทธิ์ ใจหลัก
++ “พรรคส้ม” เคยบูลลี่ “นักร้อง” วันนี้แพ้เลือกตั้งนายก อบจ. กลับมาเล่นบทนักร้องเองซะงั้น

เป็นที่น่าผิดหวัง สำหรับบรรดาแกนนำ “พรรคประชาชน” และ “ติ่งส้ม” ที่ผู้สมัครนายกอบจ. ฝ่าด่าน มาได้เพียงแค่ 1 คน ที่ ลำพูน

จังหวัดเป้าหมายที่ก่อนหน้านี้ ได้ชื่อว่า “ส้มทั้งจังหวัด” เพราะ กวาดส.ส.มาได้ทั้งหมด หรือ บางจังหวัดกวาดมาเกือบหมด กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า บางจังหวัดแม้แต่ ส.อบจ.ก็ไม่ได้ซักที่นั่ง

“ศรายุทธิ์ ใจหลัก” เลขาธิการพรรคประชาชน บอกว่า นี่เป็นผลมาจากการกำหนดวันเลือกตั้งเป็น “วันเสาร์” ที่ไม่ใช่วันหยุดงานของภาคธุรกิจ คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ยังต้องไปทำงาน พร้อมยกตัวเลขมาประกอบการตั้งสมมติฐานดังกล่าวว่า สัดส่วนผู้มาใช้สิทธิ์ ลดลงจาก 62% มาอยู่ที่ประมาณ 55% หายไป 7-8% หรือคิดเป็นจำนวนคน ก็ราว 2 ล้านกว่าคน ที่ไม่ได้ออกมาหย่อนบัตรในครั้งนี้

อย่าง จันทบุรี ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งลดลงถึง15% ภูเก็ต ลดลงกว่า 11% นนทบุรี ลดลงกว่า 9% สมุทรปราการ สุราษฎร์ธานี ชลบุรี และ ระยอง ลดลงกว่า 7-8%

สรุปว่า เลือกตั้งวันเสาร์ ไม่เวิร์ก!

จักรพันธุ์ จินตนาพากานนท์
เรื่อง “บัตรเสีย” กับ ไม่เลือกผู้ใด หรือ “โหวตโน” ก็เป็นข้อข้องใจของพรรคส้มเช่นกัน โดยเฉพาะที่ เชียงใหม่ กับ สมุทรปราการ
โดยที่ เชียงใหม่ “พิชัย เลิศพงศ์อดิศร” พรรคเพื่อไทย ได้ 379,341 คะแนน “พันธุ์อาจ ชัยรัตน์” พรรคประชาชน ได้ 358,386 คะแนน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 877,640 คน บัตรดี 778,227ใบ บัตรเสีย 41,798 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 57,625 ใบ

สมุทรปราการ “สุนทร ปานแสงทอง” คนของบ้านใหญ่อัศวเหม ได้ 209,330 คะแนน “นพดล สมยานนทนากุล” จากพรรคประชาชน ได้ 187,191 คะแนน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 569,659 คน บัตรดี 547,604 ใบ บัตรเสีย 22,055 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 42,142 ใบ

ขณะที่ จ.นครราชสีมา นั้นถือว่าเป็น “แชมป์โหวตโน” โดยมีผู้มาใช้สิทธิ์ 1,155,142 คน บัตรดี 972,902 ใบ บัตรเสีย 71,306 ใบ (6.17%) บัตรไม่เลือกผู้สมัครคนใด 110,934 ใบ (9.60%)

ว่ากันว่า “บัตรเสีย” นั้นส่วนใหญ่เป็นเจตนาของผู้ใช้สิทธิ์ ที่ต้องการทำให้เป็นบัตรเสีย ด้วยการเขียนข้อความอื่นๆ แบบว่า อยากระบายอารมณ์ลงในบัตรเลือกตั้ง ไม่ใช่กรรมการประจำหน่วยขานคะแนนมั่ว

นพดล สมยานนทนากุล
ส่วนคะแนน “โหวตโน” นั้น อาจเป็นเพราะว่า ไม่มีผู้สมัครที่ถูกใจเลยซักคน หรือ ตั้งใจโหวตโน เพื่อให้คะแนนมากกว่า ผู้ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งตามกติกาแล้วจะต้องเลือกตั้งกันใหม่ เหมือนได้ “ตบหน้า”ผู้ชนะอย่างสะใจ

ด้วยความข้องใจในเรื่องที่ว่ามาข้างต้น ล่าสุด ผู้สมัครของพรรคประชาชน ก็เล่นบท “นักร้อง” เข้าร้องเรียนต่อ กกต.

โดย “จักรพันธุ์ จินตนาพากานนท์” ผู้สมัครนายกอบจ. นครนายก เข้ายื่นคำร้อง ขอให้กกต.สั่งนับคะแนนใหม่ เพราะมีความผิดปกติในเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.องครักษ์ ที่มีผู้มาใช้สิทธิ 6,449 คน แต่กลับเป็นบัตรเสียถึง1,096 ใบ

“จักรพันธุ์” ไม่เชื่อว่าจะมี มีบัตรเสียถึง 1 ใน 6 คือทุกๆ 6 คน จะกาบัตรเสีย 1 คน อีกทั้งคะแนนของตนเอง กับผู้ชนะห่าง กันเพียง 900 กว่าคะแนน แต่กลับมีบัตรเสียกว่า 5,800 ใบ แถมยังมีความผิดปกติในการส่งบัตรเลือกตั้งจากหลายหน่วยมายัง อบจ. มีความล่าช้า บางหน่วยมาถึงเที่ยงคืน

อีกคนคือ “นพดล สมยานนทนากุล” ผู้สมัครนายกอบจ. สมุทรปราการ มาร้องเรื่องการทุจริต ซื้อเสียง โดยระบุว่า มีข้อมูล หลักฐาน จากประชาชนชาวสมุทรปราการส่งมาให้ ว่ามีการซื้อเสียงหัวละ 200 บาท จึงมาขอให้ กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่า การเลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรม ก็ขอให้มีการจัดเลือกตั้งใหม่

เมื่อเริ่มมีการร้องเรียนกันแล้ว เชื่อว่าคงจะไม่หยุดอยู่แค่สองคนนี้ ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีเพิ่มอีกกี่คน

“พรรคส้ม” ที่เคยบูลลี่ ชอบแสดงรำคาญพวก “นักร้อง” ตอนนี้กลับหันมาเล่นบทนักร้องเองซะงั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น