มหาดไทย ส่อดับฝัน สส.เพื่อไทย เขตสีคิ้ว โคราช ที่ชงตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษา “จ.นครราชสีมา” เป็นเมืองหลวงแห่งที่ 2 ของประเทศไทย ป้องกัน กทม./ปริมณฑล ที่ประสบปัญหากำลังจะจมบาดาล หลัง ครม.รับทราบผลสรุป 7 ข้อฉบับมหาดไทย ชี้ ย้ายเมืองหลวงต้องทำประชามติประเมินผลกระทบ แถมต้องใช้งบมหาศาล กระทบกิจการผู้ประกอบการ-จ้างงาน-วิถีชีวิต สบช่อง! ความเห็น “กรม ปภ.” เสนอดันแผนสร้างแนวป้องกัน กทม.- ปริมณฑล พ่วงดัน “โคราช” เป็นเมืองศูนย์กลาง เพื่อสร้างสมดุลระบบเมืองของประเทศ เหมาะสมกว่า ย้ำ หากทำต้องศึกษาด้านทรัพยากรน้ำในทุกมิติ
วันนี้ (5 ก.พ.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้า ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อ 28 พ.ย. 2566 มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานหลัก
รับญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้ง “คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งเมืองหลวงแห่งที่ 2 ของประเทศไทย” หรือการสร้างแนวป้องกันกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ที่ประสบปัญหากำลังจะจมบาดาล
โดยที่ผ่านมา นายพชร จันทรรวงทอง สส.นครราชสีมา เขต 13 อ.สีคิ้ว พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 22 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2566
“ขอเสนอจังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองหลวงแห่งที่ 2 ของประเทศไทย”
โดยมีญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งเมืองหลวงแห่งที่ 2 ของประเทศไทย หรือการสร้างแนวป้องกันกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ที่ประสบปัญหากำลังจะจมบาดาล
https://www.youtube.com/watch?v=JubQwcFbets
ล่าสุด ที่ประชุม ครม. 4 ก.พ. 2568 รับทราบผลการพิจารณาจากกระทรวงมหาดไทย จำนวน 7 ประเด็น โดยเฉพาะ ประเด็นข้อเสนอ “การย้ายเมืองหลวง จากกรุงเทพมหานครไป จังหวัดนครราชสีมา”
ข้อ 3. การย้ายเมืองหลวง จากกรุงเทพมหานคร ไป จังหวัดนครราชสีมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นว่า
การย้ายเมืองหลวงจะต้องมีการทำประชามติ และประเมินผลกระทบ ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของผู้ประกอบการและการจ้างงาน และกระทบต่อวิถีชีวิต และขนบธรรมเนียมประเพณีของประชาชน
“ดังนั้น การสร้างแนวป้องกันกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หรือดำเนินการเพิ่มเมืองศูนย์กลาง ระดับภาคและศูนย์กลางรองระดับภาคเพื่อสร้างสมดุลให้แก่ระบบเมืองของประเทศ น่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมกว่า”
ข้อ 4. ความเหมาะสมของจังหวัดนครราชสีมา ที่จะเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศไทย
โดยปัจจุบันกรมโยธาธิการและผังเมือง และกระทรวงคมนาคม ได้ดำเนินการศึกษาและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานแล้ว เช่น โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง โครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่
ทั้งนี้ ควรมีการศึกษาด้านทรัพยากรน้ำในทุกมิติให้เกิดความมั่นคงและความสมดุลกับความต้องการน้ำในอนาคต และศึกษาแนวทางการย้ายเมืองหลวงของประเทศอื่นเป็นแนวทางและเทียบเคียงด้วย
มีรายงานว่า ขณะที่ ผลการพิจารณาอื่นๆ เช่น ในส่วนของแผนการจัดน้ำที่ดี กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการจัดหาพื้นที่รองรับน้ำและกักเก็บน้ำเพิ่มเติมสำหรับแผนการจัดการน้ำในระยะกลางแล้ว
และได้ดำเนินการก่อสร้างระบบระบายน้ำ ซึ่งเป็นอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่แล้ว 4 แห่ง อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 4 แห่ง และมีแผนสร้างคันกั้นน้ำด้านตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นเพื่อการจัดการน้ำในระยะยาวอีกด้วย
ส่วนของโครงสร้างการป้องกันชายฝั่งกรุงเทพมหานคร ได้จัดทำโครงสร้างแบบแข็ง (เขื่อนกันคลื่น/กำแพงกันคลื่น) และแบบอ่อน (เนินทราย/ป่าชายเลน)
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะในพื้นที่ กทม. จ.สมุทรปราการ และ จ.สมุทรสาคร และกระทรวงคมนาคม ได้ร่วมมือกับรัฐบาลออสเตรเลียทางด้านวิชาการด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัย โดยเฉพาะระบบระบายน้ำ
ประเด็นการศึกษาในเรื่องน้ำทะเลที่สูงขึ้นอันเกิดจากภาวะโลกร้อน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการศึกษา เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น เช่น การจัดทำ Sea barrier ได้แก่ การพัฒนาเขื่อน ประตูกั้นปากแม่น้ำ ประตูระบายน้ำ คันกั้นน้ำทะเล
รวมทั้งการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการศึกษาแนวทางการป้องกันการรุกตัวของน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา และการศึกษาการคาดการณ์อนาคต ระดับน้ำที่สูงขึ้นในแต่ละช่วงปี เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาให้เกิดความครอบคลุม
และควรศึกษาพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและปัญหาอย่างต่อเนื่อง
ประเด็นการศึกษาผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่า
“ควรมีการจัดทำฉากทัศน์ เพื่อเปรียบเทียบ สถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางเลือกและผลได้ผลเสียเปรียบเทียบ และควรศึกษาผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นให้รอบคอบเพื่อกำหนดแผนป้องกัน แก้ไข และการจัดการแบบปรับตัว (Adaptive Management) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
สุดท้าย ประเด็นการสนับสนุนการวิจัยพัฒนาในการออกแบบอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่า
“ควรมีการศึกษาการออกแบบอาคารใหม่ และการปรับปรุงอาคารที่มีอยู่เดิมแบ่งตามประเภทอาคารที่ใช้งาน รวมถึงขนาดและความสูงของอาคาร ควรมีการปรับปรุง Rule Curve ของแต่ละอาคารบังคับน้ำและอ่างเก็บน้ำให้สอดคล้องกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”
รวมทั้งควรเตรียมการด้านกฎหมายและการสร้างความตระหนักให้หน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนและประชาชน ควบคู่กันไป และควรมีการปรับกฎหมายสิ่งก่อสร้างให้สอดรับกับการปรับโครงสร้างอาคารสถานที่
มีรายงานด้วยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้มีความเห็นในประเด็น การย้ายเมืองหลวงไปสู่จังหวัดอื่น เห็นว่า ต้องมีการศึกษา และพิจารณาให้ครอบคลุมทุกมิติอย่างรอบด้านและละเอียดรอบคอบ
ทั้งความเหมาะสมทางเชิงภูมิรัฐศาสตร์ สาธารณูปโภค สาธารณูปการ ระบบราชการ ตลาดแรงงาน เทคโนโลยีและการสื่อสาร การคมนาคมขนส่ง สิ่งแวดล้อม เป็นต้น
โดยจะต้องผ่านกระบวนการทําประชามติและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องมีการใช้งบประมาณเป็นจํานวนมาก จึงมีความเห็นว่าการดําเนินการหาแนวทางการสร้างแนวป้องกันกรทม. และปริมณฑล ที่ประสบปัญหากําลังจะจมบาดาล น่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมกว่า
หรือแนวทางในการเพิ่ม เมืองศูนย์กลางระดับภาค เพื่อกระจายความเจริญและสร้างสมดุลให้แก่ระบบเมืองของประเทศ ส่วนความเหมาะสม ของจังหวัดนครราชสีมาที่จะเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศไทย
ให้ความเห็นว่าต้องมีการศึกษาด้านทรัพยากรน้้ำในทุกมิติให้เกิดความมั่นคงทางน้ำและความสมดุลกับความต้องการน้ําในอนาคต และควรมี การเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการน้ำท่วม น้ำเสีย และการขาดแคลนน้ำ
รวมทั้งควรมีการศึกษาแนวทาง การย้ายเมืองหลวงของประเทศอื่น ที่เคยมีหรือจะมีการย้ายเมืองหลวงเป็นแนวทางและเทียบเคียงด้วย
ทั้งนี้ ในการตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งเมืองหลวงแห่งที่ 2 เห็นว่า อาจศึกษาเพื่อเป็น แนวทางสํารองเพื่อรองรับการขยายตัวของความเจริญในอนาคตอันใกล้ รวมทั้งภาวะเรื่องการบรรเทาอุทกภัย การขาดแคลนน้ำ และการรุกของน้ำทะเลในอนาคต.