xs
xsm
sm
md
lg

เอฟเฟกต์เลือกตั้ง อบจ. รัฐบาลผสมลดบทบาทเพื่อไทย !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทองธาร ชินวัตร - อนุทิน  ชาญวีรกูล
เมืองไทย 360 องศา

ยังต้องพูดถึงเรื่องการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 47 จังหวัด และเมื่อโฟกัสในจังหวัดสำคัญ ลักษณะเป็นแบบ “สัญลักษณ์” มีผลทางการเมือง ก็จะรับรู้กันไปแล้วว่า ฝ่ายที่ “ขาดทุน เสียเครดิต” ไปมากที่สุดคือ นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ของเขานั่นเอง

เพื่อให้เห็นภาพลองมาพิจารณาในแต่ละจังหวัดสำคัญที่ทราบผลการเลือกตั้ง ว่ามีจังหวัดไหนบ้าง ว่าใครแพ้ ใครชนะ มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ชนะ หรือแพ้ ตามที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.สรุปมาให้แล้ว

ตรวจสอบผลการเลือกตั้งในจังหวัดที่ทักษิณไปปราศรัย

1. เชียงราย แพ้ (แพ้ตระกูลวันไชยธนวงศ์) 2. เชียงใหม่ ชนะ (ฉิวเฉียด) 3. ลำปาง ชนะ (เครดิต ตระกูลโล่ห์สุนทร) 4. ลำพูน แพ้ (ส้ม ชนะ ตระกูล วงศ์วรรณ) 5. นครพนม ชนะ (ชนะตระกูล โพธิ์สุ) 6. บึงกาฬ แพ้ (แพ้ตระกูล ทองศรี ) 7. หนองคาย ชนะ (ล้มแชมป์เก่าได้) 8. มหาสารคาม ชนะ (เครดิต ตระกูล จรัสเสถียร ล้มแชมป์เก่า) 9. ศรีสะเกษ แพ้ (ไล่หนู ตีงูเห่า แต่แพ้ตระกูล ไตรสรณกุล) 10. มุกดาหาร แพ้ (มีกำหนดการหาเสียงแต่ไม่ไป)

สรุป 10 จังหวัด แพ้ 5 จังหวัด จังหวัดที่ชนะ และถือว่า สำเร็จ คือ นครพนม และหนองคาย ส่วนที่เหลือ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องบารมีนักการเมืองในพื้นที่และบ้านใหญ่ คือ มหาสารคาม (จรัสเสถียร) ลำปาง (โล่ห์สุนทร) ส่วนเชียงใหม่ แม้ชนะ แต่ส้มไล่จี้หลักสามแสน ชนะ แค่สองหมื่น ไม่ถือว่าสำเร็จ

ส่วนที่แพ้ยับเยิน คือ ศรีสะเกษ อุตส่าห์ชูไล่หนู ตีงูเห่า ก็ยังแพ้ขาด เชียงราย ที่ปราศรัยหลายเวที ก็ยังแพ้ ลำพูน แพ้ส้ม บึงกาฬ แพ้ คุณนายของทรงศักดิ์ ทองศรี รมช. มหาดไทย

สรุป อบจ.คราวนี้ บ้านใหญ่ ชนะ พรรคใหญ่

แถมให้อีกบางจังหวัด เช่น นครราชสีมา ที่พรรคเพื่อไทย ชนะขาด ก็เป็นบารมีของ บ้านใหญ่ “หวังศุภกิจโกศล” รวมไปถึง ที่แปดริ้ว ฉะเชิงเทรา ก็เป็นของ พวก “ฉายแสง” ล้วนๆ

ดังนั้น เมื่อความจริงปรากฏออกมาแบบนี้ เชื่อว่า คงต้องมานั่งนึกสำรวจตัวเองสักพักว่า สาเหตุที่พ่ายแพ้แบบนี้ เป็นเพราะอะไร แต่เชื่อว่าสำหรับเขาแล้วคงจะยอมรับความจริงแบบนี้ได้ยาก ไม่เช่นนั้นช่วงการหาเสียงที่ผ่านมาเขา มีความ “อหังการ์” มาก ไม่เห็นใครในสายตา “ด่ากราด” ยกตนข่มคนอื่นไปทั่ว

และแม้ว่าจะพ่ายแพ้เสียหายย่อยยับแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงฝ่ายตรงข้ามที่ต้องหัวเราะชอบใจ แต่สำหรับเขาเมื่อพิจารณาจาก “แบ็กกราวด์” แล้ว คงอยากเอาชนะและพิสูจน์กันอีกครั้งให้แน่ใจ โดยเฉพาะในการเลือกตั้งใหญ่ เลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้า เชื่อว่าสำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร จะต้อง“จัดหนัก” กว่าเดิมหลายเท่าแน่นอน เพราะมันเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้ายจริงๆ และยิ่งเห็นแววแบบนี้มาแล้ว ยิ่งต้องทุ่มหมดหน้าตักแน่นอน

อย่างไรก็ดี เมื่อเห็นภาพแบบนี้ออกมาในแนวที่ว่า นายทักษิณ ชินวัตร กำลังเสื่อมความนิยมลงไปเรื่อยๆ ก็ย่อมส่งผลกระทบไปถึงพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง ส.ส.คราวหน้า อย่างแน่นอน ที่บอกว่าต้องกระทบ เพราะว่า นายทักษิณ ถือว่าเป็นเจ้าของพรรค เป็นทุกอย่างของพรรคนี้ หากเขาทรุด พรรคนี้ก็ย่อมทรุดตามไปด้วย แล้วยังกระทบไปถึงตัว นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เป็นลูกสาว เพราะถูกชี้นำทุกเรื่อง

เรียกว่าเมื่อทุกอย่างผูกติดอยู่กับ นายทักษิณ เมื่อเขาทรุดลง ที่เหลือก็ย่อมทรุดตามลงไปแบบเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว อย่างที่รับรู้กันก็คือ ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดคราวนี้ เขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นการเชื่อมโยงจากท้องถิ่นขึ้นไปถึงการเมืองระดับชาติ ทั้งในระดับรัฐบาล และ ส.ส.หมายความว่า หากชนะเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้แล้วก็จะเป็นการปูทางไปสู่ความสำเร็จในการเลือกตั้ง ส.ส.ซึ่ง นายทักษิณ ประกาศว่า จะคว้าส.ส.มาให้ได้ไม่ต่ำกว่า 200 ที่นั่ง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว หรือให้มีน้อยพรรคให้มากที่สุด

ก่อนหน้านี้ นายทักษิณ เคยกล่าวเรียกร้องว่า เลือกตั้งครั้งหน้าก็ขอให้เลือกเพื่อไทยให้หมด เพราะคราวที่แล้ว ได้น้อยไปหน่อย มีพรรคร่วมรัฐบาลเยอะ ทำงานได้ แต่ช้า คราวหน้าให้มีพรรคร่วมน้อยๆ เอาเพื่อไทยเยอะๆ รับรองว่าทำงานแล้วจะรวย เหมือนสมัยพรรคไทยรักไทย มันใหญ่ ทำงานได้เร็ว เพราะรัฐมนตรีอยู่ด้วยกัน อยู่สังกัดเดียวกันหมด ไม่มีเลศนัยเล่ห์เหลี่ยม

“มั่นใจว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะกลับมาที่หนึ่งให้ได้และได้ให้ถึง 200 กว่าให้เลือก อบจ. ไว้ทำ งานร่วมกันสองปีแล้วอีกสองปีเลือกตั้งใหญ่ เราจะแก้ปัญหาประชาชนได้หมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด เรื่องเลียบทางรถไฟ และรัฐบาลจะพยายามเพิ่มรายได้ให้ประชาชนลดค่าใช้จ่าย ลดค่าน้ำมัน ลดค่าไฟฟ้า ทุกอย่างจะถูกปรับปรุงอะไรที่เอาเปรียบพี่น้องประชาชน จะถูกแก้ รวมถึงจะเปิดให้มีการค้าเสรีไม่ให้มีเสือนอนกิน ฉะนั้นจึงขอให้ช่วยกันเลือก นายกอบจ. และ สจ.ให้เป็นมือไม้ให้ผม” นายทักษิณ กล่าว

อย่างไรก็ดี เมื่อผลการเลือกตั้ง นายก อบจ.ออกมาอย่างที่เห็น ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มันก็ต้องมาประเมินกันใหม่ ปรับท่าทีกันใหม่ หรือเปล่า เพราะมันย่อมเห็นแนวโน้มการเลือกตั้ง ส.ส.ได้ค่อนข้างชัดเจนว่า เมื่อนายทักษิณ ชินวัตร เสื่อมความนิยมแบบนี้ มันก็ย่อมส่งกระทบถึงโอกาสที่พรรคเพื่อไทย จะกวาด ส.ส.ได้ 200 เสียง แทบเป็นไปไม่ได้เลย

เมื่อตัวเลขมีแนวโน้มอย่างที่เห็น มันก็ย่อมทำให้ตัวเลข ส.ส. จะต้องกระจัดกระจายออกไปตามพรรคการเมืองต่างๆ บางพรรคอาจจะเพิ่มขึ้น หรือลดลง ตามความนิยม แต่ในอนาคตจะยังต้องเป็นรัฐบาลผสมอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นกี่พรรค หรือจะผสมกับพรรคใดบ้างนั้น ก็อีกเรื่องหนึ่ง

หากโฟกัสให้เห็นภาพชัดขึ้นไปอีก สำหรับการแข่งขันในสนามเลือกตั้ง ส.ส.มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องแข่งกับพรรค “ส้ม” คือ พรรคประชาชน เช่นเดิม เป็นคู่แข่งหลักเช่นเดิม พร้อมกับคู่แข่งหลักที่เข้มแข็งขึ้นมากกว่าเดิมคือ พรรคภูมิใจไทย ที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล และ เนวิน ชิดชอบ รวมไปถึงกลุ่ม รัชกิจประการ ที่ถือว่ามี “กระสุน”เต็มมือ และที่ผ่านมาสามารถสร้างเครือข่ายอำนาจ ทุนได้อย่างรอบด้าน พิสูจน์ได้จาก ส.ว.สีน้ำเงิน ล่าสุดก็ยังยึดกุม “บ้านใหญ่” ในสนามเลือกตั้งนายก อบจ. ได้สำเร็จในจังหวัดสำคัญหลายพื้นที่

ขณะที่พรรคอื่น เช่น รวมไทยสร้างชาติ ที่ระยะหลังก็เริ่มมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นมา บวกกับแฟนคลับ “ลุงตู่” ที่ยังเหนียวแน่นเป็นทุนเดิม ก็เชื่อว่า น่าจะรักษาความเป็นพรรคขนาดกลาง กลายเป็น “ตัวแปร” อยู่เช่นเดิม และหากมีการผนึกกำลังในพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ก็ยิ่งเพิ่มพลังต่อรองไปถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไปอีกด้วย ซึ่งรวมไปถึงพรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วย

สรุปก็คือ เมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร เสื่อมความนิยม มันก็ย่อมส่งผลไปถึงเป้าหมาย 200 เสียง อย่างแน่นอน และนั่นคือรัฐบาลคราวหน้าจะต้องเป็นรัฐบาลผสมอีกครั้ง ส่วนจะเป็นกี่พรรคค่อยมาว่ากัน และที่สำคัญหากเวลาของรัฐบาล “อุ๊งอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังไม่อาจสร้างผลงานให้เข้าตา ก็จะยิ่งกระทบกับอำนาจต่อรองของพรรคเพื่อไทย ในอนาคตอีกด้วย !!


กำลังโหลดความคิดเห็น