นายกฯ ย้ำใน ครม.ให้รองฯ ภูมิธรรม ตัดสินใจได้ทันที หากต้องตัดน้ำตัดไฟชายแดน เน้นคนไทยต้องปลอดภัย ส่วนเยือนจีนเป็นทางการพรุ่งนี้ มั่นใจลงนามข้อตกลงไทย-จีน ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในทุกมิติ พร้อมสั่งการเตรียมต้อนรับ “แพนด้ายักษ์” คู่ใหม่มาไทยแน่
วันที่ 4 ก.พ. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 5 ประจำปี 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุมดังนี้ เรื่องการเยือนจีนอย่างเป็นทางการจะมีการผลักดัน และติดตามความร่วมมือสำคัญ ได้แก่
1. ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน
- ให้เร่งส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนด้านการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะในสาขาแห่งอนาคตที่สำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและดิจิทัล เช่น EV, Semiconductor, Data Centre
- ขอให้คณะรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับมาตรการกำกับดูแล มาตรฐาน คุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้าอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร
- ขอให้เดินหน้าพัฒนาโครงการ LandBridge และพร้อมเปิดรับการลงทุนจากประเทศจีน หากนักลงทุนจีนให้ความสนใจ
- ครม. ได้มีการอนุมัติโครงการรถไฟไทย-จีน ระยะที่ 2 เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางจากจังหวัดนครราชสีมา-หนองคาย ขอให้ติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด
2. ด้านความปลอดภัย และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาตินั้น ขอให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว และยกระดับมาตรการต่างๆ โดยไม่ยอมให้ขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติใช้ไทยเป็นทางผ่าน โดยเฉพาะแก๊ง call center อย่างใกล้ชิด
3. เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศให้ดำเนินการดังนี้
- ให้เร่งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความพร้อมต่ออนาคต
- ให้สนับสนุนการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม soft power และ
- การเตรียมความพร้อมในการรับแพนด้ายักษ์คู่ใหม่จากจีน ในฐานะทูตสันถวไมตรีในปีนี้
นายกรัฐมนตรี ยังมีข้อสั่งการกรณีเรื่องของปัญหาที่มีอยู่ในเรื่องการตัดน้ำ หรือไฟ ไปยังประเทศเพื่อนบ้านของไทยนั้น นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการว่า การกำกับเรื่องมาตรการการตัดน้ำตัดไฟในพื้นที่ชายแดนของ สมช. หากมีข้อมูลของการกระทำผิด ขอให้รองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย เรียกประชุมกับทาง สมช. เพื่อพิจารณาในมาตรการต่อไปอย่างชัดเจน โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ และความปลอดภัยของประชาชนคนไทย และประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ หากต้องตัดก็ให้ดำเนินการ
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีข้อสั่งการเพิ่มเติมเรื่องการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของแต่ละกระทรวง โดยกล่าวว่าเมื่อวาน (วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568) ได้มีการประชุมเร่งรัดติดตามเรื่องงบการลงทุนของแต่ละกระทรวง ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม และจะมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยที่ทางอธิบดีกรมบัญชีกลางจะช่วยเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามกำหนด โดยขอให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เร่งติดตามให้ทุกกระทรวงดำเนินการตามเป้าหมาย เพราะถือว่าเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ