xs
xsm
sm
md
lg

"มาริษ" พบประธานาธิบดีอิสราเอล ขอบคุณที่ช่วยตัวประกัน คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ทราบวัน 5 คนไทยกลับบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รมว.กต.เข้าคารวะประธานาธิบดีอิสราเอล ขอบคุณที่ช่วยตัวประกันคนไทย พร้อมขอให้ช่วยที่ยังเหลืออีก 1 คนสุดท้าย เผยทางการอิสราเอลชื่นชมไทย ทั้งความเป็นกลางไร้ศัตรู-แรงงานไทยมีฝีมือ เตรียมกำหนดยุทธศาสตร์ต่อยอดศักยภาพแรงงาน-เกษตรกรไทย คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ทราบวันกลับสู่มาตุภูมิของ 5 คนไทยที่ได้รับการปล่อยตัว

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะนายไอแซก เฮอร์ซอก (Isaac Herzog) ประธานาธิบดีแห่งรัฐอิสราเอล เพื่อแสดงความขอบคุณต่ออิสราเอล สำหรับการช่วยเหลือ และดูแลตัวประกันชาวไทยอย่างดี รวมถึงยังขอรับการสนับสนุนจากอิสราเอลในการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทย ที่ยังเหลืออีก 1 คนสุดท้าย รวมถึงการส่งร่างตัวประกันชาวไทยอีก 2 คนกลับสู่ประเทศไทย โดยยืนยันว่า ประธานาธิบดีอิสราเอล ให้ความสำคัญกับการปล่อยตัวประกันของไทย และรัฐบาลอิสราเอล มองว่า เกษตรกรชาวไทยที่เดินทางมาทำงาน ไม่ได้มาเพื่อสินจ้างรางวัลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นส่วนหนึ่งของกลไกที่สร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตร และชื่นชมกับระบบการเกษตรของไทย ทั้งเทคนิค และเทคโนโลยี การบริหารจัดการ


นายมาริษ ยังย้ำว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่างรัฐบาลของ 2 ประเทศที่ดีอยู่แล้ว ให้หยั่งรากลึกลงในหัวใจของประชาชน ของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมถึงยังได้ หารือถึงมูลค่าเพิ่มที่เกษตรกรไทย และแรงงานไทย ที่ไปทำงานในอิสราเอล ซึ่งจะทำให้เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนให้ภาครัฐ หรือรัฐบาล มีความสัมพันธ์อย่างยั่งยืนกับประเทศอิสราเอล ดังนั้น ภายหลังการเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว ตนเองจะนำสิ่งที่ได้หารือกับทางการอิสราเอล ไปกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ เพื่อยกระดับความร่วมมือทางด้านการเกษตร และความร่วมมือด้านแรงงาน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และถ่ายทอดลงไปสู่ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน กับประชาชน รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างภาคธุรกิจ กับภาคธุรกิจ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อย่างยั่งยืนระหว่างสองประเทศ

สอดคล้องกับ ประธานาธิบดีอิสราเอล ที่เห็นว่า ทั้ง 2 ประเทศ น่าจะกระชับความร่วมมือด้านธุรกิจ การลงทุน ความมั่นคง โครงสร้างพื้นฐาน และวิทยาศาสตร์การเกษตร ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างยั่งยืนด้วย พร้อมยังชื่นชมประเทศไทย ที่ไม่มีศัตรู และเป็นมิตรของประเทศ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของไทย


นายมาริษ ยังได้รือกับนาย Moshe Arbel รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งรัฐอิสราเอล เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น ซึ่งทำให้ทราบถึงศักยภาพของคนไทย ที่เดินทางมาทำงานในฟาร์มของประเทศอิสราเอล ซึ่งชาวอิสราเอล เห็นศักยภาพคนไทยมาก ตนจึงเน้นย้ำ ว่าเป็นโอกาสที่แสดงให้รัฐบาลอิสราเอลเห็นถึงภาระหน้าที่ และบทบาทที่สำคัญของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องเกษตรกร ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างรัฐไทย กับรัฐอิสราเอลนั้น ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ และยังสามารถถ่ายทอดความร่วมมือระหว่างรัฐให้ลงไปถึงประชาชนต่อประชาชนได้ ซึ่งจะเป็นความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนที่สุดของสังคมและของประเทศ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งอิสราเอล ยังชื่นชมบทบาทที่สำคัญ ความพยายามและศักยภาพของประเทศไทย ในการเจรจาร่วมกับมิตรประเทศของประเทศไทย จนนำมาถึงการปล่อยตัวประกันทั้ง 5 คน เพราะรัฐบาลอิสราเอล ได้ยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่า คนไทยทั้ง 5 คนที่จะได้รับการปล่อยตัวโดยอยู่บนพื้นฐานสำคัญคือ ข่าวสำคัญจากประเทศอิสราเอล และความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศกาตาร์ ตุรกี อิหร่าน อียิปต์ สหรัฐอเมริกา และอิสราเอล ดังนั้น จึงทำให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ที่มีบทบาทร่วมกับมิตรประเทศทั้งหลาย และทั้ง 2 ข้าง ที่แตกต่างกันสองขั้ว แต่ประเทศไทย ได้ยืนอยู่ตรงกลาง และสามารถผลักดันให้เกิดการเจรจาผ่านมิตรประเทศ และการเจรจาผ่านกระทรวงการต่างประเทศของไทยไปยังมิตรประเทศ รวมถึงอิสราเอล และสหรัฐอเมริกา จนประสบความสำเร็จ


ส่วนเรื่องของความขัดแย้งนั้น นายมาริษ ยืนยันว่า ประเทศไทย ไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง แต่เรื่องมนุษยธรรม เป็นบทบาทที่ชัดเจนของประเทศไทย และตนเองได้เสนอให้กับรัฐบาลอิสราเอล ทั้งประธานาธิบดี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอิสราเอลว่า ประเทศไทย พร้อมที่จะทำงานร่วมกับอิสราเอลในด้านมนุษยธรรม และประเทศไทยยินดีเป็นตัวกลางให้รัฐบาลอิสราเอล กับกลุ่มประเทศที่เป็นมิตรประเทศของไทย เพื่อแสดงศักยภาพของประเทศไทยที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายรัฐมนตรี ได้ย้ำเสมอว่า ประเทศไทยพร้อมเป็นตัวกลางให้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

นายมาริษ ยังกล่าวถึงคืบหน้าในการส่งตัวประกันทั้ง 5 คนกลับสู่มาตุภูมิ หลังได้รับอิสรภาพแล้วว่า อีกประมาณ 1 สัปดาห์ภายหลังการตรวจสุขภาพเสร็จสิ้น โดยภายในวันนี้ (2 ก.พ.) หรือวันพรุ่งนี้ (3 ก.พ.) น่าจะสามารถสรุปได้ ว่าทั้ง 5 คนมีความพร้อมที่จะเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อใด ซึ่งขณะนี้ ยังขอรอฟังข้อแนะนำจากทางแพทย์ทั้งจากไทย และอิสราเอลก่อน พร้อมขอบคุณผู้บัญชาการทหารสูงสุด และกองบัญชาการกองทัพไทย ที่ได้ให้ความใส่ใจ และสนับสนุนปฏิบัติการของกระทรวงการต่างประเทศทุกอย่าง และย้ำว่า ทั้งรัฐบาล และกองทัพไทยเอง ประสงค์ที่จะนำชาวไทยทั้ง 5 คน เดินทางกลับประเทศให้เร็วที่สุด

ส่วนจะต้องมีการเตรียมเที่ยวบินพิเศษมารับหรือไม่นั้น นายมาริษ ระบุว่า ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสารว่าจะมีมากเท่าใด ซึ่งทราบว่า ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ จะมีญาติของแรงงานไทยเดินทางไปเยี่ยมด้วย ครอบครัวละ 1 คน และการนำเครื่องบินเที่ยวพิเศษมารับโดยที่จำนวนผู้โดยสารไม่มากนัก จะทำให้ต้องเสียค่าธรรมเนียมการบินให้กับอิสราเอลแพงมาก ซึ่งต้องให้ทางกองทัพไทยพิจารณาร่วมกันกับกระทรวงการต่างประเทศว่า จะใช้วิธีการใด จึงจะคุ้มค่ามากที่สุด เพื่อไม่ให้งบประมาณสุรุ่ยสุร่าย และจะพยายามให้คนไทยทั้ง 5 คน ได้รับความสะดวกสบาย กลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวได้โดยเร็วที่สุด หรือหากต้องนำเที่ยวบินพิเศษมารับคณะ ก็อาจจะพิจารณาเพิ่มญาติของแรงงานเป็นครอบครัวละ 2 คน ซึ่งสถานทูต จะประสานกับกองทัพไทย และกองทัพอากาศ เพื่อพิจารณาความเหมาะสม