xs
xsm
sm
md
lg

“นิพิฏฐ์” ไม่ปลื้ม “มาร์ค” มองแต่ภาพเล็กขึ้นเวทีช่วยเด็กตัวเอง เข้าทาง ภท.แต่มั่นใจเจ้าตัวไม่ไปซบล้านเปอร์เซ็นต์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อดีต สส.ปชป. ไลฟ์เดือดไม่โอเค “มาร์ค” ขึ้นเวทีช่วย “สาโรจน์” เข้าทาง ภท. มองแต่ภาพเล็กช่วยเด็กตนเอง ทำชาวสีฟ้าน้ำตาตก แขวะใช้ชื่อ “กลุ่มสีขาว” แต่คนเดินช่วยหาเสียงติดกำไลอีเอ็มจากคดี “ซื้อเสียง” ใครจะเชื่อ มั่นใจเจ้าตัวไม่ซบ ภท.ล้านเปอร์เซ็นต์

วันนี้ (30 ม.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไลฟ์สดบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ใจความตอนหนึ่งระบุว่า เวลานี้ทำงานกฎหมายอย่างเดียวไม่เล่นการเมืองแล้ว แต่หากมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ตนก็ทำ ที่ผ่านในการเลือกตั้งปี 62 สถานภาพทางการเมืองของตนพีคสูงสุด ได้เป็นรองหัวหน้าพรรค และคิดว่า ใน จ.พัทลุง นี้ ตนโดดเด่นที่สุดแล้ว แต่ก็มาแพ้ให้กับพรรคภูมิใจไทย คนพัทลุงรู้ว่าแพ้เพราะอะไร นายฉลอง เทิดวีระพงษ์ ชนะเลือกตั้ง แต่ก็เข้าไปอยู่ในสภาได้ปีเดียว ก็ติดคุก ยังติดกำไลอีเอ็มอยู่จนถึงทุกวันนี้ และนายฉลองก็เป็นคนที่นำ นายสาโรจน์ สามารถ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง อบจ.พัทลุง ไปหาเสียงกับพรรคการเมืองกลุ่มสีขาว

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เชียร์ใคร แต่เอาเรื่องจริงมาพูด ก่อนที่ตนจะออกมาไลฟ์สดเรื่องนี้ ก็ได้ปรึกษาอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองที่ยังเป็น สส.อยู่ปัจจุบันถึง 2 ท่าน แต่ขอไม่เอ่ยว่าเป็นใคร พวกท่านสนับสนุนให้ตนทำเรื่องนี้ แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ในพรรคเดียวกันแล้ว แต่นี่คือ การรักษาหลักการของบ้านเมือง

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า การที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาปราศรัยที่พัทลุงเมื่อวานนี้ (29 ม.ค.) ตนเคารพท่าน เพราะท่านเป็นเจ้านาย แต่ตนไม่ได้เรียกว่านาย แม้นายสาโรจน์จะเรียกว่านายก็ตาม แต่ตนจะเรียก “ท่านนายกฯ” หรือ “หัวหน้า” ตลอด ตนพูดได้ว่าเป็นขุนพลข้างกายของนายอภิสิทธิ์มาตลอด แต่ศึกนี้ตนไม่รบกับนายอภิสิทธิ์ ส่วน นายสาโรจน์ นั้น สมัครลงสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) ครั้งแรกเมื่อ 30 ปีที่แล้ว และสอบตก แต่ก็ยังอยากเป็นนักการเมืองอีก ตนจึงให้การสนับสนุนโดยไปเป็น ผอ.เลือกตั้ง ให้ที่ อ.ป่าบอน วางยุทธศาสตร์ให้จนได้เป็น สจ.สำเร็จ ขณะเดียวกัน เมื่อนายสานันท์ สุพรรณชนะบุรี ได้เป็นนายก อบจ. ตนก็ส่งนายสาโรจน์ไปเป็นรองนายก อบจ. ไม่ใช่ไม่โอบอุ้ม แต่ตนอุ้มนายสาโรจน์มาก่อนนายอภิสิทธิ์ แต่วันหนึ่งนายสานันท์มาพบตนที่บ้าน บอกว่า ทำงานกับนายสาโรจน์ไม่ได้ จะปลด ตนจึงขอร้องให้อย่าปลด เพราะเสียเครดิตกัน และได้ขอร้องให้นายสาโรจน์ลาออก แต่ก็ยังเป็นน้องรักของตน เข้าออกนอกในบ้านได้ตลอดเวลา

และเมื่อนายสาโรจน์ต้องการจะลงเลือกตั้งนายก อบจ. ตนก็บอกว่าพร้อมที่จะสนับสนุน แต่เขาไม่มีพรรคไม่มีพวก ตนจึงบอกว่าถ้าเป็นแบบนี้จะชนะได้ยากมาก สุดท้ายนายสาโรจน์ไปขอความอนุเคราะห์กับพรรคการเมือง คือ พรรคภูมิใจไทย โดยนำนายอภิสิทธิ์ ไปคุยกับผู้ใหญ่ของภูมิใจไทย เพื่อขอให้สนับสนุน เมื่อเป็นอย่างนั้นตนจึงบอกนายสาโรจน์ว่าตนไม่เอาด้วย ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไร

“แต่เรื่อง “การเมืองสีขาว” ที่ประกาศกัน คนอื่นไม่รู้ แต่คนพัทลุงเขารู้ว่าพรรคการเมืองไหนที่มีการเก็บบัตรประชาชนเป็นพรรคแรกๆ แล้วพรรคการเมืองแบบนั้นมาบอกว่าจะทำการเมืองสีขาวตอนไหน เอาไม่เชื่อคนที่เดินตามหลังนายสาโรจน์อยู่ปัจจุบันนี้หลายคน ยังติดกำไรอีเอ็มอยู่แล้วจะทำการเมืองสีขาวหรือครับ”

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า การที่ นายเทพไท เสนพงษ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พูดพาดพิงตนว่านโยบายทางการเมืองไม่ตรงกันเป็นเรื่องจริง และนายเทพไทมาช่วยนายสาโรจน์หาเสียงในพัทลุง แต่ลืมไปว่าตัวเองทุจริตเลือกตั้ง เพิ่งพ้นโทษมา ยังติดกำไรอีเอ็มอยู่ แล้วมาบอกการเมืองสีขาว ตนเลยไม่เชื่อ การที่นายสาโรจน์ลงเลือกตั้งโดยมีพรรคการเมืองหนุนหลังอยู่ ไม่กล้าปรากฏตัวเช่นนี้ ตนไม่โอเคด้วย และตนไม่รู้ว่ามีการสนับสนุนให้ใครซื้อเสียงหรือไม่ซื้อเสียง แต่การทำการเมืองในแนวทางนี้ตนไม่โอเคด้วย จึงเป็นที่มาของการที่ตนและนายอภิสิทธิ์มีมุมมองไม่ตรงกัน

”ยืนยันได้ว่า อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 2 คน เห็นด้วยกับตน ไม่ใช่ตนทำโดยพละการ คนบางคนยอมอดไม่กินมื้อเช้าเพื่อไปกินมื้อเที่ยงสองเท่า บางคนบอกว่าทำสีขาว แต่ 4 ปีออกมาอาจจะเป็นสีดำ หรือเป็นสีเทาก็ได้ ผมไม่รู้แต่วันนี้การเมืองมันสัประยุทธ์กัน ระวังโจรเปล่งธรรมะแล้วคนก็หลงเชื่อ ไอ้ที่นั่งบนธรรมาสน์หัวล้านแล้วมีผ้าคลุมสีเหลืองนั่นไม่ใช่พระ แต่อาจเป็นโจรที่ผ่านมา”

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา หากประชาชนคิดว่าถูกแล้วก็เลือกไปเลือกเขา ไม่เลือกตน และจะตอบแทนเขาโดยเลือกเข้าไปใหม่ ก็เลือกไป แต่ถ้าคิดว่าอดีตมันผิดก็เปลี่ยนใจเลือกคนใดคนหนึ่งในนั้นได้ แต่สำหรับนายสาโรจน์ถ้าทำการเมืองแบบนี้ตนไม่สนับสนุน ถือเป็นสิทธิของตนเหมือนกับนายอภิสิทธิ์ที่มาปราศรัยเมื่อวาน

“ผมเคารพการตัดสินใจของท่านอภิสิทธิ์ แต่ท่านหลบมุมไม่พูดถึงมุมใหญ่ ท่านพูดว่า ภาคใต้มีการซื้อเสียงเยอะ แต่ลืมพูดประโยชน์สำคัญว่าพรรคการเมืองไหนนำการซื้อเสียงมาที่ภาคใต้ และระบาดจนถึงทุกวันนี้ ท่านอาจจะไม่ลืมก็ได้ แต่ท่านแกล้งลืมไม่พูด ท่านบอกว่าผมรังเกียจการซื้อเสียงมากที่สุด อันนี้ผมยอมรับคนก็รู้กันทั้งประเทศ หากท่านมาชวนให้ผมไปเลือกผู้สมัครที่ไม่ซื้อเสียงผมโอเค ผมไม่ว่าหากจัดคนมาฟังปราศรัยแล้วให้คนละ 200 บาท เพราะการเมืองเราละเลยเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ ไม่มีทางที่คนจะขับรถออกจากบ้านเสียค่าน้ำมันเอง เสียอะไรเอง แล้วมานั่งฟังคนปราศรัย 3-4 ชั่วโมง ผมเป็นนักการเมืองมาก่อน หลายคนรู้คนที่ไม่รู้มีอยู่คนเดียว คือ กกต. ดังนั้น อย่ามาชวนผมให้ไปเลือกผู้สมัครที่ไม่ซื้อเสียงเพราะมันไม่มีจริง”

นายนิพิฏฐ์ ยังกล่าวด้วยว่า ตนยืนยันได้ว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่มีทางไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะรู้จักท่านดีจะไปฟื้นประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ ตอนไม่รู้ แต่อย่าไปว่าท่านว่าจะไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ทำเมื่อวาน ก็ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าเข้าทางพรรคภูมิใจไทย ที่นอกจากนี้ จ.พัทลุง มี สส. ประชาธิปัตย์ 2 คน แม้เขาจะไม่รักไม่ชอบตนก็ตาม แต่ใจตนยอมรับสารภาพแบบหน้าด้านๆ ว่า ยังห่วงและหวงพรรคประชาธิปัตย์ จะตายร้ายดีอย่างไร ตนไม่อยากให้พรรคล้มหายตายจากไปจากแผ่นดินนี้

”เมื่อท่านอภิสิทธิ์มาปราศรัยแล้ว เอื้อไปทางพรรคภูมิใจไทย และไปลดทอนพรรคประชาธิปัตย์ในพัทลุง ผมเห็นไม่ตรงกับท่านและอยู่ตรงกันข้ามกับท่านในเรื่องนี้ โอกาสข้างหน้าเราอาจจะมาทำการเมือง หรือมีความเห็นตรงกันได้ ผมยังเอ็นดูสงสารน้องๆ ที่อยู่ประชาธิปัตย์อยู่ แม้จะไม่ได้สังกัดพรรคใดแล้วก็ตาม เราต้องแยกให้ออก ท่านอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้า เป็นผู้บังคับบัญชาของผมจนตาย เคารพท่านตลอด แต่เรื่องนี้ท่านไม่ได้คิดภาพใหญ่ ท่านคิดภาพเล็ก ท่านคิดเฉพาะคนที่เรียกท่านว่า “นาย” แล้วท่านมาช่วย แต่เครดิตในทางการเมืองของท่าน อาจจะได้รับการกระทบกระเทือน และคนที่เป็นประชาธิปัตย์ที่เป็นเนื้อแท้จริงๆต้องหลั่งน้ำตา เมื่อเห็นท่านไปนั่งคู่กับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เมื่อคืนนี้ ระหว่างผมกับนายพิพัฒน์ก็สนิทนับถือกัน ยอมรับว่า ท่านเป็นคนทำงานเก่งใช้ได้ แต่ภาพที่มานั่งคู่กันบนเวทีมันชัดว่าทั้งหมดเอื้อไปทางพรรคภูมิใจไทย ที่ผมไม่โอเคด้วย” นายนิพิฏฐ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น