ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ไม่ทิ้งลายเนติบริกร “วิษณุ” นั่งหัวโต๊ะดูร่าง กม.กาสิโน ส่อแววเสร็จก่อนกำหนด
อย่างนี้นี่เอง เมื่อวาน (29 ม.ค.) “ปกรณ์ นิลประพันธ์” เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้คำนิยามอย่างไม่เป็นทางการของกฤษฎีกาไว้ว่า เป็นเหมือนพ่อครัวที่ต้องใส่เครื่องปรุง และวัตถุดิบตามที่ลูกค้าต้องการ อะไรที่เราทักท้วงแต่เขายืนยันที่จะเป็นแบบนั้น ก็ต้องตามใจลูกค้า...
เพราะฉะนั้น เมื่อรัฐบาลต้องการจะเร่งคลอด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อันมี “บ่อนกาสิโน” เป็นหัวใจสำคัญ คณะกรรมการกฤษฎีกาก็ต้องเร่งทำให้ได้ ภายใต้กรอบเวลา 50 วัน
งานเร่งงานเผาเอาด่วนแบบนี้ ใครจะสนองให้ได้นอกจาก “เนติบริกร” มือวางอันดับหนึ่ง อย่าง “วิษณุ เครืองาม” ที่เคยให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้ผู้ครองอำนาจมาแล้วทุกยุคทุกสมัย
กรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษที่ตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาปรับแก้ถ้อยคำในร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จึงต้องมี “วิษณุ เครืองาม” เป็นประธาน
แถมยังมี “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” และ “ธงทอง จันทรางศุ” ร่วมเป็นกรรมการด้วย
เรียกว่าแต่ละคนต่างก็เคยทำงานให้ “ระบอบทักษิณ” มาแล้วทั้งสิ้น
“บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” มือกฎหมายระดับศาตราภิชาน และผ่านการเป็นอดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาแล้วนั้น เคยเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล “ทักษิณ 1” เมื่อปี 2546 หลังจาก “วิษณุ เครืองาม” เจ้าของตำแหน่งเดิมถูกดันขึ้นไปเป็นรองนายกฯ และได้ทำหน้าที่นี้ต่อเนื่องถึงช่วงรัฐบาล “ทักษิณ 2” จนลาออกในเดือนมิถุนายน 2549
ส่วน “ธงทอง จันทรางศุ” เคยถูก “ทักษิณ” เรียกใช้งานตั้งแต่ตอนเป็นนายกฯ สมัยแรก จนมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้เป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม
เคยเป็นกรรมการ อสมท. โชว์ผลงานถอดรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” ของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” พ้นจอช่อง 9 เมื่อปี 2548
หลังจากนั้น ก็รับใช้ “ระบอบทักษิณ” เสมอมา ได้เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปี 2551 เป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ช่วงปี 2554
แล้วได้กลับมามีตำแหน่งอีกครั้งในรัฐบาลเพื่อไทย ในฐานะปรึกษานายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” ต่อเนื่องด้วยการเป็นที่ปรึกษานโยบายฯ ในรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร”
“วิษณุ เครืองาม” ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ให้บริการ ทักษิณ มาตั้งแต่สมัยเป็นนายกฯ ในยุคพรรคไทยรักไทย ได้เป็นรองนายกฯ ครั้งแรก เมื่อปี 2545 และครั้งที่ 2 เมื่อปี 2548 หลังจากทักษิณ กลับเข้ามาเป็นนายกฯ รอบ 2
ฉายา “เนติบริกร” ก็ได้มาในปี 2548 นี้เอง โดยสื่อมวลชนประจำทำเนียบฯ มอบให้ เพราะเห็นว่าเป็นผู้ผ่านการทำงานร่วมกับหลายรัฐบาล รวมถึงหลายนายกรัฐมนตรี
“มีส่วนในการอธิบายชี้ช่องเกี่ยวกับกระบวนการบังคับใช้กฎหมายและการออกกฎหมาย มีความสามารถในการพลิกแพลงการใช้กฎหมายที่รัฐบาลมีความชอบธรรมและได้เปรียบฝ่ายที่เห็นต่างเสมอ” คำอธิบายฉายา ว่าไว้
นอกเหนือจากฉายา "เนติบริกร" แล้ว วิษณุ ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล อีก 3 ฉายา ในปี 2562 ได้ฉายา "ศรีธนญชัยรอดช่อง" ปี 2563 ได้ฉายา "ไฮเตอร์ เซอร์วิส" และปี 2565 ได้ฉายา "เครื่องจักรซักล้าง"
ได้ฉายาที่มีความหมายทำนองเดียวกันถึง 3 ครั้ง ก็ลองคิดดูว่า ผลงานของ “วิษณุ เครืองาม” ในการพลิกแพลง การใช้กฎหมายนั้น เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของสื่อมวลชนมากขนาดไหน
หลัง “ทักษิณ” กลับเข้าประเทศ เมื่อ 22 สิงหาคม 2566 เข้าไปในเรือนจำไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้ออกไปนอนห้องวีไอพี ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และหลังจากนั้นไม่กี่วันก็ได้รับพระราชทานการลดโทษ ก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างเช่นกันว่า เป็นเพราะฝีมือของ “วิษณุ” นี่เอง แม้เจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธภายหลังว่า ไม่รู้เรื่องด้วยก็ตาม
แต่การให้บริการ “ระบอบทักษิณ” ไม่ได้หยุดแค่นั้น วิษณุ เครืองาม ยังได้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 หลังจาก เศรษฐา ถูก 40 สว. ยื่นถอดถอนจากตำแหน่ง ด้วยข้อหาผิดจริยธรรม กรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรี และใกล้จะครบวันที่ต้องไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ยังหามือกฎหมายที่ถูกใจมาช่วยแก้ต่างไม่ได้ ทำให้ต้องเรียกใช้บริการ “วิษณุ เครืองาม” เข้ามาช่วย
มางานล่าสุด เมื่อ “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” อยากจะเร่งเปิดกาสิโน โดยต้องส่งร่าง พ.ร.บ.เข้าสภาให้ทันสมัยประชุมนี้ ที่จะหมดลงในวันที่ 10 เมษายน 2568 “วิษณุ เครืองาม” จึงถูกเรียกใช้บริการอีก
ฟังว่า กฤษฎีกาคณะพิเศษชุดที่ “วิษณุ” นั่งหัวโต๊ะ ได้เรียกคุยผู้เกี่ยวข้อง 3-4 ครั้งแล้ว และคาดจะปรับถ้อยคำในร่าง พ.ร.บ.ฯ เสร็จก่อนกรอบเวลา 50 วัน ในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้เสียอีก
งานนี้บริการรวดเร็วทันใจ ไม่ทิ้งลายเนติบริกร จริงๆ
++ วาทะ “ไล่หนู ตีงูเห่า” อนุทิน เลยหนีมาเข้าทำเนียบฯ ส่วนนายก อบจ.ศรีสะเกษ อย่าหวังว่าจะฮุบไปได้ง่ายๆ
ตั้งแต่ “ทักษิณ ชินวัตร” สถาปนาตัวเองเป็น “ส.ท.ร.” หรือ เสือกทุกเรื่อง พร้อมกับเดินสายหาเสียงช่วยผู้สมัครนายกอบจ.ของพรรคเพื่อไทย พบว่าได้กลายเป็นคนที่มีหลายมิติ หลากอารมณ์ บางวันก็แสดงความดุเดือดใส่ฝ่ายตรงข้าม หรือบางวันไม่ได้แซะใคร แต่ได้ประกาศขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ถึงขนาดคนที่เป็นลูก อย่าง “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ยังยอมรับว่า ไม่เข้าใจในตัวพ่อเช่นกัน
“ตัวจริงใจดี แต่เวลาหาเสียงดุเดือดทุกที งงเหมือนกัน”
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “ทักษิณ” ไปช่วยหาเสียงที่ จ.ศรีสะเกษ แล้วประกาศมา “ไล่หนู ตีงูเห่า” ขอให้คนศรีสะเกษ ช่วยกันไล่ ช่วยกันตีด้วย นอกจากตำแหน่งนายก อบจ.แล้ว เลือกตั้งครั้งหน้าขอกวาด สส.ยกจังหวัด
จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่า ทำให้หลังการประชุมครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีแต่ รัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย มายืนเรียงแถวหลังโพเดียมที่ “นายกฯอิงค์” แถลงข่าว โดยไม่มี “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย มาร่วมยืนเป็น“วอลเปเปอร์” เหมือนเช่นเคย ... คงจะงอนละมั๊ง!!
เรื่องนี้ “เสี่ยหนู” บอกว่า ที่ไม่มาเพราะ ไม่มีเสียง ไม่สบาย เพิ่งไปหาหมอมา
ส่วนวาทะ “ไล่หนู ตีงูเห่า เป็นคำพูดสมัย “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” อดีต รมว.สาธารณสุข ที่ตอนนั้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปหาเสียงที่ศรีสะเกษ เมื่อถูกเอามาพูดซ้ำ ก็ไม่เป็นไร ไล่ตีจากศรีสะเกษ เลยหนีมาอยู่ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
ก็หยอก ก็เย้ย กันไป ในฐานะคนร่วมก๊วนกอล์ฟ ที่ต้องมาสู้กัน
สำหรับสนามเลือกตั้ง จ.ศรีสะเกษ มี สส. 9 เขต ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ด้วยยุทธการ “ไล่หนู ตีงูเห่า” ทำให้พรรคเพื่อไทย กวาดที่นั่งไปได้ 7 เขต อีก 2 เขต ถูกภูมิใจไทย แบ่งไป
1 ใน 2 เขต ที่พรรคเพื่อไทย แพ้ให้กับภูมิใจไทย นั้น เป็นเขตของ “เสี่ยปู๊” วิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ จึงขอล้างตา ด้วยการลงสมัครนายกอบจ. ครั้งนี้
ตระกูลโหตระไวศยะ ของ “เสี่ยปู๊” นั้นพื้นเพ เป็นคนอุบลราชธานี เมื่อข้ามแม่น้ำมูล มาลงสมัคร สส.ศรีสะเกษ ก็เลยไม่ค่อยได้รับการยอมรับ ทั้งๆ ที่ “เสี่ยปู๊” นั้นถือว่าเป็นระดับ “หัวโจก” ของเสื้อแดงศรีสะเกษ คนหนึ่ง
หลังสอบตก “เสี่ยปู๊” ก็เข้ามาสังกัด ก๊ก“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯและรมว.คมนาคม ท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ได้ตำแหน่ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไปปลอบใจ
พอได้อยู่กับท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ แล้วเกิดคึก มีความหวัง แบบว่า... “กระแสสู้ไม่ได้ ก็หันไปพึ่งกระสุน” (สิวะ) ... ขอลงชิงชัยเก้าอี้ นายกอบจ.ศรีสะเกษ ดูสักตั้ง เพื่อเข้าไปบริหารการเมืองท้องถิ่น ดินแดนหอมแดง ทุเรียนภูเขาไฟ
คู่ต่อสู้ของ “เสี่ยปู๊” นั้นคือ “นายกส้มเกลี้ยง” วิชิต ไตรสรณกุล แชมป์เก่า หนึ่งในบ้านใหญ่ดงลำดวนศรีสะเกษ พูดได้เต็มปากว่า เป็นคนของพรรคภูมิใจไทย
เพราะ “นายกส้มเกลี้ยง” เป็นพ่อของ “น้องกวาง” ไตรศุลี ไตรสรณกุล อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ในรัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โควตาของพรรคภูมิใจไทย... ปัจจุบันเป็นเลขานุการ รมว.มหาดไทย (อนุทิน ชาญวีรกูล) เป็นโฆษกกระทรวงมหาดไทย และเป็นนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย
คนศรีสะเกษ บอกระหว่าง “เสี่ยปู๊” กับ “นายกส้มเกลี้ยง” นั้น กระดูกคนละเบอร์ เพราะผูกมาหลายปี มีผลงานมากมาย... เสี่ยปู๊ จึงต้องไปขอให้ “ทักษิณ” มาเปิดยุทธการ “ไล่หนู ตีงูเห่า” รอบสอง หวังสร้างกระแสตีตื้นขึ้นมา
แม้แต่ “ทักษิณ” เมื่อได้ลงไปสัมผัสในพื้นที่แล้วยังพูดได้แค่ว่า คู่นี้ “สูสี”
ก็ต้องติดตามว่า “เสี่ยปู๊” ที่หวังกระแสทักษิณ พึ่งกระสุนสุริยะ จะโค่น “นายกส้มเกลี้ยง” ลงได้หรือไม่