เมืองไทย 360 องศา
ตามกำหนดการเดิม คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงแน่ กับการกลับมาลงพื้นที่ จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ อีกรอบในวันที่ 29-30 มกราคม ของ “พ่อเลี้ยง” นายทักษิณ ชินวัตร ก่อนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งหลายคนมองว่าเพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าพลาดไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่บ้านเกิด หากเสียท่าขึ้นมาก็ต้องบอกว่าเสียหายยับเยินแน่
สำหรับกำหนดการของนายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงนายกอบจ. ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ. โดยในวันที่ 29 ม.ค. นายทักษิณ เดินทางไป จ.เชียงราย เพื่อช่วยนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย หาเสียง ซึ่งมี 2 เวที คือ เวทีปราศรัยที่สิงห์ เชียงราย สเตเดียม อ.เมืองฯ จ.เชียงราย
จากนั้นเดินทางไปขึ้นเวทีปราศรัยที่ โรงเรียนพานพิเศษพิทยา อ.พาน จ.เชียงราย ก่อนที่เวลา 14.00 น. - 15.30 น. นายทักษิณ ขึ้นเวทีปราศรัยที่สนามกีฬาฝาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพื่อช่วยนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครนายกอบจ.เชียงใหม่ หาเสียง และพักที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อจะเดินทางไป จ.ลำพูน ในวันรุ่งขึ้น
ขณะที่ วันที่ 30 ม.ค. นายทักษิณ เดินทางไปไหว้พระธาตุหริภุญชัย อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน จากนั้นเดินทางไปขึ้นเวทีปราศรัยสำนักงานอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ผู้สมัครนายกอบจ. จ.ลำพูน (ศูนย์ฝึกปิงปอง อนุสรณ์ลำพูน) เพื่อช่วย นายอนุสรณ์ และจะเดินทางกลับไปยังตลาดวโรรส อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ โดยจะมีการเดินตลาดเพื่อช่วยนายพิชัยหาเสียง และปิดท้ายเวทีปราศรัยในเวลา 16.00 น.- 18.00 น. ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ ถือว่าจบภารกิจช่วยหาเสียงโค้งสุดท้าย ของนายทักษิณ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23-24 ธ.ค. 67 ที่ผ่านมา นายทักษิณ ได้ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ไปแล้ว 1 รอบ และครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 2 เพื่อช่วยผู้สมัครนายกอบจ.เชียงใหม่
สำหรับสนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายนั้น มีผู้สมัครที่เด่นๆ ในเวลานี้จำนวนสองคน คือ นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องแข่งขันอย่างหนักกับ นางอทิตาธร วันไชยธนะวงศ์ อดีตนายก อบจ.เชียงราย ที่ประกาศลงสมัครในนามอิสระ ท่ามกลางกระแสข่าวล่าสุดว่า ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ยังมีคะแนนไม่ทิ้งห่างคู่แข่ง ดังนั้น จึงแนะนำให้มีการย้ำกระแสนิยมในพรรคต่อผู้สมัครอีกครั้ง
เบื้องต้นมีรายงานว่า นายทักษิณเดินทางด้วยเครื่องบินไปลงที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ก่อนจะไปปราศรัยที่ สิงห์ เชียงราย สเตเดียม ของทีมฟุตบอลสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และที่อำเภอพาน โดยจะมีนักการเมืองในเครือข่ายของพรรคเพื่อไทยมาช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่
หลังปราศรัยในพื้นที่ จ.เชียงราย นายทักษิณ มีกำหนดเดินทางไปปราศรัยที่สนามกีฬาฝาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และเดินทางไปยัง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ระยะทาง 140 กิโลเมตร ต่อไป
ทั้งนี้ การเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย จะมีขึ้นในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ซึ่งการแข่งขันเป็นไปด้วยความดุเดือด โดยนางอทิตาธร ได้หมายเลข 1 นางสลักจฤฎดิ์ ได้หมายเลข 2 และ น.ส.จิราพร หมื่นไชยวงศ์ ได้หมายเลข 3 ขณะที่วันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมาตำรวจได้บุกเข้าตรวจยึดของกลางจากผู้สนับสนุน นางอทิตาธร ที่บริเวณหน้าร้านใน ต.เมืองพาน อ.พาน ตรวจยึดเงินจำนวน 567,100 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ไอแพด 1 เครื่อง รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมาสด้า 1 คัน อื่นๆ ในรถ และเสื้อกั๊ก สีดำ สกรีนตัวอักษร “อบจ.เชียงราย” 1 ตัว พร้อมสอบปากคำผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง และทีมงาน โดยมีนักการเมืองใหญ่คนหนึ่งคอยประโคมข่าว อีกด้วย
น่าสนใจก็คือในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ที่นายทักษิณ ชินวัตร ได้ยกคณะชุดใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ขึ้นมาช่วยหาเสียงผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มที่ถึง “สองรอบ” เรียกว่า มาซ้ำ และยังเลือกเวลาสำคัญคือ เลือก “ปิดท้าย” การหาเสียงที่นี่ หากมองในทางการเมืองก็ต้องบอกว่า ที่นี่คือจุดสำคัญที่สุด ถือเป็นหัวใจสำคัญ
ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งที่ต้องมองก็คือ การ “มาซ้ำ” แบบนี้ของนายทักษิณ เป็นการแสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ในพื้นที่ “ยังไม่ชัวร์” ที่จะมั่นใจได้ เพราะตามรายงานข้างต้นก็ระบุให้เห็นแล้วว่า “ยังนำไม่ขาด” โอกาสพลิกมีมากเหมือนกัน ยิ่งคู่ต่อสู้ ที่ถือว่าเป็นอดีตนายกอบจ. คนเก่า เป็นระดับ “บ้านใหญ่” ไม่ธรรมดา อีกทั้งที่บอกว่า สมัครอิสระ ก็คงไม่ใช่ ย่อมต้องมี “แบ็กใหญ่” ข้างหลังเหมือนกัน อย่างน้อยย่อมต้องมี “กระสุน” อยู่ในมือไม่แพ้กัน
นอกเหนือจากนี้ พื้นที่ในสองจังหวัดดังกล่าว ทั้งเชียงราย และเชียงใหม่ มีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ของพรรคเพื่อไทย และครอบครัวชินวัตร ของพวกเขา โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นบ้านเกิด ดังนั้นจะแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด หรือแม้แต่ชนะแบบ “ไม่ขาด” ถือว่าเสียหายแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหากเกิดความพ่ายแพ้
รับรู้กันดีว่า ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเที่ยวนี้ ในพื้นที่เป้าหมาย เช่น ภาคอีสาน และภาคเหนือ นายทักษิณ ชินวัตร ได้ทุ่มเทเอาจริงเอาจังมาก ทำหน้าที่ไม่ต่างจาก นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทุ่มเทเต็มที่ เพื่อหวังปูทางต่อยอดไปถึงการเลือกตั้งใหญ่ คือ เลือกตั้ง ส.ส.คราวหน้า หลังจากครั้งล่าสุดเกิดความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก โดยเฉพาะที่ จ.เชียงใหม่บ้านเกิด ถือว่า “แพ้หมดรูป” กันเลยทีเดียว
หากสังเกตในทุกเวทีหาเสียง นายทักษิณ เน้นย้ำในเรื่องให้เลือกทั้งชุด ไม่ต้องเว้นให้ใคร มีความหมายส่งต่อไปถึงการเลือกตั้ง ส.ส.คราวหน้า ที่จะต้องดึงที่นั่งกลับมาให้ได้ทั้งหมดให้ได้
ดังนั้น การย้อนกลับมาซ้ำที่เดิม ในจังหวัดบ้านเกิด ทั้งเชียงใหม่ หรือแม้แต่เชียงราย ที่ถือเป็นพื้นที่สัญลักษณ์ งานนี้จะแพ้ไม่ได้ หรือแม้แต่ชนะไม่ขาดก็จะเสียหาย เสียเครดิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกรณีที่พ่ายแพ้ เพราะที่ผ่านมาลงทุนทุ่มสุดตัวแบบนี้ หากผลออกมาไม่คุ้มค่า ก็ถือว่าขาดทุนป่นปี้ เสียราคา “พ่อเลี้ยง” ต้องเอาปี๊บคลุมหัว !!