xs
xsm
sm
md
lg

"ยิ่งศักดิ์" พบรักใหม่ ช่อง7 แต่เหตุผลยุติกับช่อง 8 ยังต้อง "นั่งเคลียร์"!? ** กรรมไล่ล่า “ทักษิณ” รอ “ป.ป.ช.-แพทยสภา-ศาลฎีกาฯ” ชี้ชะตา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ -ทักษิณ ชินวัตร
ข่าวปนคน คนปนข่าว



++ "ยิ่งศักดิ์" พบรักใหม่ ช่อง7 แต่เหตุผลยุติกับช่อง 8 ยังต้อง "นั่งเคลียร์"!?

เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว "อาจารย์ยิ่งศักดิ์" ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ ถึงกับเดือดดาลกับประเด็นดรามา หลังโบกมือลาพิธีกรรายการ "คนดังนั่งเคลียร์" เมื่อไม่นานมานี้ ท่ามกลางความไม่เคลียร์ทิ้งปมให้สงสัย ว่าเพราะเหตุอะไร ?

ฟังว่าเจ้าตัวชีช้ำสุดๆ กับเหตุผลของช่องที่ว่าตัวเองมี "ปัญหาสุขภาพ" จึงขอยุติบทบาท 12 ปีที่ทำมา ทั้งที่ "ไม่จริง"!!

ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์
หลังทนอึดอัด คับข้องใจ มาหลายวัน เพราะมี FC และคนรักที่เป็นห่วงเป็นใย สอบถามเข้ามามาก อาจารย์คนดังจึงไลฟ์สดเคลื่อนไหว เมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) เปิดใจบอกว่า ไม่ได้ป่วยใกล้ตายตามที่มีข่าว และจะไม่ยุติการทำงาน ไม่ออกจากวงการ
งานนี้ยืนยันว่า พร้อมทำงานเสมอจะ "คัมแบ็ก" แน่นอน โดยมี 3 ช่องให้เลือก 3 รายการ ส่วนจะเป็นรายการไหน ถ้าตัวเองได้ทำ มีช่องไหนให้เกียรติเอ็นดู ก็จะรีบไปทำ จะสู้ตายไม่ทำให้ผิดหวัง

ไม่ต้องรอนาน ผ่านมาถึงเมื่อวาน ก็มีคำเฉลยเรียบร้อยว่า "อาจารย์ยิ่งศักดิ์" ทำอะไร ช่องไหน !?

โดยมี 2 รายการใหม่ เปิดตัวแล้วร่วมงานกับ "ช่อง7" คือ "ยิ่งสุข สโมสร" วาไรตี้ทอล์กชวนคนดังทำอาหาร

ส่วนอีกรายการคือ "มือโปร ไว้ปรุง" เป็นรายการนำเสนอเคล็ดลับการทำอาหาร จากผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารและเบเกอรี ที่จะโชว์การปรุงและสอนเทคนิคต่างๆ

สรุปว่า "อาจารย์ยิ่งศักดิ์" ออกจากช่อง 8 แบบไม่เคลียร์ต่อกัน ซึ่งลึกๆ มีอะไรน่าจะต้อง "นั่งเคลียร์" เพราะปริศนาคำพูดของ "อาจารย์ยิ่งศักดิ์" ที่ว่า "ไม่โกรธใคร อยากจะพูดเหมือนที่พูดในรายการ ที่มีคดีเกิดขึ้น กฎแห่งกรรมมีนะคะ ฉันอาจทำอะไรใครไม่ได้ ฉันเป็นผู้น้อย ไม่ได้ร่ำรวย ไม่มีอะไรในมือไปทำอะไรคนอื่นได้ ได้แต่น้อมรับ เสียหาย แต่ไม่ได้ฟ้องใคร”

ขณะเดียวกันการคืนจอร่วมงานกับช่อง 7 เพราะ ช่อง "ให้เกียรติ" ตามที่พูดไว้ในไลฟ์สด งานนี้ก็ต้องติดตามดูว่า จะมีคำตอบออกมาจากช่อง 8 หรือไม่!?

ที่แน่ๆ ตอนนี้ "อาจารย์ยิ่งศักดิ์" แฮบปี้ขอบอก ฉันกลับมาแล้วนะจ๊ะ

ทักษิณ ชินวัตร
++ กรรมไล่ล่า “ทักษิณ” รอ “ป.ป.ช.-แพทยสภา-ศาลฎีกาฯ” ชี้ชะตา

เรื่องของ “ทักษิณ กับ ชั้น14” ตอนนี้ พัวพันไปหลายหน่วยงาน จนผู้ที่มาใหม่อาจสับสน มึนงง ... มาจะเล่าแบบสรุปง่ายๆ ให้ฟัง
เริ่มเรื่องกันตอนที่ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับมาประเทศไทยพร้อมโทษจำคุก 8 ปี ในคดีทุจริต แล้วได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เหลือ 1 ปี แต่เมื่อถูกส่งตัวเข้าเรือนจำกรุงเทพฯ ก็อ้างว่าป่วยวิกฤต รพ.ราชทัณฑ์รักษาไม่ได้ ต้องส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ และ ได้พักรักษาตัว ที่ห้องวีไอพี ชั้น14

ปัญหาคือ คนทั้งบ้านทั้งเมือง ไม่เชื่อว่า “ทักษิณป่วยวิกฤต” จริง แม้แต่ “กรรมการสิทธิมนุษยชน” ก็ยังไม่เชื่อ ภาคประชาชน ที่มีการเคลื่อนไหว อย่างกลุ่มคปท. กองทัพธรรม ศปปศ. และเครือข่าย กระทั่ง พรรคไทยภักดี ล้วนไม่เชื่อ และเห็นว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ กับ รพ.ตำรวจ มีการเลือกปฏิบัติกับทักษิณ จึงได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
ป.ป.ช. ตั้งองค์คณะไต่สวน และได้เรียก “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ไปให้ข้อมูล ในฐานะที่เคยขึ้นไปเยี่ยมทักษิณ ที่ชั้น 14 ถึง 2 ครั้ง

“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” พูดถึง อาการและสภาพ ของ“ทักษิณ”ในวันที่ได้เจอกันว่า... เขาฟิตกว่าผมอีก!!

นี่เป็นคำให้การของบุคคลระดับ หัวหน้าพรรคการเมือง และ อดีต ผบ.ตร. เลยนะ

ถ้าผลการสอบของ ป.ป.ช. สรุปออกมาว่า “ทักษิณ” ไม่ได้ป่วยวิกฤต แต่มี “ขบวนการ” ช่วยเหลือให้ “ทักษิณ” ไม่ต้องนอนเรือนจำ แต่ให้ไปนอนสบาย ดูวิวสนามม้า อยู่ที่ชั้น 14 ผู้เกี่ยวข้องทั้ง ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ อาจลามไปถึง รมว.ยุติธรรม อย่างน้อย ต้องโดนข้อหาตามมาตรา157 ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

หากป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิด จากนั้นจะต้องผ่านอัยการ แล้วไปจบที่ศาล

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
ส่วนที่มีการร้องไปยังแพทยสภา เป็นการร้อง “จริยธรรมแพทย์” ที่ทำการรักษา “ทักษิณ” ว่าที่รักษาไปนั้น เขาป่วยวิกฤตจริงหรือไม่ หรือแค่เป็นการช่วยเหลือกันไป ซึ่งแพทย์ที่ทำการรักษา ต้องออกใบรับรองแพทย์ รายงานราชทัณฑ์ช่วงรักษาครบ 30 วัน 60 วัน 120 วัน แพทยสภา ก็จะดูว่าเป็นรายงานที่ “ตรงไปตรงมา” หรือไม่

ถ้าแพทยสภาสอบพบว่า ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ ที่ “ทักษิณ” นอนรพ.ตำรวจ 180 วัน ไม่มีอาการวิกฤต นั่นเท่ากับว่า แพทย์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งแพทย์ของ รพ.ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ รายงานเท็จ ถือว่าขัดจริยธรรมแพทย์ ก็ถูกลงโทษเฉพาะแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

แต่ผลที่ แพทยสภาตรวจสอบ จะเป็นประโยชน์ต่อ ป.ป.ช. เพื่อนำไปดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้ง แพทย์และฝ่ายบริหารของกรมราชทัณฑ์ รวมทั้ง รพ.ตำรวจ อาจโยงไปถึง รมว.ยุติธรรม ในความผิดตาม มาตรา 157

ส่วนประเด็นที่ “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” อดีต สส.นครนายกฯ ร้องไปที่ศาลฎีกาฯ เป็นเรื่องของข้อกฎหมายว่า การที่ราชทัณฑ์ส่ง “ทักษิณ” ไปที่ รพ.ตำรวจ ทางราชทัณฑ์ ต้องขอนุญาตศาลก่อน ไม่ใช่ทำได้เอง

นอกจากนี้ การไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ไม่ถือว่าติดคุก เมื่อรักษาหายแล้ว ต้องกลับไปติดคุก

ชาญชัย  อิสระเสนารักษ์
แต่ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม บอกว่า กฎหมายไม่มีระบุไว้ เราปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งปีๆ หนึ่ง เราก็ส่งไปหลายหมื่นคน เกือบแสนคน จะเป็นลักษณะอย่างนี้หมด ซึ่งกรณีของ “ทักษิณ” เมื่อส่งไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ ก็ถือว่ายังติดคุกอยู่
เบื้องต้นดูเหมือนกฎหมายจะขัดแย้งกัน โดยฝ่ายราชทัณฑ์ ก็อ้าง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 มาตรา 55 ขณะที่อีกฝ่ายก็อ้าง ป.วิอาญา พ.ศ. 2477 มาตรา 246

แต่เมื่อดูให้ละเอียดกว่านั้น ก็จะพบว่า ใน พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาตรา 6 ซึ่งเป็นกฎหมายราชทัณฑ์ ระบุว่า ฝ่ายราชทัณฑ์จะมีกฎ ระเบียบ ต้องไม่ขัดแย้งกับ ป.วิอาญา เท่ากับว่า ป.วิอาญาใหญ่ กว่า กฎหมายราชทัณฑ์

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ศาลฎีกา อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะต้องมีการ “ไต่สวน” ในประเด็นที่มีการร้องเรียนมานี้หรือไม่
ถ้าศาลฯ มีความเห็นให้ต้องไต่สวน ก็เป็นเรื่องที่ชวนระทึกใจไม่น้อย เพราะเสี่ยงสูง ว่าจะมีความผิดตาม มาตรา 246 นักโทษเด็ดขาดที่ถูกหมายขัง หากจะนำตัวออกนอกเรือนจำ เนื่องจากป่วย ต้องขออนุญาตศาลก่อน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ไปส่งกันเองได้เลย
เพราะนั่นถือว่า เป็นการละเมิดอำนาจศาล อาจต้องจำคุก 6 เดือน โดยที่ยังไม่เกี่ยวกับ เรื่องป่วย ไม่ป่วย

คราวนี้หากมีการไต่สวน เมื่อไต่สวนเสร็จพบว่าผิดจริง นั่นแสดงว่า “ทักษิณ” ยังไม่ได้ถูกจําคุก ก็ต้องออกหมายจําคุกใหม่ 1 ปี
ตอนนี้เรื่องของ “ทักษิณ กับชั้น 14 ” เดินมาถึงจุดนี้ ส่วนอนาคตข้างหน้า ผลจะออกมาอย่างไร ต้องรอ “ ป.ป.ช.- แพทยสภา และศาลฎีกาฯ”


กำลังโหลดความคิดเห็น