รมว.ดีอี เผย พ.ร.ก.ไซเบอร์ฯ ผ่านเห็นชอบ ครม. คาด ประกาศบังคับใช้กุมภาพันธ์นี้ เพิ่มโทษเจ้าของแอปพลิเคชัน-ธนาคาร-เครือข่ายมือถือ มีส่วนรับผิดชอบความเสียหาย ปรับแก้ไขเร่งคืนเงินผู้เสียหายเร็วขึ้น และปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมไซเบอร์
วันนี้ (28 ม.ค.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างพระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ พ.ร.ก. โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติมสาระสำคัญจากพระราชกำหนดฉบับเดิมใน 5 ประเด็น คือ
1. การกำหนดการรับผิดชอบ ของสถาบันการเงิน เครือข่ายมือถือ และสื่อสังคมออนไลน์ ที่ต้องมีส่วนในการรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น หากไม่ดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้
2. กำหนดหน้าที่ของผู้ให้บริการระบบโทรคมนาคม ที่มีหน้าที่ระงับ การใช้งานซิมการ์ดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทันที
3. เร่งรัดกระบวนการคืนเงินให้กับผู้เสียหาย โดยเพิ่มหน้าที่ให้ธนาคาร ต้องส่งข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า ที่มีความเชื่อมโยง กับการกระทำความผิด ไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อให้สามารถตรวจสอบ และสามารถคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้เร็ว ซึ่งเดิมการคืนเงินให้กับผู้เสียหายจะต้องผ่านขั้นตอนของกระบวนการศาลซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งถึงสองปี การแก้ไขพระราชกำหนดฉบับนี้จะทำให้สามารถคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้เร็วขึ้นอยู่ที่ระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี
4. เพิ่มอำนาจการดำเนินการเกี่ยวกับแพลตฟอร์มการโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งแพลตฟอร์มไหนที่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ
5. เพิ่มบทลงโทษการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยแบ่งออกเป็นสองลักษณะ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้าของข้อมูล คือ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแบบส่ง และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแบบการซื้อ-ขาย โดยมีโทษปรับสูงสุดถึง 5 ล้านบาทและจำคุกสูงสุดไม่เกิน 5 ปี
นายประเสริฐ บอกต่อว่า กฎหมายฉบับนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและจะสามารถป้องกันและปราบปรามได้มากยิ่งขึ้น
ที่ประชุม ครม. จึงได้อนุมัติในหลักการและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา / จากนั้นให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่าง พ.ร.ก.ไปพิจารณาปรับรูปแบบ โดยให้รับความเห็นหน่วยงานไปประกอบการพิจารณาสำหรับร่าง พ.ร.ก.ฉบับนี้หลัง ครม.เห็นชอบ และจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา จะมีผลบังคับใช้ทันที ซึ่ง เลขาธิการกฤษฎีกา ระบุว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน คาดว่า ประกาศบังคับใช้ได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้