ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ วิกฤตชั้น 14 “เสรีพิศุทธ์” มัดทักษิณ ป่วยทิพย์ “นิพิฏฐ์” จับโป๊ะ ไถโทรศัพท์
“ทักษิณ ชินวัตร” ที่เคยอ้างว่าป่วยขั้นวิกฤต จนต้องไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ แต่สังคมเห็นว่า นั่นมัน “ป่วยทิพย์” ... แต่ตอนนี้เห็นทีจะวิกฤตจริง
เมื่อ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่เคยไปให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช. เกี่ยวกับอาการป่วยของ “ทักษิณ ” ในฐานะคนเคยไปเยี่ยมที่ชั้น 14 ถึง 2 ครั้ง ถูก ป.ป.ช.เชิญไปชี้แจง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง ในคดีที่ข้าราชการ 12 คน ถูกร้องต่อ ป.ป.ช. ให้สอบสวนเอาผิดฐานเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ ให้ “ทักษิณ” ได้ไปรักษาตัวที่ชั้น 14
เรื่องอาการป่วยของ “ทักษิณ” นั้น แม้ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” จะไม่ได้เป็นหมอ แต่ก็เป็นตำรวจที่อยู่กับการสืบสวนสอบสวนมาเกือบทั้งชีวิต หากเป็นผู้ป่วยวิกฤตจริง เมื่อมาถึงโรงพยาบาลตำรวจก็ต้องมีการตรวจสมอง ตรวจหัวใจ ตรวจปอด ทุกอย่าง แล้วก็ต้องอยู่ห้องผู้ป่วยวิกฤต แต่นี่ไม่มีเลย มาถึงก็ไปอยู่ห้อง วีไอพี ที่ชั้น 14 ซึ่งเป็นห้องพักฟื้นเลย
แล้วอย่างนี้จะอ้างว่าเป็นผู้ป่วยวิกฤต จนต้องย้ายจาก รพ.ราชทัณฑ์ มา รพ.ตำรวจ ได้อย่างไร
ที่สำคัญตอนไปเยี่ยม “ทักษิณ” อาการเป็นอย่างไรนั้น “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” บอกว่า ... เขาฟิตกว่าผมตอนนี้อีก!!
ไม่เพียงเท่านั้น ตอนนี้ยังมีประเด็นที่ว่า ศาลฎีกา จะมีความเห็นให้ไต่สวนเกี่ยวกับเรื่องที่ กรมราชทัณฑ์ หรือ กระทรวงยุติธรรม ส่ง “ทักษิณ” ในฐานะผู้ป่วยออกไปโดยไม่ขออนุญาตศาล นั้นผิดกฎหมาย หรือไม่ ตามคำร้องของ “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์”
ถ้าศาลฯ มีความเห็นให้ต้องไต่สวน ก็เป็นเรื่องที่ชวนระทึกใจไม่น้อย เพราะเสี่ยงสูง ว่าจะผิดกฎหมาย วิฯอาญา มาตรา 246 นักโทษเด็ดขาดที่ถูกหมายขัง หากจะนำตัวออกนอกเรือนจำ เนื่องจากป่วย หรือไปคลอดลูก ต้องขออนุญาตศาลก่อน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ไปส่งกันเองได้เลย
เพราะนั่นถือว่า เป็นการละเมิดอำนาจศาล อาจต้องจำคุก 6 เดือน โดยที่ยังไม่เกี่ยวกับเรื่องป่วย ไม่ป่วย
คราวนี้หากมีการไต่สวน เมื่อไต่สวนเสร็จพบว่าผิดจริง นั่นแสดงว่า “ทักษิณ” ยังไม่ได้ถูกจําคุก ก็ต้องออกหมายจําคุกใหม่ 1 ปี
นี่แหละวิกฤตที่ “ทักษิณ” อาจต้องเจอ
ยังไม่หมด ยังมีเรื่องที่ “ทักษิณ” ถูก “จับโป๊ะ” โดย “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะเรียกว่า “ตายน้ำตื้น” ก็ได้
เรื่องมีอยู่ว่า “ทักษิณ” ได้ฟ้องนายโอม (นามสมมติ) ชาว จ.กระบี่ ในข้อหาหมิ่นประมาท เพราะโพสต์ข้อความเรื่อง “ทักษิณ” ไปพักอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ตั้ง 180 วัน ว่า“ป่วยทิพย์” ตอนนี้อัยการสั่งฟ้องเรียบร้อยแล้ว และเตรียมนำตัวนายโอม ไปฟ้องต่อศาล
ทนายความของ “โอม” ก็คือ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” โดยแนวทางการต่อสู้คดีนั้น “นิพิฏฐ์” บอกว่า เมื่อคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลแล้วก็จะขอหมาย เรียกอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แพทย์ และพยาบาล รพ.ตำรวจ ที่ทำการรักษา “ทักษิณ” มาเบิกความหมดทุกคน
ถ้าไม่มา จะขออำนาจศาล ออกหมายจับทุกคน รวมทั้งขอหลักฐานเวชระเบียน รพ.ตำรวจ และเรียกตัว “ทักษิณ” มาขึ้นศาลด้วย
“นิพิฏฐ์” บอกว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้นำตัว “โอม” เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อพบกับอัยการ ในการนำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาล ปรากฏว่า อัยการกลับเลื่อนสั่งคดีไป เป็นวันที่ 25 ก.พ.68
ที่สำคัญ รายการลับลวงพราง ออกอากาศทางสถานีวิทยุ อสมท เอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิรตซ์ ดำเนินรายการโดย “บุญระดม จิตรดอน” บอกว่า ในคำบรรยายฟ้องคดีนี้ “ทักษิณ” ระบุว่าช่วงที่นอนอยู่ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ก็ไถโทรศัพท์มือถือ แล้วเจอข้อความที่ “โอม” หาว่า ทักษิณ ไม่ได้ป่วยจริง แต่ป่วยทิพย์ จึงทำการฟ้องร้อง
ประเด็นนี้ เข้าทาง “นิพิฏฐ์” ทันที ด้วยเหตุว่า “ทักษิณ” เป็นนักโทษ แล้วมีโทรศัพท์มือถือได้อย่างไร ... “ทักษิณ” เป็นผู้ป่วยวิกฤต แล้วทำไมยังมานอน “ไถโทรศัพท์มือถือ” ได้
กลายเป็นว่า คำฟ้องของทักษิณ นั้นย้อนกลับมามัดตัวเอง
ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า “ทักษิณ” จะถอนฟ้องคดีนี้ ทั้งที่อัยการสั่งฟ้องแล้ว ขณะที่ “นิพิฏฐ์” ยืนยันว่า จะขอเดินหน้าต่อ เพราะคำพิพากษาของศาล จะเป็นตัวพิสูจน์ว่า “ทักษิณ” ป่วยจริงหรือไม่
นี่แหละที่บอกว่า”ทักษิณ” กำลังเจอวิกฤตชั้น14 ของจริง และเขาอาจจะเอาเรื่องนี้ไประบายอารมณ์ ด่ากราด บนเวทีหาเสียงนายก อบจ. ช่วงโค้งสุดท้าย ที่เชียงราย เชียงใหม่ อีกก็ได้ !!
++ เอาที่สบายใจ “วิสุทธิ์ -สุริยะ” เคลม กทม.ฝุ่นจางเพราะละลาย140ล้าน ขึ้นรถไฟฟ้า-รถเมล์ฟรีได้ผลทันตา
อากาศเป็นพิษ เมืองกรุงจมฝุ่น PM2.5 ขณะที่สถานการณ์วิกฤต คนด่ารัฐบาลและกทม.กันขรม “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กลับฉกฉวยมาเป็นโอกาส เคลมเป็นผลงานรัฐบาลโดยไม่เกรงขบวนรถทัวร์จะลงเลยสักนิด
“วิสุทธิ์” เคลมว่า ค่าฝุ่นดีขึ้นเมื่อวาน (27ม.ค.) “เนื่องจากกระทรวงคมนาคมออกนโยบายขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี 7 วัน มีประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น”
เรียกว่า “วิสุทธิ์” เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ สถานการณ์ฝุ่นดีขึ้น เพราะขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี เห็นผลทันตา
ขณะที่ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งกำลังถูกวิจารณ์ว่าใช้เงินงบประมาณ 140 ล้าน ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แก้ปัญหาไม่ตรงจะจุด ก็พูดในทำนองเดียวกัน นโยบายขึ้นรถไฟฟ้า-รถเมล์ฟรี จากที่ดูกล้องวงจรปิดเช็กดูแล้วเห็นว่า ปริมาณรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนนลดลง จึงสามารถช่วยลดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างรวดเร็ว
ทั้ง “วิสุทธิ์ และ สุริยะ” ไม่รู้รีบร้อนเคลมเกินไปหรือไม่ เพราะปัญหาฝุ่น PM 2.5 ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา พิสูจน์ได้ว่า เป็นปัญหาที่รัฐบาล หรือ กทม.ไม่ได้มีมาตรการที่จะจัดการแก้ไขแต่อย่างไร
เพียงแต่ ปริมาณรถยนต์ที่ลดลงที่ รมว.สุริยะ เหมารวมนั้น เพราะสถานศึกษา โรงเรียน หยุดเรียนหนีฝุ่น พ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ไม่ต้องเอารถยนต์ออกมารับ-ส่ง บุตรหลาน ถนนจึงโล่งอย่างที่เห็น
แถม บริษัทห้างร้านเอกชน อนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้าน “เวิร์กฟอร์มโฮม” ได้เพื่อหลีกเลี่ยงเสี่ยงกับฝุ่น PM2.5 ที่ปกคลุม
ที่ “รมว.สุริยะ” คุยฟุ้งนโยบายได้ผลสถิติผู้คนมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น เอาดีๆ ผู้มาใช้บริการรถไฟฟ้าฟรี-รถเมล์ฟรี ก็เป็นผู้โดยสารประจำ แน่นอนว่า การให้ใช้ฟรีช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าเดินทางสำหรับคนกลุ่มนี้ มากกว่าลดฝุ่น PM2.5 หรือไม่
ถ้าใครติดตาม ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงาน ก็จะรู้ว่าเขาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้วว่า ในช่วง วันที่ 27-28 ม.ค. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ดี" ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด คาดว่า ความเข้มข้นของฝุ่นละออง มีแนวโน้มลดลง
นี่ช่างบังเอิญ หรือว่า “วิสุทธิ์-สุริยะ” จะหยั่งรู้ข้อมูลนี้มาล่วงหน้า จึงออกมาเคลื่อนไหวเคลมผลงานรัฐบาลให้ตรงกับจังหวะสถานการณ์ฝุ่นที่ลดลงพอดิบพอดี !?
สิ่งที่ไม่ได้ “มโน” หรือ ใช้ความรู้สึกมาวัดก็คือ สถานการณ์ PM2.5 ในกทม. หลังจากวันนี้ (28ม.ค.) จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้ก็ต้องจับตาจะเข้าทาง “รมว.สุริยะ-วิสุทธิ์” สบช่องอ้างเหตุฝุ่น PM2.5 กลับมาอีก ขอใช้งบประมาณขยายนโยบายขึ้นรถไฟฟ้า-รถเมล์ฟรี ต่อไปเรื่อยๆ
นักการเมืองกับเรื่องโหนกระแสที่มาพร้อมงบประมาณเป็น "ขนมกรุบกรอบ" ที่หาเหตุผลมารองรับได้เสมอ
ตราบเท่าฝุ่น PM 2.5 ยังอยู่ ก็ถูมือไว้รอได้เลย
ไม่ต้องไปสน ไม่ต้องไปแคร์เสียงด่าแก้ปัญหาไม่ตรงจุด อยากจะดรามาก็ว่ากันไป แค่งบประมาณมา เงินมีนักการเมืองก็ยินดีเสมอ