ช่างบังเอิญ! “นายกฯ อิ๊งค์” จ่อประกาศ “Seal Stop Safe” สกัดยาเสพติดชายแดน 14 จังหวัด 51 อำเภอ ศุกร์นี้ หลังพ่อนายกฯ ผู้ช่วยหาเสียงย้ำไฮไลต์ใหญ่รัฐบาล ขู่ “ผู้ว่าฯ-นอภ.-ผกก.” ระวังจูงมือย้ายไปหาที่อยู่ใหม่ จ่อ “ขีดเส้น” 6 เดือนวัดผล ทั้งก่อนปฏิบัติงาน ระหว่างปฏิบัติงาน ชงพิจารณาความดีความชอบ โยกย้าย หรือลงโทษทางวินัย ตามแต่กรณี ตามนัยมาตรา 14 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เปิดทำเนียบย้ำนโยบายเร่งด่วนผ่าน ป.ป.ส./ผบ.ทบ./รอง กอ.รมน./ผบ.ตร./ผู้ว่าฯ/นอภ./ผู้กํากับ ตร.ภูธร กว่า 400 คน เตรียมดัน “แม่ทัพภาค” บัญชาการปราบยา
วันนี้ (27 ม.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 มกราคม 2568 เวลา 08.30-12.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทําเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิดและมอบนโยบายในการปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe”
ภายหลัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (บอร์ด ป.ป.ส.) ได้ออกประกาศกําหนดพื้นที่ที่มีความจําเป็นเร่งด่วนและกําหนด ผู้รับผิดชอบตามนัยมาตรา 5(10) แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด
โดยกําหนดพื้นที่เร่งด่วนในการสกัดกั้น ยาเสพติด 14 จังหวัด รวม 51 อําเภอชายแดน และมอบหมายให้แม่ทัพภาคที่เกี่ยวข้องเป็นผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดน
“รัฐบาลจะเน้นย้้ำการดําเนินนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในห้วงระยะเวลา 6 เดือน (เดือนกุมภาพันธ์ - กรกฎาคม 2568)”
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก/รองผู้อํานวยการ รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ และปลัดกระทรวงมหาดไทย จะได้เน้นย้ำภารกิจในส่วนที่รับผิดชอบให้แก่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดในพื้นที่ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่เร่งด่วน
รายงานระบุว่า รัฐบาล เชิญแม่ทัพภาค ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัด นายอําเภอ และผู้กํากับการสถานี หรือรองผู้กํากับการที่ทําหน้าที่หัวหน้าสถานีตํารวจภูธรในพื้นที่
รวมถึง ส่วนราชการที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ที่สนับสนุนการทํางานในพื้นที่ ประมาณ 400 คน มารับนโยบาย ณ ตึกสันติไมตรี
การให้นโยบายในวันดังกล่าว เพื่อเร่งรัดดําเนินการสกัดกั้นยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอย่างเด็ดขาดและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ในห้วงระยะเวลา 6 เดือนดังกล่าว ถือเป็นห้วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในพื้นที่ 14 จังหวัด 51 อําเภอ ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องจริงจัง
“และจะมีการวัดผลการทํางานอย่างชัดเจน ทั้งก่อนการปฏิบัติงาน ระหว่างปฏิบัติงาน และเมื่อครบระยะ 6 เดือน เพื่อพิจารณาความดีความชอบ โยกย้าย หรือลงโทษทางวินัย ตามแต่กรณี ตามนัยมาตรา 14 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด”
มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยด้วยว่า ล่าสุด มหาดไทยมีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ มท ๐๒๑๑.๔(ศอ.ปส.มท.)/ว ๗๖๐ ลงวันที่ 27 มกราคม 2568 ถึง ผู้ว่าฯ 14 จังหวัด และ 51 นายอำเภอ ประกอบด้วย
จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอสังขละบุรี ทองผาภูมิ เมืองกาญจนบุรี ไทรโยค และด่านมะขามเตี้ย จ.เชียงใหม่ อำเภอแม่อาย ฝาง เชียงดาว เวียงแหง และไชยปราการ
จ.เชียงราย อำเภอแม่จัน แม่ฟ้าหลวง แม่สาย เชียงแสน เชียงของ เวียงแก่น และเทิง
จ.แม่ฮ่องสอน อำเภอปาย และปางมะผ้า จ.พะเยา อำเภอภูซาง จ.น่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จ.ตาก อำเภออุ้มผาง พบพระ แม่สอด แม่ระมาด และท่าสองยาง
จ.นครพนม อำเภอท่าอุเทน เมืองนครพนม ธาตุพนม และบ้านแพง จ.เลย อำเภอนาแห้ว ภูเรือ ด่านซ้าย ท่าลี่ เชียงคาน และปากชม
จ.หนองคาย อำเภอเมืองหนองคาย สังคม ศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ โพนพิสัย และรัตนวาปี จ.บึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ บึงโขงหลง บุ่งคล้า และปากคาด
จ.มุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร ดอนตาล และหว้านใหญ่ จ.อํานาจเจริญ อำเภอชานุมาน และ จ.อุบลราชธานี อำเภอเขมราฐ
มีรายงานว่า นโยบายดังกล่าวไปสอดคล้องกับคำปราศัย ผู้ช่วยหาเสียงผู้สมัคร อบจ. พรรคเพื่่อไทย “นายทักษิณ ชินวัตร” ในหลายวาระ โดยเฺฉพาะการประกาศว่า รัฐบาลจะประกาศนโยบายที่ชัดเจนต่อการจัดการปัญหายาเสพติด
“เขาย้ำว่า ยาเสพติดจะต้องหมดไปภายในปีนี้ ผ่านการดำเนินการที่เข้มข้น ไม่เว้นแม้แต่บ้านหรือทรัพย์สินของผู้ค้ายาเสพติด เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย”
“เดี๋ยวต่อไปจะมีระบบแจ้งเตือนพ่อค้ายา ไปที่นายอำเภอกับผู้กำกับ และหากนายอำเภอกับผู้กำกับ ไม่ดำเนินการตามที่ได้รับแจ้ง ก็จูงมือกันย้ายไปหาที่อยู่ใหม่ ดังนั้น เรื่องนี้หากทำไม่ได้ก็ต้องมีใครสักคนที่ต้องไป ซึ่งเรื่องปราบยาเสพติดในปี 2568 จะเป็นไฮไลท์ใหญ่ของรัฐบาล”
“โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด ขอให้กลับไปบอกพ่อค้ายาแถวบ้านว่าทักษิณกลับมาแล้ว หากอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นขอให้เลิกอาชีพค้ายา ทักษิณเกลียดพ่อค้ายาและจะเอาตาย สิ้นปีนี้จะเอายาเสพติดให้เกลี้ยงเลย”
