“จุลพันธ์” เผย เข้าชี้แจงคณะกรรมการกฤษฎีชุดพิเศษ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร แล้ว ย้ำความจำเป็น สถานบันเทิงครบวงจรบวกกาสิโน ไม่เขียนสัดส่วนกาสิโนเท่าไร เพราะเปิดโอกาสให้นักลงทุนเสนอแนวคิดเต็มที่ เชื่อ การพิจารณาร่างกฎหมายเป็นไปตามกรอบ
วันนี้ (27 ม.ค.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการชี้แจงต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า ตนในฐานะที่กำกับดูแลเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นได้มีการชี้แจงในหลักคิดและแนวทาง ซึ่งได้ชี้แจงไปอย่างชัดเจนว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นส่วนประกอบรวมกันของธุรกิจหลายประเภทบวกกับกาสิโนเพื่อจะสร้างเม็ดเงินลงทุน กระตุ้นการท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้รายจ่ายต่อหัวในการท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
เกิดการสร้างงานและกำกับการพนันที่ผิดกฎหมายด้านนอกได้ด้วย ซึ่งตนได้ขอบคุณคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดพิเศษที่ตั้งขึ้นมา รับทราบ และนำข้อคิดเห็นของกระทรวงการคลังไปดำเนินการ ขณะเดียวกัน ตนยังได้เสนอข้อคิดเห็นเพิ่มเติมไปว่า ให้มีตัวแทนฝ่ายบริหารเข้าไปนั่งในคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดพิเศษนี้ โดยส่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเข้าไปร่วม 2 คน เพื่อต้องการให้แนวคิดและหลักคิดของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ยังอยู่ แม้ว่าตนจะได้ชี้แจงไปทั้งหมดแล้ว
ส่วนกรณีที่สังคมยังเข้าใจผิดนั้น นายจุลพันธ์ ได้ชี้แจงไปว่า ให้เปรียบเทียบเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของไทยให้เหมือนกับประเทศสิงคโปร์ และสหรัฐฯ อย่าไปเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และย้ำว่า ต้องการให้เกิดเม็ดเงินลงทุนจำนวนมาก และเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศไทย เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำมายาวนาน โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจเมื่อ 30 ปีที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 10 ส่วน 20 ปีที่แล้วโตเฉลี่ยเพียงร้อยละ 5 และ 10 ปีที่ผ่านมา เหลือเพียงร้อยละ 2 ดังนั้น เชื่อว่า ประชาชนจะรอการลืมตาอ้าปากทางเศรษฐกิจ ดังนั้น รัฐบาลพยายามที่จะผลักดันมาตรการต่างๆให้ออกมาพร้อมระบุว่า ไตรมาส 1 ปีที่แล้ว เติบโตเพียงร้อยละ 1 จุดกว่าเท่านั้น ดังนั้นรัฐบาลจึงเป็นห่วง แต่เมื่อตั้งขาและยืนได้อย่างมั่นคงขึ้น ก็จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้ถึงร้อยละ 2.7-2.8 ซึ่งถือเป็นการใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ และรัฐบาลยังตั้งเป้าว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ในศักยภาพที่มีอยู่สุดท้ายจะโตไปในขั้นต่ำเฉลี่ย อยู่ที่ร้อยละ 5 ดังนั้น กลไกเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโต ทำให้คนไทยได้รับประโยชน์พบกับภาวะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นได้ จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลตั้งแต่นโยบาย และถูกบรรจุในแนวนโยบายแห่งรัฐข้อที่ 7 ซึ่งได้แถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว จึงเป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่ต้องเดินหน้า และคิดว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะเข้าใจตรงกัน
ส่วนผลของนิด้าโพล ที่ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะมีการชี้แจงอย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กระบวนการทางกฎหมายหรือทำประชาพิจารณ์ได้ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว และมีความเห็นด้วยถึงร้อยละ 80 ส่วนผลโพลที่ออกมาจะต้องดูให้ชัด ว่า ได้พูดถึงเรื่องพนันออนไลน์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ต้องแยกประเด็นให้ชัด แต่เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือ การลงทุน เป็นเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้าในระบบเศรษฐกิจ ผ่านการก่อสร้างและเศรษฐกิจอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้น มีแรงดึงดูด เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ตรงนี้จึงยังไม่เห็นเรื่องคัดค้านแต่แน่นอนว่าก็อาจมีความเห็นแตกต่างได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ทำผลสำรวจออกมา คนละประเด็นกัน
ส่วนคณะกรรมการกฤษฎีกา มีข้อกังวลในจุดใดบ้างนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มีอยู่ 2 เรื่อง คือ เนื้อหา แต่ก็ได้ชี้แจงว่าเป็นโมเดลทางธุรกิจที่ต่างประเทศใช้กัน และจำเป็นต้องมีหลายธุรกิจประกอบกันบวกกับกาสิโน จะอยู่แยกกันไม่ได้ เพราะธุรกิจบางประเภท เช่น สนามกีฬาอินดอร์สเตเดียม ซึ่งรัฐบาลมีความอยากได้เพื่อที่จะดึงนักท่องเที่ยวและคอนเสิร์ตระดับโลก แต่ยังไม่มีสถานที่ ดังนั้น การลงทุน เอกชนลงทุนจะลงทุนเดี่ยว คงไม่คุ้มทุน ดังนั้น จึงต้องเกิดเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยเกิดการพัฒนาธุรกิจที่รัฐบาลมองว่าจะสามารถผลักดันเติบโตสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศได้ หากมีอินดอร์สเตเดียมบรรจุคนได้ถึง 40,000 คน ในอนาคตก็จะดึงคอนเสิร์ตระดับโลกเข้ามาก็จะเกิดเม็ดเงินและเมื่อดึงสวนสนุกระดับโลกหรือเป็นดิสนีย์เป็นยูนิเวอร์แซล สุดท้ายก็เกิดเม็ดเงินลงไปยังประชาชนและสังคมจึงเป็นแนวคิดที่สำคัญที่จะขับเคลื่อน ประเด็นที่สอง คือ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดตั้งสำนักงาน เพื่อที่จะกำกับเงินลงทุนทีมีมูลค่านับแสนล้านบาท
ขณะที่สังคมห่วงในเรื่องของทุนจีน ห่วงการพนัน ผิดกฎหมาย นายจุลพันธ์ ย้ำว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาว่ามีคณะกรรมการคอยกำกับดูแลดังนั้นเมื่อคนมาลงทุนนับ 100,000 ล้านบาท หากปล่อยให้เกิดการฟอกเงินหรือค้าประเวณีสุดท้ายถูกปรับครั้งแรกและครั้งที่สองก็จะเป็นการเพิกถอนใบอนุญาตคนมาลงทุน ดังนั้น เมื่อลงทุนนับ 100,000 ล้านบาท ก็ต้องห่วงการลงทุนของตนเอง รัฐบาลก็มีหน้าที่ในการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งกลไกสำนักงานจึงมีความจำเป็น
ส่วนสัดส่วนของคาสิโนจะอยู่ที่ร้อยละ 10 ใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มีการหารือกันในเรื่องนี้ว่าจะเขียนลงในกฎหมายหรือไม่ ซึ่งขอเรียนว่าตั้งแต่ร่างกฎหมายในกระทรวงการคลังก็ได้มีการสอบถามเรื่องนี้ ปกติไม่เกินร้อยละ 3-5 อยู่แล้ว และอยู่ในสัดส่วนที่น้อย ส่วนจะเขียนไหมก็เขียนยาก เพราะถือว่าไม่ได้มีจุดเดียว ซึ่งดังนั้นให้อำนาจในการคิดซึ่งจะต้องอยู่ในความเหมาะสม ต้องให้อำนาจคณะรัฐมนตรีหรือคนที่กำกับดูแลในอนาคตมีโอกาสคิดวิเคราะห์และตัดสินใจได้ในระดับหนึ่งจะไปเขียนกฎหมายเพื่อบังคับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็จะไม่ทำ ดังนั้น จึงไม่ได้เขียนในบัญชีแนบท้ายว่ากิจกรรมมีอะไรได้ แต่เขียนแค่ 10 อย่างส่วนข้อที่ 10 คือ อื่นๆ เนื่องจากในฐานะคนเขียนกฎหมายก็ไม่มีจินตนาการที่จะกำหนดหรือคิดได้ทุกอย่างดังนั้นต้องเปิดโอกาสให้คนที่จะต้องนำมาเสนอตัวได้คิดว่าจะเสนออะไรให้กับประเทศไทย จึงต้องเปิดโอกาสให้คนที่จะมา สามารถคิดให้นำเสนอ ซึ่งสุดท้ายกระบวนการทั้งหมดต้องโปร่งใสและมีการเปิดทีโออาร์ใครจะเสนอด้านใดและมีมูลค่าเท่าไหร่
ส่วนการดำเนินงานของคณะกรรมการกฤษฎีกา 51 วัน จะทันกับการประชุมสภาในสมัยนี้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จากการประชุมซึ่งก็ถามกฤษฎีกาว่ากรอบเวลาจะใช้เวลาไม่นาน อย่างที่คิดเพราะถือว่าค่อนข้างเร็วและเดินหน้าเร็ว ซึ่งกฤษฎีกามีการประชุมสัปดาห์ละสองวัน ส่วนตัวก็ขอบคุณคณะกรรมการกฤษฎีกาพิเศษที่ได้ตั้งขึ้นมานี้ในการที่จะเดินหน้าให้รวดเร็ว แต่ไม่ได้กำหนดเวลา ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้ ยังย้ำว่า หากเห็นประโยชน์ร่วมกันขั้นตอนในสภาก็จะเป็นไปอย่างราบรื่นแม้แต่พรรคฝ่ายค้านก็ตามซึ่งก็เป็นเรื่องรายละเอียดที่อาจจะมีความเห็นแตกต่างสุดท้ายจะโหวตสนับสนุนหรือไม่ก็เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน แต่เท่าที่ฟังดูก็พบว่าโดยหลักคิดไม่ได้ต่างกันแต่เป็นห่วงในเรื่องของสังคมการฟอกเงินทุนจีน ซึ่งขัดกับสิ่งที่มีหรือไม่ก็ไม่ขัด แต่ก็ห่วงเรื่องของการบังคับใช้ ซึ่งตนเองก็ยืนยันไปว่าการบังคับใช้กฎหมายสามารถที่จะแก้กันได้ถึงแม้จะไม่เห็นชอบแต่เมื่อตั้งกรรมาธิการขึ้นมาพี่จะร่วมกัน ก็เชื่อว่า ทุกคนจะส่งข้อคิดเห็นเข้ามาเพื่อที่จะเกลี่ยหรือเขย่าให้มันเกิดความรอบคอบ รัดกุม เพื่อประโยชน์สูงสุดซึ่งสภาก็สามารถร่างหรือแก้ไขได้อย่างเต็มที่ เพื่อการเดินหน้าของนโยบายรัฐ
ส่วนข้อกังวลการพนันผิดกฎหมายนั้น นายจุลพันธ์ ขอชี้แจงว่า เป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมไปศึกษาปัญหาทางอาชญากรรมออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ทางด้านไอที ซึ่งกระทรวงดีอีได้ไปศึกษาและมีข้อเสนอกลับมาที่คณะรัฐมนตรีเช่นเดียวกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็มีข้อศึกษาในเรื่องนี้เช่นกัน คณะรัฐมนตรีจึงรับทราบเห็นชอบให้กระทรวงดีอี กระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปประชุมร่วมกันและยกร่างกฎหมายขึ้นมา สุดท้ายร่างจะออกมาเป็นเช่นไรยังไม่ทราบ ซึ่งอยู่ในกระบวนการผ่านมา 2 สัปดาห์ก็ยังไม่น่าจะมีความคืบหน้า ซึ่งต้องดูในการยกร่างจะออกมาเป็นข้อกฎหมายเช่นไร คณะรัฐมนตรีจะมีหน้าที่พิจารณาต่อไป ถ้าเห็นชอบก็ส่งไปยังสภาเพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย ดังนั้น เรื่องนี้มีห้วงระยะเวลาที่มีความชัดเจนต้องรอฟัง