xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวร้าย “บ่อน” ทักษิณ แรงต้านลามหนัก!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา
จะเรียกว่าเป็นข่าวร้าย หรือว่า เป็น “สัญญาณร้าย” ก็ว่าได้ ที่ล่าสุดมีการเปิดเผยผลสำรวจจาก “นิด้าโพล” ออกมาว่า ชาวบ้านไม่สนับสนุนทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน ด้วยเสียงท่วมท้น รวมถึงไม่เห็นด้วยกับการพนันออนไลน์ถูกกฎหมายด้วย

ผลการสำรวจดังกล่าวของ “นิด้าโพล” หรือ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยเมื่อวันที่ 26 มกราคม จากการสำรวจทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 20-21 มกราคม 2568 โดยถามความคิดเห็นของประชาชนต่อนโยบายการอนุญาตการลงทุนสถานบันเทิงครบวงจรที่รวมกาสิโน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.16 ระบุ ว่า ไม่เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน รองลงมา ร้อยละ 28.93 ระบุว่า เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน ร้อยละ 8.63 ระบุว่า เห็นด้วยกับสถานบันเทิงครบวงจร ที่ไม่มีกาสิโน ร้อยละ 1.68 ระบุว่า อย่างไรก็ได้ ไม่มีความเห็น และร้อยละ 1.60 ระบุว่า เห็นด้วยกับกาสิโนเพียงอย่างเดียว
ส่วนความคิดเห็นของประชาชนต่อนโยบายการแก้กฎหมายให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 58.32 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 19.92 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย และร้อยละ 10.31 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย

อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการทำประชามติเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน และการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 51.07 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ ทั้งเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน และเรื่องการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย รองลงมา ร้อยละ 37.86 ระบุว่า เห็นด้วยกับการทำประชามติ ทั้งเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน และเรื่องการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ร้อยละ 5.11 ระบุว่า เห็นด้วยกับการทำประชามติ เฉพาะเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน ร้อยละ 3.89 ระบุว่า เห็นด้วยกับการทำประชามติ เฉพาะเรื่องการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ร้อยละ 1.99 ระบุว่า อย่างไรก็ได้ ไม่มีความเห็น และร้อยละ 0.08 ระบุว่า ไม่ตอบ

ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า เราไม่ได้เปิดบ่อนเสรี แต่เป็นการสร้างที่ท่องเที่ยวใหม่ด้วย Man made ซึ่งกาสิโน เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ทั้งหมด ซึ่งเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยว เพื่อทำให้ประเทศไทยเกิดรายได้ใหม่ๆ เพิ่มเติม เพราะรายได้เก่าไม่เพียงพอทำให้จีดีพี ของเราโต รวมถึง จะทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และการประกอบอาชีพใหม่ นี่คือสิ่งสำคัญ ซึ่งการที่ว่าจะไม่เอาสิ่งนั้นสิ่งนี้ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ว่า สิ่งที่ประชาชนเข้าใจนั้น รัฐบาลตอบว่าอย่างไร เราต้องช่วยๆกันอธิบาย

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำประชามติ เพราะหลายพรรคการเมืองก็เห็นด้วยว่าต้องทำประชามติรับฟังความคิดเห็นของประชาชน นายกฯ กล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นก็เรื่องเป็นสำคัญ ก็ไม่แปลกที่จะต้องมีการรับฟังความคิดเห็น

สำหรับในประเด็นในเรื่องการทำประชามติเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น นายทักษิณ ชินวัตร บิดาของนายกรัฐมนตรี ที่ถูกระบุว่าเป็นคนผลักดันเรื่องนี้ เคยกล่าวบนเวทีหาเสียงเลือกตั้ง อบจ.ในจังหวัดมหาสารคาม เมือวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่า ไม่จำเป็นต้องทำแต่อย่างใด โดยอ้างว่า ขณะนี้คนส่วนใหญ่มีความเข้าใจและเห็นด้วยแล้ว ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า ไม่จำเป็นต้องทำประชามติแต่อย่างใด เพราะรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อสภาไปแล้ว จึงถือว่าผ่านประชามติแล้ว

ทั้งนี้เรื่อง “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” หรือ สถานบันเทิงครบวงจร โดยมีบ่อนการพนันถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย รวมไปถึงการจะให้ “พนันออนไลน์” ขึ้นมาถูกกฎหมายด้วย และยังมีแนวคิดในเรื่องธุรกิจใต้ดินอื่นๆ ขึ้นมาทำให้ถูกกฎหมาย อ้างว่าเพื่อหารายได้เข้ารัฐดีกว่าปล่อยให้รั่วไหลสูญเปล่า ปราบปรามได้ยาก อะไรประมาณนั้น

ขณะเดียวกัน มีการกำหนดสถานที่สำหรับการออกใบอนุญาตให้มีการเปิดบ่อนการพนันถูกกฎหมาย หรือ กาสิโน ไว้ในจังหวัดสำคัญหลายแห่ง ซึ่งล้วนเป็นจังหวัดใหญ่ และบางพื้นที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น ในกรุงเทพมหานคร มีการเล็งพื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่ท่าเรือคลองเตย ล่าสุดมีการตั้งคณะกรรมการกำหนดการใช้พื้นที่ไว้แล้ว โดยอ้างเรื่องการพัฒนาพื้นที่แบบครบวงจรใน “ทำเลทอง” ดังกล่าว ส่วนจังหวัดอื่นเท่าที่มีรายงาน เช่น ภูเก็ต นครราชสีมา เป็นต้น ซึ่งพื้นที่เหล่านั้น เป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญ

ที่ผ่านมาแม้ว่ารัฐบาล โดยคนของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถือว่าเป็นต้นเรื่องทำการผลักดันอย่างเต็มที่ โดยอ้างเรื่องเม็ดเงินที่จะได้เข้ามาจำนวนมหาศาล จากการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ถึงขึ้นกระตุ้นจีดีพีให้สูงขึ้น เศรษฐกิจขยายตัว โดยยกตัวอย่างความสำเร็จ เช่น สิงคโปร์ เป็นหลัก โดยพยายามข้ามไป ไม่พูดถึงบ่อนในกัมพูชา ติดกับชายแดนไทย หรือบ่อนในลาว พม่า บริเวณ “สามเหลี่ยมทองคำ”

ขณะที่ฝ่ายคัดค้าน ต่างมองเห็นว่า ขึ้นชื่อว่า “บ่อนการพนัน” ไม่ว่าถูกหรือผิดกฎหมายล้วนเป็นอบายมุข เป็นสถานที่ “อโคจร” มีแต่ความพินาศฉิบหาย อีกทั้งประเทศไทยถือเป็นเมืองพุทธ ยิ่งไม่ควรข้องแวะกับสิ่งเหล่านี้

ส่วนที่อ้างว่า เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ดึงเม็ดเงินเข้ามาเพิ่มอีกมากมาย ก็ล้วนถูกมองว่าเป็นข้ออ้างเพื่อปิดบังความจริง เพราะเวลานี้สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามา ล้วนมาจากวัฒนธรรมที่หลากหลาย น้ำใจไมตรี อาหาร ธรรมชาติป่าเขา หาดทรายสวยงาม วัดวาอาราม พระราชวังที่สวยงาม ไม่จำเป็นต้องพ่วงด้วยบ่อนการพนัน อย่างแน่นอน

ขณะเดียวกันเมื่อสำรวจจากกระแสสังคมที่ผ่านมาเริ่มมีแรงคัดค้านมากขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าเริ่ม “ลุกลาม” ออกไปทุกที เนื่องเห็นว่าได้ไม่คุ้มเสีย เพราะนอกเหนือจากเรื่องการทุจริต จากการออกใบอนุญาต เปิดทางให้กลุ่ม“ธุรกิจสีเทา” ทั้งในและต่างชาติร่วมมือกันสร้างปัญหาให้มากขึ้น ส่งผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และที่สำคัญไม่มีหลักประกันว่าเมื่อมีบ่อนการพนันถูกกฎหมายและ บ่อนใต้ดินและพนันออนไลน์ที่ผิดกฎหมายจะหมดไป เชื่อว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากผลสำรวจที่ออกมาก็ทำให้มองเห็นแล้วว่า กระแสคัดค้านจากสังคมทั้งในเรื่อง “บ่อนการพนัน” และ “พนันออนไลน์” ถูกกฎหมายนั้น ชาวบ้านไม่เอาด้วย และน่าจะลุกลามขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ เพราะมองเห็นแล้วว่ามีแต่ผลเสีย ขณะเดียวกันนี่คือสัญญาณร้ายหากรัฐบาลและ นายทักษิณ ชินวัตร พยายามผลักดันต่อไป เพราะจะกลายเป็นเรื่อง “อ่อนไหว” และหากมองเห็นสิ่งน่าสงสัยเรื่อง “ใต้โต๊ะ” ปรากฏออกมาเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็จะพังแน่นอน เชื่อว่าเป็นไปได้สูงเสียด้วย !!


กำลังโหลดความคิดเห็น