ส.ส.เพื่อไทย ประกาศความสำเร็จ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เครดิตสำคัญ คือ การต่อสู้ของ “ภาคประชาชน” ย้ำ ซีรีส์วาย-ยูริ มีศักยภาพสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ
วันนี้ (26 ม.ค.) นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.เพื่อไทย ในนามรองประธานกรรมาธิการสมรสเท่าเทียม ร่วมงานเสวนา “โอกาสไทยหลังจากสมรสเท่าเทียม” (Empowering Thais: Next Step after Marriage Equaulity) ซึ่งจัดโดยความร่วมมือระหว่าง พรรคเพื่อไทย กับ Soho House
.
นายอัครนันท์ ระบุว่า การต่อสู้ประเด็นเรื่องความเท่าเทียมของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศอย่างยาวนานกว่า 23 ปี รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญและยึดมั่นเสมอมาว่า คนทุกเพศ และความรักทุกรูปแบบ ควรได้รับการคุ้มครองอย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นจุดยืนที่เราเชื่อมาตั้งสมัยพรรคไทยรักไทย
.
รัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ต้องการสนับสนุนกฎหมายสมรสเท่าเทียมอย่างจริงจัง มุ่งมั่นว่า ควรแก้กฎหมายเพื่อให้ความเท่าเทียมกับคนไทยทุกคส นี่เป็นจุดเริ่มต้นและแรงผลักดันสำคัญของกฎหมายฉบับนี้
.
“เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสเห็นคู่หลากหลายคู่ที่เข้ามาจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมกัน ทำให้ผมรู้สึก มีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ สำหรับผมนี่ถือเป็นการทำหน้าที่สมาชิกผู้แทนราษฎรได้อย่างภูมิใจ”
.
นายอัครนันท์ เล่าต่อถึงบรรยากาศของการทำงานแก้ไขกฎหมาย ว่า เป็นการทำงานที่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นองค์กรภาคประชาชน กลุ่มข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นักการเมืองจากฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ทุกคนพร้อมใจเข้ามาร่วมมือกันเพื่อผลักดันให้กฎหมายนี้สำเร็จ
.
“เวลานี้บางคนอาจจะยังพูดหรือว่ารู้สึกว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียมนี้ เป็นของพรรคนี้พรรคนั้น แต่สำหรับผมในฐานะ สส. และคนที่ทำงานอยู่ในชั้นกรรมาธิการกับรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่กฎหมายของใครคนใดคนหนึ่ง แต่มันเป็นกฎหมายของประชาชน ที่ร่างแก้ไขออกมาเพื่อประชาชน หากจะมีใครเทคเครดิตมันก็ควรเป็นเครดิตของการทำงานร่วมกัน”
.
นอกจากนี้ กฎหมายสมรสเท่าเทียมไม่ได้คืนความเป็นมนุษย์ให้กับคนทุกคนเท่านั้น แต่หัวใจสำคัญของกฎหมายฉบับนี้คือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ เพื่อเปิดรับการลงทุนใหม่ และเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้น
.
ยกตัวอย่างเช่น การพัฒนาอุตสาหกรรมซีรีส์วาย หรือซีรีส์ยูริ ซึ่งในสมัยที่ท่านภูมิธรรม เวชยชัย ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อยู่ ได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยนำเสนอความคิดเห็นในการพัฒนาอุตสาหกรรมซีรีส์ ควบคู่ไปกับการนำเสนอสินค้าท้องถิ่น (local product) ประเด็นนี้ก็ได้รีบการตอบรับจากรัฐบาลเป็นอย่างดี
.
“ผมได้เล่าให้ท่านรัฐมนตรีฟังว่าวันนี้โลกใบนี้มันไม่ได้มีแค่สองเพศ และเมกะเทรนที่กำลังมาในเวลานี้ ก็คือ เทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับ LGBTQ และสิ่งที่มีศักยภาพมากที่สุดของประเทศไทยในเวลานี้ คือ เรื่องของซีรีส์วาย และซีรีส์ยูริ ซึ่งอุตสาหกรรมนี้กำลังเติบโตมากและหากเราเข้าไปสนับสนุนหรือส่งเสริมมันจะสร้างประโยชน์ได้หลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในด้านเศรษฐกิจหรือด้านสังคม”
.
“ในวันแรกที่เรามีการจัดงานเปิดตัวสนับสนุนอุตสาหกรรมซีรีส์ ได้มีการเชิญนักแสดงที่ชื่อมายด์กับอาโปเข้ามาร่วมในโปรเจกต์ด้วย คุณภูมิธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทาวงพาณิชย์ในขณะนั้น ก็เล็งเห็นว่า อุตสาหกรรมนี้มันมีศักยภาพจริงๆ ได้มีการดำเนินการสั่งการให้มีการสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้อย่างจริงจังมาจนถึงปัจจุบัน”
.
นายอัครนันท์ กล่าวต่อว่า เมื่ออุตสาหกรรมบันเทิงอย่างซีรีส์วาย มีฐานคนดูที่เป็นชาวต่างชาติจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะสอดแทรกสินค้าท้องถิ่น อาหาร หรือวัฒนธรรมไทยเข้าไป ถือเป็นการกระตุ้นให้คนดูมีความรู้สึกร่วม เช่น อยากกินอาหารไทย อยากซื้อสินค้าไทย หรือแม้แต่กระทั่งอยากเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่สร้างผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจให้กับประเทศทั้งหมด