xs
xsm
sm
md
lg

“เรืองไกร” ชง กกต.สอบ ผช.หาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น ชี้ ควรเป็นผู้มีสิทธิแต่ละพื้นที่ไม่ใช่ปราศรัยหลาย จว.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เรืองไกร” ร้อง กกต. สอบ มีผู้ช่วยหาเสียง กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบ เลือกตั้งท้องถิ่น หรือไม่ ชี้ ควรเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นเฉพาะแต่ละที่ ไม่ให้ตระเวนปราศรัยหลักหลายจังหวัด

วันนี้ (26 ม.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า จากข่าว กกต.ที่ 10/2568 วันที่ 14 ม.ค. 68 เผยแพร่ข่าวเรื่องผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยอ้างถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องนั้น

นายเรืองไกร กล่าวว่า ได้ติดตามความหมายของ ผู้ช่วยหาเสียง จากกฎหมายและระเบียบที่ กกต. อ้างถึง ซึ่งเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น พบว่า แตกต่างจากความหมายของผู้ช่วยหาเสียง สส. และปรากฏข้อเท็จจริง ว่า ในการเลือกตั้งท้องถิ่นขณะนี้ อาจมีการใช้ผู้ช่วยหาเสียงโดยฝ่าฝืนระเบียบ กกต. ไปแล้ว หลายครั้งหลายที่หลายกรณี

นายเรืองไกร กล่าวว่า วันนี้ จึงได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึง กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบว่า “ผู้ช่วยหาเสียง” ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ของแต่ละท้องถิ่น เป็น “ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น” ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563 หรือไม่ และกรณีมีความปรากฏทั่วไปว่ามีผู้ช่วยหาเสียงหรือผู้ใด กระทำการฝ่าฝืนไปแล้ว กกต. จะต้องรีบดำเนินการกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง อย่างไร หรือไม่ โดยมีข้อกฎหมายในคำร้อง ดังนี้

ข้อ 1. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตราที่เกี่ยวข้อง (บางส่วน)

“มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้

“องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง

“สภาท้องถิ่น” หมายความว่า สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด สภาเทศบาล สภาองค์การบริหารส่วนตำบล สภากรุงเทพมหานคร สภาเมืองพัทยา และสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง

“ผู้บริหารท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายกเมืองพัทยา และผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง

“ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น”

“มาตรา 9 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจ ออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้”

“มาตรา 38 บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

(3) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึง วันเลือกตั้ง

ในกรณีที่มีการย้ายทะเบียนบ้านออกจากเขตเลือกตั้งหนึ่งไปยังอีกเขตเลือกตั้งหนึ่งภายในองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกัน อันทำให้บุคคลมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกัน น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึงวันเลือกตั้ง ให้บุคคลนั้นมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านครั้งสุดท้ายเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปี”

ข้อ 2. ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563 กำหนดไว้ดังนี้

“ข้อ 4 ในระเบียบนี้

“ผู้สมัคร” หมายความว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

“ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

“ผู้ช่วยหาเสียง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้รับการว่าจ้างจากผู้สมัครให้เข้าร่วม กิจกรรมในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง ตลอดระยะเวลาหรือช่วงระยะเวลาหนึ่ง และเป็นบุคคลที่ได้แจ้งรายละเอียด หน้าที่และค่าตอบแทนต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ยกเว้นบุคคล ในครอบครัว ได้แก่ สามี ภริยาหรือบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย”

ข้อ 3. ดังนั้น “ผู้ช่วยหาเสียง” จึงควรหมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเฉพาะแต่ละ “สภาท้องถิ่น” หรือ “ผู้บริหารท้องถิ่น” เช่น นาย ท. ซึ่งอ้างเป็น ผู้ช่วยหาเสียง แต่กลับเป็นผู้ปราศรัยหลักบนเวทีหาเสียง นายกฯอบจ. หรือ สภา อบจ. ในหลายจังหวัด ซึ่งสื่อมวลชนต่าง ๆ ลงข่าวอย่างชัดเจน เป็นต้น

ข้อ 4. เมื่อมีข้อเท็จจริงที่เป็นความปรากฏโดยทั่วไป ที่แสดงให้เห็นว่า มีการหาเสียงเลือกตั้งในแต่ละ “สภาท้องถิ่น” หรือ “ผู้บริหารท้องถิ่น” ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ได้มีการใช้ “ผู้ช่วยหาเสียง” ที่อาจไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามความในกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง กกต. รู้หรือควรรู้อยู่แล้วนั้น เนื่องจาก ผู้ช่วยหาเสียงผู้บริหารหรือสภาท้องถิ่น กับ ผู้ช่วยหาเสียง สส. นั้น มีความหมายแตกต่างกัน

ข้อ 5. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 (บางส่วน)

“มาตรา 4 ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

“ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร”

ข้อ 6. ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 กำหนดไว้ดังนี้

“ข้อ 4 ในระเบียบนี้

“ผู้สมัคร ” หมายความว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

“ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

“ผู้ช่วยหาเสียง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้รับการว่าจ้างจากผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง ให้เข้าร่วมกิจกรรมในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง ตลอดระยะเวลาหรือช่วงระยะเวลาหนึ่ง และเป็นบุคคลที่ได้แจ้งรายละเอียด หน้าที่และค่าตอบแทนต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด”

ข้อ 7. จากบทบัญญัติในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตราที่เกี่ยวข้อง และข้อกำหนดในระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563 ที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างข้างต้น ซึ่ง ตามข่าวประชาสัมพันธ์ที่ 10/2568 วันที่ 14 มกราคม 2568 ซึ่ง กกต. ทราบแล้วนั้น กรณี จึงมีเหตุอันควรขอให้มีการตรวจสอบต่อไปว่าการหาเสียงเลือกตั้งในแต่ละ “สภาท้องถิ่น” หรือ “ผู้บริหารท้องถิ่น” ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ได้มีการใช้ “ผู้ช่วยหาเสียง” ที่อาจไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามระเบียบ กกต. หรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น