ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ” “ภูมิธรรม-ชัชชาติ” ขยันโบ้ย แก้ฝุ่น PM 2.5 คงต้องรอไปชาติหน้า แถมไม่รู้ว่ากี่โมง!!
ฝุ่น PM 2.5 กำลังครอบเมืองกรุง ขนาดคนกรุงเทพฯที่อยู่จนชินยังรู้สึกอึดอัด แสบจมูก ถ้าเป็นคนต่างจังหวัดที่เคยอยู่ที่โล่ง อากาศดี เข้ามาตอนนี้ต้องร้องว่าหายใจแทบไม่ออก
“อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พูดถึงฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาระดับนานาชาติ ถ้าจะแก้ไขต้องบูรณาการกับประเทศอื่นๆ
ขณะที่ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไล่คนรุมด่าว่าไม่ทำอะไรเพื่อแก้ไขปัญหา PM2.5 ว่า ให้ไปศึกษาทำความเข้าใจฝุ่นให้ดีๆ อย่าใช้ความรู้สึกมาตัดสิน!
ใครฟังใครดูจากสื่อ ก็ถึงกับกุมขมับกันเลยทีเดียว แหม..อมฝุ่นขนาดนี้บอกว่าอย่าใช้ความรู้สึก
นี่สะท้อนว่า ปัญหามาปัญญามีจะแก้ไขยังพออุ่นใจ แต่วันนี้ที่คนกรุงเสี่ยงสูงต่อโรคปอด โรคมะเร็ง เพราะสูดฝุ่น PM2.5 ที่สถานการณ์กลับมาสู่จุดโคตรอันตราย ฝุ่นราวกับหมอกหนาทึบ ปกคลุมเมืองหลวงด้วยดัชนีชี้วัดเป็นตัวเลขแดงแปร๊ด ส่งผลรุนรุนแรงต่อสุขภาพแย่ขึ้นทุกวัน ดูเหมือนจะหมดความหวังกับผู้มีหน้าที่แก้ไขรับผิดชอบทั้ง ผู้ว่าฯกทม.และ รัฐบาล
“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” คุยโวว่า กทม.ได้แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไปมากแล้ว และจะทำอะไรอีกเยอะเพื่อแก้ปัญหา
คำถามก็คือ ถ้า “ชัชชาติ” ทำงาน ทำงาน ทำงาน อย่างที่หาเสียง และ ลงมือปฏิบัติจริง ทำไมหมอกจากควันพิษPM 2.5 จึงยังปรากฏในลักษณะที่รุนแรงขึ้น
งานนี้สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ชาวกทม.จึงยกให้ “ชัชชาติ” อยู่ในโหมด คนอะไรแก้ตัว มากกว่าแก้ไข
ส่วน “ภูมิธรรม เวชยชัย”รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อาการหนักกว่า
เห็นๆกันว่า ปัญหาฝุ่น PM2.5 ต้องแก้ไขเร่งด่วน สภาพเมืองหลวงกลายเป็นเมืองในหมอก แต่รองนายกฯ ยกให้เป็นปัญหาระดับนานาชาติ
“ภูมิธรรม” บอกเลยว่า ต้องยอมรับฝุ่น PM2.5 เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายประเทศมาก ทั้งเวียดนาม ลาว ก็บอกเหมือนกัน ส่วนใหญ่ที่เห็นจุดฮอตสปอต มันอยู่ที่นอกชายแดนในดินแดนของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งดูได้จากดาวเทียม อันนี้ก็ต้องใช้มาตรการของกระทรวงการต่างประเทศ ในการดำเนินการ ส่วนภายในของเราก็มีปัญหาอยู่บ้าง
เช่นกรณีที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น “ภูมิธรรม” กล่าวว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ก็พยายามใช้มาตรการเฉพาะหน้าหลายเรื่อง ตั้งแต่การห้ามรถบรรทุกใหญ่เข้ามา การให้ปิดโรงเรียน และดูเงื่อนไข หรือปัจจัยต่างๆ
ส่วนดรามาที่ฝ่ายค้านออกมาโจมตีรัฐบาล และ "อุ๊งอิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องไปสวิสเซอร์แลนด์ แทนการอยู่ร่วมทุกข์เผชิญฝุ่นกับคนกรุง “ภูมิธรรม” ก็ขอร้องอย่าเอาเรื่อง PM 2.5 มาเล่นการเมือง
ดรามาหนักเข้าจน “นายกฯอุ๊งอิ๊ง” นั่งไม่ติด จัดประชุมข้ามทวีป สั่งนู่นนี่นั่น ยกเป็น "วาระแห่งชาติ"
หลายๆคนฟังแล้วก็เพลียในหัวใจ ยิ่งชาวโซเชียลฯ ผู้เกรี้ยวกราดทั้งหลาย ย่อมทนไม่ได้กับคำตอบของ กทม.และ รัฐบาล
ปัญหาไม่ใช่เพิ่งมี และทั้ง “ชัชชาติและรัฐบาล” ก็หาเสียงในเรื่องนี้ แถมคุยว่าได้เตรียมศึกษามาอย่างดีแล้ว... มีเวลา มีนโยบาย แต่ก็ไม่ใส่ใจจะทำมากกว่า
ยิ่งถ้าจะหวังให้คนที่ขยันพูดอย่าง “ภูมิธรรมและชัชชาติ” แก้ปัญหาขจัดฝุ่น PM 2.5 ให้อากาศกลับมาสดใสสูดหายใจได้เต็มปอด คงต้องไปชาติหน้าตอนบ่ายๆ
ขณะที่มีอีกหลายต่อหลายคนคิด รัฐมนตรี และ ผู้ว่าฯ แบบนี้ มีก็เหมือนไม่มี แต่ไม่มียังจะดีเสียกว่า!!
++ ใช้ “บัญชีหม่าม๊า” เป็นบัญชีม้า ไปไม่รอด “ดีเอสไอ” แจ้งข้อหา "บอสพอล-สามารถ-วิลาวัลย์" สมคบและร่วมกันฟอกเงิน!!
ในช่วงต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมานี้ มีความเคลื่อนไหวในคดี “ดิไอคอน กรุ๊ป” ที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้อง บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป , “บอสพอล” วรัตน์พล, “บอสกันต์” กันต์ กันตถาวร และอีก 14 บอส รวม 5 ข้อหา
ส่วน “บอสแซม”ยุรนันท์ ภมรมนตรี กับ “บอสมิน" พีชญา วัฒนามนตรี รอด อัยการสั่งไม่ฟ้อง เพราะไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ
หลังจากนั้น กระแสข่าว “ดิไอคอน” ในหน้าสื่อก็ซาไป เพราะมีเรื่องอื่นๆ ที่ดรามา น่าสนใจเข้ามาหลายเรื่อง
อย่างเช่น เรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่ครอบครัวชินวัตร ถือครองอยู่ ถูกเพิกถอนสิทธิ์ให้กลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ ...เรื่อง “ทักษิณ” ด่ากราด ใช้ภาษา ถ้อยคำ อย่างหยาบ บนเวทีหาเสียงเลือกตั้ง อบจ. ตอบโต้ “ขาประจำ” ว่า “โกงพ่อมึงสิ” ... ยังมีเรื่อง “อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์”และคณะ ไม่เชื่อว่าการเสียชีวิตของ “แตงโม” เป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาท แต่น่าจะเป็นการ “ฆาตกรรม” มากกว่า จึงมีการจำลองเหตุการณ์ “แตงโมตกเรือ” โดยมี “มิสแกรนด์”เข้ามาร่วม ตอนนี้ก็ลุ้นกันว่าจะมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่หรือไม่ ... ยังมีเรื่องผัวๆ เมียๆ ของนักร้องดัง มาให้ติดตาม ให้จับโกหก กันอีก
ล่าสุด เรื่อง “ดิไอคอนกรุ๊ป” กลับมาอยู่ในหน้าสื่อ เพราะความคืบหน้าไปอีกระดับ เมื่อกองคดีการฟอกเงินทางอาญา ได้รับมอบหมายจาก ที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่มี “ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล” เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด, “บอสพอล” วรัตน์พล , นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช และ นางวิลาวัลย์ ในข้อหา " สมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542"
การแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมดังกล่าว เนื่องจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ “โอน และการรับโอนเงิน” ที่ได้จากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของ “บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด” โดยพบเส้นทางการเงินระหว่าง “บอสพอล”กับ “สามารถ” โดยใช้บัญชีของ “วิลาวัลย์” ซึ่งเป็นมารดาของสามารถ และผู้เกี่ยวข้องอีก 1 ราย ในการรับโอนเงิน
ก่อนหน้านี้ “วิลาวัลย์” ถูกแจ้งข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน ไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวไป เมื่อถูกแจ้งข้อหาครั้งนี้ ก็คงต้องมาลุ้นกันใหม่ ว่าจะต้องย้ายที่นอนหรือไม่