สส.อุดรฯ เพื่อไทย เดือด อุตฯ จังหวัดใช้ กม.โรงงานสั่งปิด รง.น้ำตาลอุดรฯ โดยพลการทำชาวไร่อ้อยเสียหายนับพันล้าน จี้ รมว.อุตฯ แจงเลือกปฏิบัติหรือไม่ หลังพบโรงงานสุพรรณฯรับซื้ออ้อยเผาเกินกำหนดกันฉ่ำ ”เอกนัฐ“ ยันเป็นนโยบายแก้ PM2.5 ของรัฐบาล ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างพรรค พร้อมแฉขบวนการตีค่าหัว 200-300 ล้านบาทย้าย รมว.เหตุสั่งปิดไทยอุดรฯ เพราะรับซื้ออ้อยเผาเกิดกำหนด แถมระบบไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐาน พร้อมช่วยบี้โรงงานจ่ายชดเชยและเยียวยาเกษตรกร
วันนี้(23 ม.ค.) นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสด นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยที่ถูกอุตสาหกรรมจังหวัดสั่งปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี สร้างความเดือดร้อนอย่างมาก ปกติจะมีอ้อยไฟไหม้3 แบบคือไหม้ธรรมชาติ ไหม้โดยเจตนา และไหม้ลักลอบเผา ในฐานะที่ตนเป็นนายกสมาคมชาวไร่อ้อย อุดรธานี ซึ่งในส่วนของจังหวัดที่มีการเร่งประชุมหาทางออกให้อ้อยไฟไหม้ที่หลงเหลือ จำนวน40% และอ้อยสดไม่เกิน25% แต่ต่อมาอุตสาหกรรมจังหวัดมีคำสั่งด่วนปิดบริษัทไทยอุดรพาวเวอร์ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับหม้อน้ำ โดยเอาระบบคำสั่งปิดจากพ.ร.บ.โรงงาน ไม่ได้ใช้องค์ประกอบความรู้ทางด้านพ.ร.บ.อ้อยน้ำตาลทราย ทำให้สร้างความเสียหายให้กับชาวไร่อ้อยที่ไม่สามารถนำอ้อยเข้าโรงงานได้เสียหายวันละ 50 กว่าล้านบาท รวมแล้ว 1,400กว่าล้านบาท
“การสั่งปิดโรงงานที่ยังมีอ้อยหลงเหลืออยู่ ขณะที่ในส่วนจังหวัดพยายามจะแก้ปัญหานี้ ถามว่ารัฐมนตรีทราบหรือไม่ว่าอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานีเป็นคนออกคำสั่งปิดอย่างกระทันหัน โดยพลการ โดยมีการกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติจึงขอถามว่าท่านสั่งด้วยวาจาหรือมีคำสั่งไปยังปลัดกระทรวง ให้มีคำสั่งออกมาให้ผู้น้อยในพื้นที่ออกคำสั่งตามอำเภอใจลุแก่อำนาจ เพราะมีหลายโรงงานน้ำตาลที่ยังรับซื้ออ้อยเผาบางแห่งเกินกว่านโยบายกำหนด เช่นสุพรรณบุรี 51% ถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่”
นายเอกณัฐกล่าวว่า การปิดโรงงานอุดรถือเป็นส่วนหนึ่งภารกิจสำคัญของรัฐบาลที่จะช่วยลดฝุ่นPM 2.5 ยันยันว่าการแก้ปัญหานี้ ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างพรรคการเมืองหรือรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง แต่เป็นภารกิจที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญอย่างมาก สำหรับอ้อยถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่อยู่ในกำกับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีพ.ร.บอ้อยน้ำตาลทรายควบคุมอยู่ แม้นักวิชาการหลายคนจะศึกษาพบว่าต้นตอของPM 2.5 มาจากความหลากหลาย และการเผาพืชก็เป็นส่วนหนึ่ง โดยตนตั้งใจว่าอยากทำให้ดีที่สุดและให้อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจตัวอย่างที่เราสามารถค้าขายในราคาดี เป็นอุตสาหกรรมการเกษตรที่มีความรับผิดชอบ
นายเอกณัฐกล่าวว่า วันนี้ตัวเลขการเผาอ้อยต่ำสุดเป็นประวัติศาสตร์ ขณะนี้จาก 30% เหลือเพียง 11% จากในอดีต5-6 ปีที่ผ่านมามีการเผาอ้อยถึง 60% โรงงานน้ำตาลทุกที่ และเกษตรกรทุกคนจะได้พูดด้วยความภูมิใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ได้เกิดจากการเผาอ้อย
รมว.อุตสาหกรรมยืนยันว่าการตัดสินใจไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องช่วยกันแก้ปัญหา ซึ่งก็มีต้นทุนที่ต้องจ่าย การลดการเผาอ้อยไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือเพิ่งเกิดด้วยความบังเอิญ เรามีการสื่อสารประกาศทุกปี และปีนี้คณะกรรมการอ้อยน้ำตาลทรายได้ประกาศไปตั้งแต่ตุลาคม โดยขอความร่วมมือให้ลดการเผาไม่ให้เกินวันละ 25% และขอให้โรงงานไม่รับอ้อยเผาเกินวันละ 25% ยอมรับว่าทุกวันนี้การเผาที่เกิดขึ้นเป็นการลักลอบเผาพืชเกษตรในที่โล่ง ซึ่งผิดกฎหมายสิ่งแวดล้อม และมติครม. ที่ส่งมาถึงตนมีการขอความร่วมมือให้กระทรวงอุตสาหกรรมออกมาตรการเพิ่มเติม โดยให้โรงงานงดรับซื้ออ้อยเผาโดยสิ้นเชิงด้วยซ้ำ แต่ตนเข้าใจว่าบางครั้งการเผาไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ แต่เป็นอุบัติเหตุ และเราขาดอุปกรณ์ในการตัดใบ ทำให้เกษตรกรใช้วิธีเผาก่อนที่จะเข้าไปตัดอ้อย เราไม่ต้องการใช้ความเข้มงวดทางกฎหมายอย่างเดียว ขณะนี้เรากำลังออกระบบใหม่ที่ใช้มูลค่าทางการเกษตรเป็นแรงจูงใจ ส่งเสริมให้เกษตรกรตัดใบรวบรวมส่งให้โรงงานเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขาย หากระบบนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ ตนมั่นใจว่าจากนี้ไปจะไม่มีคนพยายามเผาใบอ้อย เพราะตัวใบมีมูลค่า
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่หลังปีใหม่มากระทรวงได้ตรวจสอบตัวเลขการรับอ้อยเผาทุกวัน เพื่อสื่อสารไปถึงโรงงานว่าขณะนี้เผามากเดินไปควรลดจำนวนลงได้หรือไม่ โดยไม่ได้ดูที่ตัวเลขสะสมเท่านั้น แต่ดูที่3 ส่วนคือ เปอร์เซ็นต์สะสมตั้งแต่ต้นฤดูกาลว่าเผาไปเท่าไหร่ เปอร์เซ็นต์เผาต่อวัน และปริมาณการเผา ในส่วนของบริษัทไทยอุดรธานี ตนไม่อยากนำตัวเลขมาประจานเพราะตั้งแต่เราได้ออกคำสั่ง ไปต้องยอมรับว่าทางโรงงานให้ความร่วมมือดี ปัจจุบันรับอ้อยสด 100% ด้วยซ้ำ แต่ก่อนวันที่ที่อุตสาหกรรมจังหวัดเข้าไปตรวจ โรงงานมีปริมาณรับอ้อยเผาสูงสุดในประเทศ 4 แสนตัน มีการรับสูงสุดถึง 41% ขณะที่โรงงานอื่นมีการรับอ้อยเผาเกิน 25% เมื่อเราสื่อสารไปก็มีความพยายามกดตัวเลขลงมาเหลืออยู่ไม่กี่โรงงาน และก่อนหน้านี้เราก็มีการสั่งปิดโรงงานที่ลพบุรีที่ตรวจแล้วพบว่าการประกอบการไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
ส่วนเหตุที่สั่งปิดโรงงานไทยอุดรธานีเนื่องจากตรวจสอบโรงไฟฟ้าที่ติดตั้งอยู่ใกล้บริเวณโรงงานไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และไม่มีวิศวกรควบคุมดูแล จึงสั่งให้หยุดและปรับปรุง หลังจากปรับปรุงแล้วก็สามารถรับซื้ออ้อยสดได้ 100% ขณะที่อ้อยเผาที่ค้างตนได้พยายามสั่งการขอให้รับไปก่อนได้หรือไม่ จนเลขาธิการอ้อยและน้ำตาลมีหนังสือขอความร่วมมือให้รับอ้อยจำนวนที่ค้างหน้าโรงงานให้หมด จนมีการเซ็นMOU รับซื้อในคืนวันนั้น ตนเข้าใจว่ามีสส.ก็ไปร่วมเซ็นด้วย
สำหรับเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสั่งปิดโรงงาน หากพบว่าโรงงานไหนที่ทำผิดกฎหมายประกอบการไม่ได้มาตรการ เขาต้องจ่ายชดใช้เอง แต่เมื่อเป็นความเดือดร้อนของเกษตรกร ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ตรวจดูตัวเลขให้ชัดว่ามีปริมาณกี่คันที่รออยู่ไม่สามารถเข้าโรงงานได้ หากรอนานเกินไปอ้อยเน่าไม่สามารถเข้าหีบได้ ก็ให้จดบันทึกตัวเลขไว้ให้หมด และประสานขอให้โรงงานช่วยชดเชย โดยกระทรวงจะหามาตรการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรทุกคน ทุกตันอ้อย
"รัฐบาลตั้งใจจะลดปัญหาPM 2.5 วันนี้ผมดีใจที่สามารถพูดได้ว่ายอดการรับอ้อยเผาต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย สามารถช่วยไม่ให้มีการปล่อยPM 2.5 ได้ ส่วนเกษตรกรที่เดือดร้อนตัวอ้อยที่ไปรออยู่หน้าโรงงาน ผมพยายามทุกวิถีทางที่จะแก้ปัญหา ตอนนี้ก็มีการรับเข้าหีบเกือบหมดแล้ว เราจะมีมาตรการเยียวยามาต่อไป จึงขอยืนยันว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติแน่นอน และตั้งแต่ผมทำหน้าที่รมว.อุตสาหกรรมไม่ใช่นั่งเฉยๆในห้องแอร์ แต่ได้ลงพื้นที่ตรวจจับและจัดระบบใหม่ในภาคอุตสาหกรรม ปัญหากากอุตสาหกรรม สินค้าด้อยคุณภาพนำเข้าประเทศ ผมสั่งปิดและจับ ดำเนินคดีเด็ดขาด ทั้งนี้มีวางค่าตัวไว้ว่า มีเงิน 200-300 ล้านเพื่อย้ายรัฐมนตรี ผมไม่กลัวเพราะมีหน้าที่ต้องการรักษาประโยชน์ของส่วนรวม”
นายเอกณัฐชี้แจงอีกว่า การช่วยเหลืออ้อยสด 20 บาท เสนอเข้าครม.เมื่อ พ.ย. 67 แต่ขณะนี้ ครม. ยังไม่มีมติ อย่างไรก็ดีแนวทางที่จะดำเนินการนั้นต้องการสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ ที่ให้ของเหลืออ้อย เช่น ใบ ชานอ้อย ไปผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย เพื่อให้เกษตรกรตัดใบส่งขายให้โรงงาน หากกำหนดราคาที่เป็นธรรม โรงงานจะได้ และเกษตรกรมีรายได้เสริม โดยการวางระบบดังกล่าวจะทำให้ทันก่อนฤดูกาลหน้าที่จะเปิดหีบอ้อย
