xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ”บังมิด “อุ๊งอิ๊ง”แทบไร้ตัวตน !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

จะด้วยเป็นเพราะอาการ “ไฟธาตุแตก” อย่างที่มีคนตั้งข้อสังเกตกันหรือเปล่า สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร มีอารมณ์กราดเกรี้ยว “หยาบคาย” ทะลุดีกรีจนกู่ไม่กลับ หลายครั้งที่พ่นน้ำลายออกมานั้นมันสะท้อนอารมณ์ที่ไม่ปกติ เช่น

“มีคนบอกว่าผมโกง โกงพ่อมึงสิ ผมเข้ามาการเมืองเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นประกาศทรัพย์สินทั้งที่ ป.ป.ช. ไม่บังคับ ผมประกาศมีทรัพย์สินกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพราะทำธุรกิจมา สร้างเนื้อสร้างตัวมา วันนี้โดนยึดไป 46,000 ล้านบาท ยังไม่ร้องสักคำเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นเงินที่ทำมาหากินมาแท้ๆ คำก็โกง สองคำก็โกง ก็มึงตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาสอบกู ตอนที่กูรวย มึงยังเพิ่งขอตังค์พ่อใช้อยู่เลย”

“วันนี้ผมไม่เดือดร้อน แม้มีเงินเดือน 700 บาท ค่าแรง 300 บาท ก็ไม่เดือดร้อน เพราะความสุข คือการทำให้บ้านเมือง และพี่น้องพ้นทุกข์ คนสารคาม หลังปี 70 หล่อสวยแน่ เพราะมีตังแล้วมันหล่อ สวย ไม่ต้องไปศัลยกรรม มีตังแล้วผัวเมียก็ไม่ทะเลาะกัน ตอนไม่มีตัง พูดจาอะไรหงุดหงิดไปหมด ผมโดนมาหมดแล้ว เคยเห็นมาทั้งนรก ทั้งสวรรค์ ตอนนี้อยู่บนดิน ไม่มีอะไรตื่นเต้น แต่ประสบการณ์ในนรก จะนำมาแก้ไขเพื่อช่วยเหลือพี่น้อง ให้มีความสุข เหมือนที่ผมเคยประสบความสำเร็จในชีวิตการทำธุรกิจ”

เป็นคำพูดบางตอน ระหว่างที่เขาขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน แม้บางคนมองว่านั่นเป็นธรรมชาติของการพูดจาปราศรัยในเวทีหาเสียง โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ต้องดุดันแบบบ้านๆ ถึงจะได้ใจ แต่หากพิจารณาจากท่าที และคำพูดต่อเนื่องกันมาทั้งการให้สัมภาษณ์ ก็แล้วแต่ใช้คำพูดรุนแรง และถึงขั้น “หยาบคาย” หลายครั้ง

ทำให้ต้องวิเคราะกันว่า อาจเป็นเพราะแรงขับดันบางอย่างในใจ จนต้องแสดงอารมณ์ก้าวร้าวออกมา โดยสิ่งหนึ่งมีการมองตรงกันก็คือ เพราะหลายเรื่องกำลังงวดเข้ามา โดยเฉพาะเป็นสาเหตุอาจให้ต้องหวนกลับเข้าคุก รวมไปถึงอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของลูกสาวตัวเอง คือน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในอนาคตอีกด้วย

ขณะที่นโยบายสำคัญที่กำลังเป็น “เรือธง” ของพรรคเพื่อไทย และรัฐบาล ที่ผลักดันอย่างเต็มที่ แต่กลับถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย ทั้งพวกที่เรียกว่า “ขาประจำ” ดั้งเดิม และพวก “ขาประจำรายใหม่” ที่แตกตัวออกมาจากลูกน้องเก่า แต่เป็นพวกที่รู้ใส้รู้พุงกันเป็นอย่างดี ต่างเรียงหน้าออกมาต่อต้านอย่างสุดตัว เนื่องจากเห็นว่าหลายความคิดของ นายทักษิณ มีความหมิ่นเหม่ ในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และทุจริตเชิงนโยบาย ที่มักถูกกล่าวหามาโดยตลอด

สิ่งต่างๆดังกล่าวทำให้เกิดกลายเป็นกระแสต่อต้านเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่หลายเรื่องที่ถูกร้องเรียนก็กำลังงวดเข้ามา บางเรื่องใกล้ได้ข้อสรุป แม้ว่าจะเป็นข้อสรุปเบื้องต้น แต่จะกลายเป็น “สารตั้งต้น” ที่จะสร้างความเดือดร้อนหนักในลำดับต่อไป เช่น กรณี “ป่วยทิพย์” ที่ล่าสุดคณะอนุกรรมการสอบสวนที่คณะกรรมการแพทยสภาตั้งขึ้น มีการรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ได้รับมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น จากโรงพยาบาลตำรวจ และจากเอกสารการแพทย์จากโรงพยาบาลในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ที่เรียกว่า “เวชระเบียน” โดยจะมีการสรุปผลภายในเดือนมีนาคม

ขณะที่การสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ก็กำลังเดินหน้าไปเรื่อยๆ ซึ่งหากมีผลสอบสวนของคณะอนุกรรมการดังกล่าวจากแพทยสภา เชื่อว่าจะกลายเป็น “สารตั้งต้น” ที่ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ตามมา

นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” สัมปทานใต้ทะเลเกาะกูด กับกัมพูชา ที่แรงต่อต้านรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ “สติแตก” ขึ้นหรือเปล่า

ขณะเดียวกัน เมื่อมาพิจารณาจากผลงานของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวตัวเองก็ยังไม่เข้าเป้า นโยบายหลายเรื่องยังไม่ตรงปก หรือยังไม่เห็นผล เรื่องปากท้อง ค่าแรงก็ยังไม่เป็นไปตามที่หาเสียงเอาไว้ จน นายทักษิณ ชินวัตร นำไปกล่าวบนเวทีหาเสียงว่า สาเหตุยังทำไม่ได้ เพราะถูกขัดขวางจากพวกนายจ้าง

อย่างไรก็ดี เมื่อวกกลับมาที่บทบาทของ นายทักษิณ ชินวัตร ในช่วงเวลานี้ เหมือนกับว่ายิ่งออกตัวแรงเท่าไหร่ มันก็เหมือนกับว่า กลายเป็นไป “บดบัง” ความโดดเด่นของ นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จนแทบมองไม่เห็น แม้ว่าในทางพฤตินัย อาจพอเข้าใจได้ว่าสาเหตุที่ นายทักษิณ ต้องเร่งแสดงบทบาทนำแบบนี้ เพื่อต้องการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญให้ออกมาให้เห็นโดยเร็วก็ตาม

แต่อีกด้านมันก็ทำให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร “อับเฉา” ลงไปทันที อีกทั้งกลายเป็นว่า คำถามหรือข้อสงสัยในเรื่อง “ความรู้ ความสามารถ” ยิ่งกลายเป็นเรื่องน่าสงสัยมากขึ้น กลายเป็น “พ่อชี้นำ” ไปทุกเรื่อง จนตัวนายกรัฐมนตรีไม่ได้คิดหรือพูดด้วยตัวเอง จนไม่ได้แสดงความสามารถออกมาให้เห็นได้เลย

ดังนั้น การที่ นายทักษิณ ชินวัตร ยิ่งแอกชัน ทำทุกอย่าง กลายเป็นแสดงบทบาทนายกฯตัวจริง อย่างทุกวันนี้ แม้ว่าในทางการเมืองเขาจำเป็นต้องทำเพื่อขับเคลื่อน แต่กลายเป็นว่าไป บดบังรัศมีตัวของลูกสาวของตัวเอง จนไม่อาจแสดงบทบาทในฐานะผู้นำได้เลย ซึ่งย่อมมีผลทางลบระยะยาวแน่นอน เพราะเวลานี้เหมือนกับว่า น.ส.แพทองธาร แทบ “ไร้ตัวตน” ไปแล้ว

สังเกตได้จากการไปต่างประเทศคราวนี้ มีแต่การถ่ายรูปร่วมกับผู้บริหารบริษัทหลายแห่ง แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีเนื้อหา หรือการแสดงวิสัยทัศน์ การสร้างความเชื่อมั่นให้โดดเด่นออกมาให้เห็นหรือจดจำกันเลย !!



กำลังโหลดความคิดเห็น