“กล้าธรรม” ประสานเสียงรับ ร่าง พ.ร.บ.โคนม ชงเปลี่ยนเลขาฯ Milk Board ให้อธิบดีกรมปศุสัตว์นั่งแทน ผอ.อ.ส.ค.ป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน
เมื่อวันที่ (22 ม.ค.) เมื่อเวลา 17.30 น.ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติโคนมและผลิตภัณฑ์นม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....โดย นายกฤดิทัช แสงธนโยธิน สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม (กธ.)1 ในผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.กล่าวว่า การเสนอร่าง พ.ร.บ.เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรคนไทยให้มีการปรับตัวและปรับปรุงวิธีการเลี้ยง วิธีการผลิตเพื่อให้ ต่อสู้กับบริษัทต่างชาติที่จะมีผลิตภัณฑ์หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องแก้ไข คือ เกษตรกรไทยต้องปรับตัว รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (Milk Board) ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ทันสมัยมากขึ้น ในส่วนที่ไม่จำเป็น และไม่สำคัญ ต้องเอาออกไป และเอาคนหรือ หน่วยงานที่มีส่วนสำคัญเข้ามา เพื่อให้ Milk Board มี ความคล่องตัวในการจัดการปัญหาให้เกษตรกร
“เราอยากเห็นเกษตรกรไทยสู้กับต่างชาติที่จะนำผลิตภัณฑ์เหล่านี้เข้ามาตีตลาดในประเทศไทย แต่ Milk Board จะต้องกำกับดูแลทั้งเรื่องคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ และการกำหนดราคา ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จึงจำเป็นจะต้องอาศัยหน่วยงานที่มีความคล่องตัวและมีความชัดเจนในการดูแลพี่น้องเกษตรกร ผมจึงขอให้สมาชิกรัฐสภาช่วย กันพิจารณาและรับหลักการ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่ น้องประชาชนคนไทยให้ สามารถต่อสู้และแข่งขันกับบริษัทต่างชาติ ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีได้” นายกฤดิทัช กล่าว
ด้าน นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 พรรคกล้าธรรม และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวอภิปรายต่อ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ว่า ตนขอลงรายละเอียดในร่างพระราชบัญญัติโคนมและผลิตภัณฑ์นมที่นายกฤดิทัชเป็นผู้เสนอ โดยตนเชื่อว่า จะเกิดประโยชน์กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม และผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นม โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ได้มีการปรับคำนิยามต่างๆ ให้มีความเหมาะสมต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น คำนิยามน้ำนมโค จะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำนมที่รีดจากแม่โคหลังจากคลอดลูก โดยไม่มีคำว่า 3 วัน ซึ่งเจตนารมณ์ของผู้เสนอต้องการกำหนดให้ชัดลงไปเลยว่า น้ำนมโคที่จะถูกนำไปใช้และขายให้กับผู้บริโภคจะต้องไม่มีส่วนผสมของน้ำนมเหลือง
นายอรรถกร กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ตนได้พูดคุยกับพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมหลายราย ซึ่งพวกเขาก็เข้าใจในเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่การเสนอแก้กฎหมายฉบับนี้จะทำให้การบริหารจัดการมีความชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นายกฤดิทัช ยังให้ความสำคัญไปถึงเรื่องของโครงสร้าง Milk Board โดยได้เสนอให้คงตำแหน่งประธานไว้ ก็คือ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะสถานการณ์การเมืองในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจะทำให้เกิดสุญญากาศ แต่ปลัดกระทรวงจะยังทำงานต่อไปได้ แต่ที่เสนอเปลี่ยนคือเลขานุการจากเดิมเป็นผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค.มาเป็นอธิบดีกรมปศุสัตว์ เพราะป้องกันเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งตนก็เห็นด้วย
“การเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ทำให้หน่วยงานภาครัฐเกิดความตื่นตัว ผมจึงขอเชิญชวนเพื่อน สส.ให้ช่วยกันเห็นชอบรับและหลักการร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับของทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เพราะเชื่อว่า การรับหลักการครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม” นายอรรถกร กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับ เเละให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ในการประชุมคราวต่อไป