เมืองไทย 360 องศา
วิเคราะห์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ว่าสาเหตุที่ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย พูดบนหลายเวที หลายจังหวัด แบบยิ่งมายิ่งดุดัน หยาบคาย ว่าน่าจะมาจากการที่เริ่มรู้ชะตากรรมตัวเองแล้วว่า ทุกอย่างเริ่มงวดเข้ามาทุกที ทั้งคดีความ ทั้งเรื่อง “ป่วยทิพย์” รวมไปถึงเรื่องที่ถูกบรรดา “ขาประจำ” นักร้องรุมสหบาทา ผนึกกันเป็น “รวมการเฉพาะกิจ” ยำกันเละ ขวางทุกเรื่อง และที่สำคัญมันมีน้ำหนักเสียด้วยซี
อย่างเรื่อง “บ่อนการพนัน” หรือ “พนันออนไลน์” หรือแม้แต่เรื่องการแบ่งสัมปทานใต้ทะเลเกาะกูด กับครอบครัว “ฮุนเซน” แต่ละเรื่องแต่ละราว แม้แต่ล่าสุดยังทำตัวเป็นผู้เสียหาย “ที่ดินอัลไพน์” จะขอค่าชดเชยอีกหลายพันล้านบาทเข้าไปอีก ทุกเรื่องล้วนอ่อนไหว เรียกแขกทั้งนั้น
อย่างไรก็ดี หากมองอีกมุมหนึ่งบนเวทีสนามเลือกตั้งท้องถิ่น นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) เขายังกล่าวอย่างมั่นใจว่า ในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไป ในปี 2570 พรรคเพื่อไทยจะกวาดที่นั่ง จนสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ และจะทำให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง และยังย้ำว่า นายกรัฐมนตรีจะอยู่ครบเทอม ไม่มีการยุบสภาก่อนกำหนดวาระแน่นอน
อะไรทำให้ นายทักษิณ ชินวัตร มั่นใจเช่นนั้น อาจเป็นเพราะจากผลการเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ผ่านมาที่เขาไปปราศรัยเดินสายหาเสียงผู้สมัครที่พรรคเพื่อไทยส่งเป็นตัวแทนชนะการเลือกตั้งทั้งหมด รวมไปถึงการเดินสายในเวลานี้ ก็ได้รับเสียงตอบรับดี มีคนมาต้อนรับจำนวนมาก แม้ยังวัดกันด้วยสายตาได้ยาก เพราะไม่รู้ว่ามีการเกณฑ์กันมา หรือบางคนอยากมาเห็นหน้าเขาหลังจากหายหน้าไปหลายปี
แต่ด้วยลีลาท่าทางคำพูด ดูเขามั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า ตัวเขาและพรรคเพื่อไทย ยังได้รับความนิยม ยังขายได้ และหากผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหลายจังหวัดที่กำลังจะมีการหย่อนบัตรพร้อมกัน ชนะทั้งหมด หรือเกือบหมด นั่นย่อมมั่นใจได้ว่า น่าจะเป็นไปได้ที่การเลือกตั้ง ส.ส.คราวหน้า พรรคเพื่อไทยจะกวาดที่นั่ง และ“ลูกสาว” คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี แบบต่อเนื่องแน่นอน
การปราศรัยที่โดมเทศบาลตำบลเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม นายทักษิณ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า “คนเชียงยืนต้องมีความภูมิใจ เพราะมีตัวแทนเป็นถึงรัฐมนตรีกลาโหม วันนี้จังหวัดมหาสารคามก็มีอดีตรัฐมนตรีหลายคน อนาคตก็จะมีรัฐมนตรีอีก และหากปี 2570 นายกฯ อิ๊งค์ กลับมารอบ 2 จะเจอแบบไทยรักไทยแน่นอน พวกเรามีผลงาน เวลาพูดอะไรทำทั้งหมด” นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า วันที่ 27 มกราคมนี้ เงิน 10,000 บาท จะเข้าบัญชี ส่วนคนอายุ 16 ปีต่ำกว่า 60 ปี ขอให้รอหลังจากเทคโนโลยีเรียบร้อย ประมาณช่วงมีนาคม-เมษายน ก็จะทยอยเข้าบัญชี ซึ่งพรรคเพื่อไทยพูดอะไรไว้ทำหมด แต่วันนี้อาจช้ากว่าเดิม เพราะพรรคไม่ได้คุมทุกกระทรวงเหมือนเมื่อก่อน และระบบราชการก็เปลี่ยนไป วันนี้ตนอยากเห็นว่าชาวมหาสารคามต้องเปลี่ยนนายก อบจ.ได้แล้วเปลี่ยนมาอยู่ในมือพรรคเพื่อไทย จะได้เชื่อมโยงระหว่างรัฐบาลกับท้องถิ่น
ส่วนเรื่องการพนัน ในการเก็บภาษีไม่ใช่รัฐบาลสิ้นไร้ไม้ตอก แต่คือผลพลอยได้ ยืนยันว่า สิ่งที่เราจะทำนั้นเป็นผลประโยชน์ต่อบ้านเกิด โดยเฉพาะเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีบางคนไปพูดคำว่า เปิดแค่กาสิโน แต่สถานบันเทิงครบวงจร มีทั้งการจัดคอนเสิร์ต โรงแรมเป็นพันๆ ห้อง ลงทุนเป็นแสนล้าน มีเงินลงทุนไหลเข้าประเทศ และกาสิโนก็เป็นเพียงพื้นที่ไม่ถึง 10%
“ผมคิดเรื่องนี้ก่อนสิงคโปร์อีก ตอนสมัยไทยรักไทย ผมคิดปุ๊บปรากฏว่าประเทศไทยค้านทันที เพราะคนไม่รู้เรื่อง โดยเฉพาะพวกมือถือสากปากถือศีล สุดท้ายสิงคโปร์ไปทำก่อน ปรากฏว่า มีต่างชาติมาท่องเที่ยวเยอะมาก แต่ของเราทำตาปริบๆ ไป 20 ปี วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย เข้าใจ และสนับสนุน เราก็ควรจะต้องทำ ไม่อย่างนั้นประเทศไทยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อยู่ไปวันๆ บังคับให้เขาทำงาน ทำไร่ ไม่มีโอกาสพัฒนาตัวเอง” ทักษิณ กล่าว
นั่นเป็นเพียงบางช่วงบางตอนเท่านั้น ที่เขากล่าวทั้งในเรื่องการนำเสนอนโยบาย และการสั่งการไม่ต่างจากนายกรัฐมนตรีตัวจริง เพราะเพียงแค่ไม่ทันสิ้นเสียงดีนัก ต่อมาทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีในรัฐบาลต่างขานรับและนำไปปฏิบัติแบบทันควัน
ขณะเดียวกันแม้ว่าการพูดจาปราศรัยของ นายทักษิณ ชินวัตร ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจะหมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียน แต่หากสังเกตเขาไม่เคยยี่หระ ทางหนึ่งอาจมั่นใจเกินร้อยว่าเวลานี้ได้คุมทุกอย่างเอาไวในมือแล้ว
อีกทั้งครั้งนี้ เหมือนกับว่า “ทุ่มสุดกำลัง” เหมือนกับว่าเป็นเดิมพันครั้งสุดท้าย เพราะเวลานี้อายุเกิน 75 ปี เลือกตั้งคราวหน้าก็เหยียบย่าง 80 ปี แล้ว ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้เขา “ไม่แคร์” อะไรทั้งสิ้น เพราะเป้าหมายข้างหน้านั้นพลาดไม่ได้เป็นอันขาด ต้องกุมอำนาจรัฐไว้ต่อไป และต้องกุมให้ได้เบ็ดเสร็จกว่าเดิม นั่นคือต้องเป็นรัฐบาลพรรคเดียว เป็นเป้าหมายต้องทำให้ได้
อย่างไรก็ดี แม้ว่ามีความมั่นใจ และฝันไกลไปให้ถึง แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันยังมี “ตัวแปร” ภายนอกมากมาย ที่บางอย่างทั้งคาดไม่ถึง และคาดเดาได้ ที่สำคัญมันต้องขึ้นอยู่กับผลงานของรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะฝีมือของ “ลูกสาว” คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต้องสร้างภาวะผู้นำให้ได้ก่อน ต้องสร้างความมั่นใจในเรื่องความรู้ความสามารถออกมาให้เห็นให้ได้ และแม้ว่าจะมีการเข็นกันอย่างเต็มที่ แต่เมื่อผลที่ออกมาเป็นที่ประจักษ์ไม่เป็นอย่างที่คุยเอาไว้ ทุกอย่างมันก็เสี่ยงพังครืนในพริบตา
ขณะที่ปัจจัยภายนอกประเทศในเรื่องการ “กีดกันการค้า” ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้ากำลังเข้มข้น กลายเป็นอุปสรรคสำคัญ ซึ่งบรรดากูรูทั้งหลายต่างสรุปตรงกันว่าปีนี้เศรษฐกิจจะมีปัญหาหนักกว่าเดิม
การที่ นายทักษิณ และคนในรัฐบาลรับลูกมั่นใจว่าปีนี้จีดีพีจะโตร้อยละ 3 ปีต่อไปจะโตถึงร้อยละ 5 นั้นเป็นการพูดเพื่อปลุกใจหรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเฝ้ารอกันต่อไป ว่าเป็นไปได้แค่ไหน
ดังนั้น แม้ว่านาทีนี้ นายทักษิณ ชินวัตร จะปลุกใจ มั่นใจว่าการเลือกตั้งคราวหน้าพรรคเพื่อไทยจะกวาดที่นั่ง ส.ส.และเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ทำให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ แต่ถึงอย่างไรก่อนจะไปถึงจุดนั้น ต้องมองเห็นผลสำเร็จจากผลงานของรัฐบาลเสียก่อนว่าเป็นไปได้แค่ไหน เพราะพิจารณาตามรูปการณ์และวุฒิภาวะของผู้นำแล้ว ยังเห็นเลือนลาง แม้ว่าจะช่วยกันเข็นเชียร์เต็มที่แล้วก็ตาม !!