นายกฯ สุดปลื้มถึงดาวอส จับเข่าคุยบิ๊กธุรกิจยุโรป ดึงลงทุนในไทยเพิ่ม บิ๊กเนสท์เล่ ชื่นชมไทยทุ่มไปแล้ว 2 หมื่นกว่า ล.คาด นับจากนี้จะเพิ่มการลงทุนในไทย ในสายการผลิตทางการเกษตร เพื่อตอบสนองผลิตภัณฑ์หลายยี่ห้อที่ขายดีในไทยและเอเชีย
วันอังคารที่ 21 มกราคม 2568 เวลาประมาณ 10.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส ณ ศูนย์ประชุม Congress Center เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ตรงกับเวลาประมาณ 17:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบหารือกับภาคธุรกิจเอกชนที่สำคัญของยุโรป โดย นายเรมี เอเจล (Mr. Remy Ejel) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย โอเชียเนีย และแอฟริกา (Chief Executive Officer Zone Asia, Oceania and Africa) บริษัท เนสท์เล่ (Nestlé) ได้เข้าร่วมหารือ ถึงการลงทุนในประเทศไทย
ในห้วงการประชุม World Economic Forum Annual Meeting 2025 (WEF AM25) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้ นายกรัฐมนตรี ขอบคุณ บริษัท เนสท์เล่ ที่อยู่คู่คนไทยมานาน จนมีผลิตภัณฑ์มากมายที่คนไทยรู้จักดี และขอบคุณในการสนับสนุนเกษตรกรไทย ในการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรและอื่นๆของประเทศไทย ในขั้นตอนการผลิตสินค้าของเนสท์เล่ ซึ่งรัฐบาลมีความตั้งใจในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร โดยเฉพาะเกษตรสมัยใหม่ อาทิ smart farmer ที่เป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลในการส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญกับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของนักธุรกิจที่มาลงทุน (ease of doing business) เพื่อกำหนดนโยบายหรือการสนับสนุนต่างๆ ให้กับภาคเอกชน เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถขยายการลงทุนในประเทศไทยได้สะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ประเทศไทยยังขยายการเป็นพันธมิตรทางการค้าทั่วโลก โดยจะมีการลงนามความตกลง ข้อตกลงทางการค้าเสรี FTA ไทย-EFTA ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นโอกาศสำหรับภาคเอกชนไทยและต่างประเทศที่ลงทุนในประเทศไทยด้วย
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายเรมี เอเจล ผู้บริหารระดับสูงของเนสท์เล่ ได้หารือถึงแนวทางการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย โดยเนสท์เล่ ได้แสดงความมุ่งมั่นว่าจะลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมกาแฟไทย โดยในช่วงปี พ.ศ. 2561-2567 เนสท์เล่ได้มีการลงทุนในประเทศไทยเพื่อขยายสายการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟ เครื่องดื่ม UHT และอาหารสัตว์ ที่มีมูลค่ารวมสูงกว่า 22,800 ล้านบาท
ขณะที่ผู้บริหารของเนสท์เล่ ยืนยันว่า ในปี 2568 นี้ บริษัท เนสท์เล่ จะมีการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายสายการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในโรงงานผลิตเนสกาแฟ และสนับสนุนเกษตรกรไทยในการขยายพื้นที่เพาะปลูกกาแฟซึ่งเป็นพืชเกษตรที่เป็นที่ต้องการของตลาดและมีราคาดี รวมทั้งจะสนับสนุนการให้ความรู้ด้านการเพาะปลูกกาแฟแก่เกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง และรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรไทยในราคาที่เป็นธรรม เหมือนเช่นที่เคยสนับสนุนเกษตรกรไทยมาตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมา
อนึ่ง เนสท์เล่ เป็นบริษัทอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีโรงงานผลิตในประเทศไทยถึง 9 แห่ง เพื่อผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ชั้นนำที่คนไทยนิยมมาเป็นเวลานาน เช่น เนสกาแฟ ไมโล นมตราหมี เป็นต้น