ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ “สารวัตรซัว” ย่องเข้าไทย พักโรงแรมโรสวู้ด และ "การ์ดอน ทัง" เพื่อนสนิท “ปู-ยิ่งลักษณ์” ตีตราจอง ลงทุนกาสิโน!
ตอนนี้เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กลายเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล พอ “ทักษิณ”พูด รัฐมนตรีก็รับสนองทันที
กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทิ้งเรื่องอื่นๆ มาขมีขมันทำเรื่องด่วนที่สุดนี้แทน
ปัญหาปากท้องประชาชนไม่มีจะกิน เอาไว้ทีหลัง
กฎหมาย หรือ อะไรที่เกี่ยวข้องขวางทางอยู่ ก็ดันเข้าครม.ให้ความ “เห็นชอบ” รวมไปถึง “พนันออนไลน์” ครม.เห็นชอบเรียบร้อยโรงเรียน “โทนี่ วู้ดซั่ม” ไปแบบเงียบกริบ ในการประชุมครม. วันที่ 13 มกราคม 2568 ที่ผ่านมานั่นไง
เรียกว่า ชงเร็วก็เห็นชอบเร็ว ก็ทำได้เร็ว ขึ้นเท่านั้น !
ทั้งๆ ที่การพนันและกาสิโน เป็นเรื่องอ่อนไหว ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประเทศ และ กระแสคัดค้านรุนแรง แต่ “ทักษิณ ชินวัตรและรัฐบาล” โนสน โนแคร์!!
นี่เป็นความตั้งใจ เนื่องจากมีการพูดคุยเตรียมการกันเอาไว้สักพักใหญ่ๆ แล้ว แค่ที่ผ่านมารอจังหวะ และ ตอนนี้ได้เวลาใส่เกียร์ห้าเดินหน้า เพราะ “ทักษิณ” เชื่อมั่นตัวเองว่า “เพาเวอร์ฟูล” เพียบพร้อมด้วยอำนาจรัฐ และอำนาจการต่อรอง
ว่ากันว่า งานนี้ถึงขั้น “แบ่งเค้ก” กันเรียบโร้ย นายทุนคนไหน กลุ่มไหนจะได้ทำตรงไหน อย่างไร ร็กันล่วงหน้าแล้ว
ที่เห็นและเป็นอยู่ เป็นความ “ตั้งใจ” แต่เรื่องต่อไปนี้ ไม่รู้เป็นความตั้งใจ หรือบังเอิญ ?
ขณะที่รัฐบาลกำลังทั้งผลักทั้งดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่จะมีทั้งบ่อน และ พนันออนไลน์ มีสายข่าวเชื่อถือได้เห็น “สารวัตรซัว” ซึ่งหลบหนีคดีเกี่ยวพันกับเว็บพนันออนไลน์ไปอยู่ต่างประเทศเมื่อสองปีก่อน ดอดเข้าไทยเมื่อเร็วๆ นี้ และเข้าพักที่โรงแรมโร้สวู๊ด ของตระกูลชินวัตร!
ฟังว่านี่ไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่ “สารวัตรซัว” ย่องกลับมาไทยแต่เข้าๆ ออกๆ มาหลายครั้งแล้ว ในยุครัฐบาลแพทองธาร
ถามว่า “สารวัตรซัว” คนนี้เป็นใคร? เขาคือ “พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล” นายตำรวจผู้ที่ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” เคยบอกว่าเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “มาเก๊า888” ที่ว่าใหญ่โด่งดัง ยังไซส์เอส หากจะเทียบกับเครือข่ายพนันออนไลน์ของสารวัตรซัว
เรียกว่า ขาใหญ่พนันออนไลน์ตัวจริงเสียงจริง ที่หนีคดีแต่หาญกล้ากลับมาไทย ก็ไมรู้ว่า ใครเรียกตัวมา หรือ มาเพื่อเป็นที่ปรึกษาให้ใคร?
ในช่วงที่ไทยกำลังจะมีกาสิโน และ เปิดพนันออนไลน์จากใต้ดินขึ้นมาบนดิน มันก็เป็นเรื่องน่าคิดที่ “สารวัตรซัว” เข้าไทยได้โดยไม่ถูกจับ!
พูดถึงเรื่องคนเข้าๆ ออกๆ ไทยมาเกี่ยวกับเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ต้องนับ "การ์ดอน ทัง" นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ระดับ"มหาเศรษฐี" ชาวสิงคโปร์ ที่มาบ่อยจน ตม.ไทยเริ่มจะคุ้นหน้าแล้ว
ว่ากันว่า “ทัง” บินมาไทยอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยเมื่อปลายปีที่ผ่านมาเขามาถี่ๆ หลายครั้ง เพื่อมาพูดคุยเรื่องการลงทุนกาสิโน หรือเรียกให้หรูก็คือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในไทย
ส่วน “ทัง” จะเจรจากับใครคงไม่ต้องบอก!
ว่ากันไปถึง “การ์ดอน ทัง” คนนี้นี่แหละเป็นต้นความคิดสะกิดต่อมให้ "โทนี่ วู้ดซั่ม" ผลักดันให้ออกกฎหมายให้ไทยเปิดกาสิโน
ข่าวที่สืบเสาะมาได้ยังระบุว่า การ์ดอน ทัง รู้เรื่องเมืองไทยเป็นอย่างดี และ ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวนโยบายเปิดบ่อนกาสิโน พนันออนไลน์ของรัฐบาลไทยอย่างใจจดจ่อ ผ่านเพื่อนคนสนิทที่เขาเจอะเจอกันบ่อยๆ ให้ความช่วยเหลือเอื้อเฟื้อที่พักพิงก็คือ “ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่หนีคดีระหกระเหินอยู่ต่างประเทศนั่นเอง
แหม..ถึงบางอ้อกันเลยทีเดียว และ ไม่ต้องแปลกใจหากกฎหมายกาสิโนผ่าน ด้วยสัมพันธ์อันแนบแน่น เศรษฐีหนุ่มสิงคโปร์ "การ์ดอน ทัง" จะตีตราจองทำกาสิโนในไทยแบเบอร์...ก็อะนะคนกันเองทั้งน้าน
++ “บรรยง พงษ์พานิช” เคยทำอะไรที่เป็นคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติบ้าง ?!
ตอนนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” เดินสายปราศรัยช่วยผู้สมัคร นายกอบจ.ของพรรคหาเสียง ประกาศกร้าว ใหญ่คับบ้าน คับเมือง สมบทบาท “พ่อนายกฯ”
นอกจากขายฝันแล้ว ยังคิดหาเงินทางลัดอย่างที่เคยทำมา เหมือนเมื่อครั้งทำหวยบนดิน ถ้ากฎหมายไม่เอื้อ ก็แก้กฎหมาย อย่างเรื่อง “กาสิโนคอมเพล็กซ์” หรือเอา “พนันออนไลน์” ขึ้นบนดิน
แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ... ว่ากะจะหาเงินจากตรงนี้เอาไปเป็นทุน เอาไปสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง
ยังมีเรื่องสมคบกับ “ฮุนเซน” พ่อนายกฯกัมพูชา เตรียมเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์จากแหล่งก๊าซในทะเล โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน นี่นอกจากจะเสียผลประโยชน์ที่ควรเป็นของไทยแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเสียดินแดน โดยเฉพาะ “เกาะกูด” ด้วย
เรื่องนี้ “สนธิ ลิ้มทองกุล” พูดในรายการสนธิทอล์ก หลายครั้งแล้วว่า ถ้ามีการเปิดเจรจาเมื่อไร ก็ได้เวลา “ลงถนน”
คำประกาศนี้ ทำเอาบรรดาลิ่วล้อ ที่คอยเลียแข้ง เลียขา ทักษิณ “เป็นปกติธุระ” ก็ออกมาเคลื่อนไหวเอาใจนาย โจมตีว่า “สนธิ” คือต้นเหตุของความขัดแย้ง ทำให้ประเทศชาติ เสียโอกาสในการเดินไปข้างหน้า
หนึ่งในนั้นก็มี “วันชัย สอนศิริ” อดีต สว.ผู้เสพติดอำนาจ ได้รับการแต่งตั้งโดย คสช. เมื่อหมดยุค คสช. ก็วิ่งเข้าหา “ทักษิณ ชินวัตร” ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
ซึ่ง พญาอินทรี “สนธิ” ก็ได้จัดหนักชุดใหญ่ ไฟไหม้บ้าน ให้ นกกระจอก “วันชัย” ไปเรียบร้อย
ล่าสุด “บรรยง พงษ์พานิช” ได้เอาเรื่อง ที่เขาได้ไปพูดเกี่ยวกับประชาธิปไตย ที่วปอ. แล้วมาโพสต์ในหัวข้อ... ทศวรรษที่ตกหล่นหายไป ?
“บรรยง” ไล่ไทม์ไลน์ว่า 14 ม.ค. 57 กำนัน นำกปปส. ลุกฮือทั้งแผ่นดิน เป่านกหวีดไล่ระบอบทักษิณ ... สามเดือนถัดมา “ตู่”กุมทหารรัฐประหาร สัญญาว่าอีกไม่นาน แต่กลับยื้อเกือบเก้าปี ... ปี 2566 “ตู่” ขอยื้อต่อ แต่ประชาชนบอกไม่ไหวแล้ว พรรคตู่ได้อันดับ 5 ต้องต่อท้ายขบวน... ประชาชนอยากได้คนรุ่นใหม่ แต่ สว.กับศาล บอกไม่เอา กูยุบมึง ... บัดนี้ ม.ค. 2568 ผ่านมา11 ปี ไทยได้อะไร...
สรุป : สูญไปหนึ่งทศวรรษ แล้วก็ได้ระบบเดิมคืนมา ผิดแค่ว่าลูกกำนันสุเทพ ได้เป็นรัฐมนตรี
ไม่เป็นไรครับ…ท่านผู้เฒ่าเล่าเรื่อง กับ แก้วสรร ชามสรร เริ่มเรียกชาวนกหวีดให้ล้างนกหวีดลงถนนกันอีกครั้ง
เหมือนเล่นชิงช้าสวรรค์ วนไปวนมา สิบปีอยู่ที่เดิม แต่คนรุ่นใหม่น่าจะคิดว่าเป็นชิงช้านรก สำหรับพวกเขา
เรียกว่า “บรรยง”คืออีกคน จงใจออกมาถล่ม “สนธิ”
สำหรับ “บรรยง” นั้น ปัจจุบันอายุ 70 ปี เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารเมอร์ริล ลินช์ภัทร, อดีตประธาน กรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน , อดีตกรรมการอำนวยการวชิราวุธวิทยาลัย, อดีตคณะกรรมกาต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ , อดีตคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.), อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2544 หรือเมื่อ 24 ปีที่แล้ว ในการแปรรูป บริษัท ปตท. และมีการจัดสรรหุ้นให้กับนักการเมือง ข้าราชการ บุคคลในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ทำให้หุ้นหมด ไม่เหลือให้ประชาชนจองภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ช่วงนั้น บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ริล ลินช์ ภัทร จำกัด ที่ “บรรยง” เป็นผู้บริหาร เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านวานิชธนกิจในการแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ให้เป็น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้รวบเอาหุ้นที่ผู้ซื้อต่างประเทศจองเอาไว้หมดก่อนกระจายให้กับ บริษัทนอมินี ของผู้ซื้อตัวจริงในต่างประเทศ
ถ้าอยากรู้ว่า "ผู้ที่ซื้อหุ้น ปตท. ตัวจริง" ผ่านนอมินีต่างชาติ บรรดานักการเมือง ข้าราชการ หรือ คนที่เกี่ยวพันกับการแปรรูป ปตท. ใครเป็นใคร ใครได้หุ้นไปบ้าง ให้ไปถาม “บรรยง”
จากเรื่องนี้ “บรรยง” ก็ไม่ได้ต่างจาก “นกสองหัว” เป็น “ไพ่ฝาก” เพราหลังการรัฐประหารในปี 2557 “บรรยง” ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และแต่งตั้งให้เป็น คณะกรรมการนโยบาย และกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือที่เรียกกันในวงการว่า "ซูเปอร์บอร์ดรัฐวิสาหกิจ"
นี่ก็เสพติดกับการอยู่ในแวดวงอำนาจอีกคน
การที่ “สนธิ” ที่ออกมาต่อสู้เพื่อประเทศชาติ สู้กับการทุจริต คอร์รัปชัน พวกบิดเบือนกฎหมาย หลักนิติรัฐ นิติธรรม ใช้อำนาจหาประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง สู้เพื่อให้ประชาชนได้รู้ความจริงนั้น มันผิดตรงไหน
ถามจริงๆเถอะ “บรรยง” ... นอกจากทำประโยชน์ให้พวกพ้อง ผู้มีอำนาจแล้ว เคยทำอะไรให้ประเทศชาติบ้าง!