“จตุพร” ประกาศ 21 ม.ค.จัดชุดใหญ่ประชิดทำเนียบ ยื่นหนังสือจี้นายกฯ รับผิดชอบ รพ.ตำรวจ ส่งเวชระเบียนรักษา “ทักษิณ” ให้แพทยสภาไม่ครบ ลั่นต้องมีแพทย์และข้าราชการใหญ่ติดคุก พร้อมโหมโรงต้านกาสิโน ทำบ่อนพนัน อ้างหาเงินเข้าประเทศ โคตรปัญญาอ่อน เชื่อตระกูลใหญ่อยากได้ประโยชน์ซุกเจตนาร้าย แฉทุนเทาสองสัญชาติวางแผนเปลี่ยนประเทศเป็นฮับแหล่งฟอกเงิน
เมื่อคืนวันที่ 17 ม.ค. 2568 ในเฟซบุ๊ก “Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์” นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน และนายนิติธร ล้ำเหลือ ได้ไลฟ์สดรายการ “ประเทศไทยต้องมาก่อน” ตอน “ใครได้ใครเสีย” โดยนายจตุพรได้กล่าวว่า บ่อนกาสิโนและการพนันออนไลน์ถูกกฎหมายได้ซุกซ่อนเจตนาร้ายจะทำลายโครงสร้างดีงามของประเทศให้กลายเป็นแหล่งฟอกเงินของพวกทุนเทา เจ้าพ่อมาเฟีย แล้วเปลี่ยนบ้านเมืองไทยจากยิ้มสยามให้เป็นแดนดิบเถื่อนกลาดเกลื่อนด้วยอาชญากรรมร้ายแรง
“เราอยู่กับประเทศไม่มีบ่อน เราอยู่กันมาได้ เพราะเรามีธรรมชาติ มีวัฒนธรรม มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย และนักท่องเที่ยวที่มาไทยไม่ได้มาเล่นการพนัน ถ้าจะเล่่นการพนันจะมาไทยทำไม แต่ความอยากที่ผิดมนุษย์มนาของตระกูลหนึ่งต้องการตั้งบ่อนกาสิโนขึ้น ใครไม่เห็นด้วยก็ยัดเยียดว่าเป็นพวกทุนเทามาขัดขวาง”
นายจตุพร กล่าวต่อว่า บ่อนกาสิโนและการพนันออนไลนถูกกฎหมาย จะทำไทยเป็นฮับธุรกิจพนันออนไลน์ใหญ่ระดับโลก และทุนสีเทา ธุรกิจเทาๆ เจ้าพ่อมาเฟียจะเต็มบ้านเมืองเพื่อมาฟอกเงิน โดยมีตระกูลใดตระกูลหนึ่งเป็นนายหน้าเปิดบ่อนชวนเจ้าพ่อทุนเทาหลากหลายมาย่ำยี่ แล้วประเทศจะเหลืออะไรที่ดีงามอีก
“ทักษิณ ชินวัตร เคยบอกว่า รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินเป็นพวกปัญญาอ่อน แต่การทำบ่อนกาสิโนและการพนันออนไลน์ถูกกฎหมายเพื่อหาเงินจึงเป็นยิ่งกว่าโคตรปัญญาอ่อน”
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ส่วนรัฐบาลพรรคเพื่อไทย อ้างบ่อนกาสิโนจะทำรายได้เข้ารัฐเฉลี่ยต่อปีประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แต่ต้องแลกกับอบายมุขที่สุ่มเสี่ยงกับการทำลายบ้านเมือง ถ้าเปรียบเทียบรายได้เมื่อไทยไม่มีบ่อนถูกกฎหมายแต่ละปีรัฐมีรายรับจากการท่องเที่ยวมากถึง 1.8 แสนล้าน หากดำเนินการกันอย่างจริงจัง รัฐสามารถดันรายได้ไปถึง 3 ล้านล้านบาทได้ไม่ยากเย็น แต่บ่อนกาสิโนจะทำลายรายได้ส่วนนี้ลดลง ดังนั้น นโยบายตั้งบ่อนคาสิโนจึงโครตปัญญาอ่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มต้นคิดเอางบประมาณรัฐมาแจกหาเสียงเลือกตั้ง แล้วคิดจะหาเงินจากเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือบ่อนกาสิโนและการพนันออนไลน์ ซึ่งเชื่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยล้วนอึดอัดกับนโยบายบ่อนกาสิโน แม้พรรคเพื่อไทยอ้างพรรคประชาชน ฝ่ายค้านให้การสนับสนุนบ่อนกาสิโน แต่ถ้าเป็นจริงพรรคประชาชนต้องเจอกับประชาชนของจริงต่อต้านด้วย
นายจตุพร กล่าวว่า ข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการคลังรายงานว่า คนไทย 59.6% เป็นเยาวชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป เคยเล่นการพนันถึง 32 ล้านคน ส่วนคนไทย 35.5% เล่นหวยใต้ใต้ดินและอีก 7.7% หรือ 4.2 ล้านคนเล่นการพนันในบ่อน ดังนั้น ถ้าเปิดบ่อนถูกฏหมายย่อมสุ่มเสี่ยงให้เยาวชนเข้าถึงพนันออนไลน์ผ่านมือถือได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย และต้นทุนมนุษย์จะไม่เหลือหลอกับการพัฒนาประเทศอย่างมีศักยภาพในอนาคต
อีกอย่าง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกรัฐบาล อ้างแหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคง ว่า จะมีทุนสีเทาเจ้ามือบ่อนใหญ่จ้องล้มบ่อนกาสิโนของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อมีข่าวเช่นนี้รัฐบาลควรระบุชื่อให้ชัดเจน และต้องจัดการขั้นเด็ดขาด ไม่ใช่มาอ้างเพื่อตอบโต้ใส่ร้ายฝ่ายคัดค้านเป็นพวกทุนเทาเจ้ามือบ่อนใหญ่จะล้มกาสิโนของตระกูลเจ้าเล่ห์ซุกซ่อนเจตนาร้ายทำลายและฮุบผลประโยชน์จากการพนันมอมเมา
“มีคนเห็นคนสองสัญชาติมีความใกล้ชิดกับบิ๊กทั้งหลายอยู่เบื้องหลังการตั้งบ่อนกาสิโนในไทย อีกไม่นานโฆษกรัฐบาลจะได้เห็นโฉมหน้า และคนพวกนี้ไม่ได้เอาเงินจากต่างประเทศมาลงทุนบ่อนกาสิโนตามที่กล่าวอ้างกันหรอก แต่จะสูบเอาเงินจากคนไทยที่ไปเข้าบ่อนและเล่นพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย”
อีกทั้งกล่าวว่า ขณะนี้การพนันออนไลน์มีเต็มบ้านเต็มเมืองแต่รัฐบาลไม่ปราบปราม จึงชวนให้สงสัยว่า อาจรอให้พนันออนไลน์ถูกกฎหมายก็จะให้เลี้ยวมาสุมหัวกันโผล่ขึ้นบนดินเพื่อชักชวน โฆษณากล่อมให้เยาวชนเล่นพนันผ่านมือถือกันได้สะดวกและเสี่ยงโชคกันอย่างมันมือ
นายจตุพร กล่าวว่า การคิดการใหญ่ตั้งบ่อนกาสิโนนั้น เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างประเทศไปตลอดกาล ทำให้ประเทศที่มากมายด้วยสิ่งดีงามต้องถูกละเลงให้กลายเป็นศูนย์กลางการพนันออนไลน์ของโลกก็ได้ แล้วคนไทยติดการพนันมีแนวโน้มก่ออาชญากรรมเป็นภัยพิบัติต่อชีวิตและสังคมเพื่อหาเงินมาเล่นการพนันผ่านมือถือ
นอกจากนี้ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยอ้างถึงการตั้งบ่อนกาสิโน เพื่อสร้างรายได้เข้ารัฐ แต่ธุรกิจบ่อนพนันออนไลน์เป็นแหล่งอาชญากรรม ซึ่งเต็มไปด้วยพวกเจ้าพ่อมาเฟีย ดังนั้น เงินที่จะส่งเข้ารัฐได้ครบถ้วนตามสัญญาสัมปทาน 30 ปีหรือไม่ เพราะธุรกิจบ่อนกาสิโนมากด้วยเล่ห์ซุกซ่อนเจตนาร้ายในการกอบโกยผลประโยชน์อื่นใดนำไปแบ่งพวกพ้องให้ร่ำรวย
สิ่งสำคัญการตั้งบ่อนกาสิโนไม่ได้มีหลักคิดเพื่อบ้านเมือง แต่ยกมาเป็นข้ออ้างหารายได้เข้ารัฐ ดังนั้น คนในชาติจึงมีสิทธิต่อต้าน เพราะการพนันออนไลน์ถูกกฎหมายจะส่งผลกระทบอันเลวร้ายกับประเทศและประชาชนในระยะยาว
“รัฐบาลพรรคเพื่อไทย บอกมีทุนเทาจะล้มนโยบายบ่อนกาสิโนของพรรคเพื่อไทย ก็ขอให้บอกชื่อมาและต้องจัดการ แล้วปล่อยให้ทุนเทาเข้าประเทศมาได้อย่างไร แต่สิ่งที่เห็นและรับรู้คือ ทุนเทาเข้าประเทศไปซื้อบ้านหรูแทบยกหมู่บ้านซอยลาซาล แล้วใครขายหมู่บ้านให้พวกทุนเทา และคดีนอมินี้ทุนเทาไปถึงไหน อย่างไรแล้ว”
นายจตุพร กล่าวว่า ที่สำคัญในวันนี้ แต่ละนโยบายที่พรรคเพื่อไทยจะทำนั้นได้ซ่อนผลประโยชน์ส่วนตัวไว้กับสมบัติของชาติเพื่อหาประโยชน์ส่วนตน ทั้งรถไฟความเร็วสูงยังเสนอกฎหมายขนส่งทางรางยกที่ดินสองข้างทางให้เอกชนลงทุน แล้วยังสร้างฝันปั่นให้สวยหรูด้วยการถมที่ดินในทะเลสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม ซึ่งเป็นโครงการเก่าเพ้อเจ้อมาตั้งแต่ปี 2544 ถึงบัดนี้ยังไม่เห็นลงมือทำกันจริง แต่นำมาปั่นสร้างฝันกันใหม่อีก
นายจตุพร กล่าวอีกว่า พวกตนคณะใหญ่ที่เคยไปทวงถามและให้กำลังใจ ป.ป.ช.ไต่สวนชั้น 14 มาแล้ว และคณะนี้จะไปอภิปรายบนฟุตปาธหน้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งในวันที่ 21 ม.ค.นี้ เวลา 10.00 น. โดยจะยื่นหนังสือกรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ส่งเวชระเบียนให้แพทยสภาไม่ครบถ้วน ดังนั้น นายกฯ กำกับสำนักงานตำรวจ และสำนักงานตำรวจดูแล รพ.ตำรวจ จึงต้องรับผิดชอบ
พร้อมทั้งกล่าวว่า ถ้าการรักษาคนป่วยชั้น 14 เป็นความจริงแล้ว แพทย์ รพ.ตำรวจ ไม่ควรยึกยักส่งเอกสารการรักษาให้แพทยสภาไม่ครบ ดังนั้น ตนเชื่อว่า กรณีนี้จะมีแพทย์และข้าราชการใหญ่ติดคุก ซึ่งไม่มีใครมาช่วยได้ เพราะการไม่ให้เอกสารเวชระเบียนเป็นเครื่องชี้เจตนาปกปิดความผิดแล้ว ดังนั้น คาดว่า มีนาคมนี้เมื่อแพทยสภารายงานผลการตรวจสอบเสร็จ จะต้องมีคนผิดกันระนาว
นอกจากนี้ ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะพิจารณาคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.ปชป.ว่า จะรับไว้พิจารณาไต่สวนหรือไม่ในกรณีนายทักษิณ ฝ่าฝืนคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยไม่ติดคุกสักวัน ดังนั้น จึงยื่นร้องให้ศาลนำตัวมารับโทษขังคุก 1 ปี
ดังนั้น กรณีชั้น 14 การตรวจสอบของแพทยสภา และการตั้งบ่อนกาสิโนพร้อมดันการพนันออนไลน์ให้ถูกกฎหมายจะเป็นของร้อนระอุเผารัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยนับไทม์ไลน์รอเวลาคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เอ็นเทนเมนต์คอมเพล็กซ์กับผลตรวจสอบของแพทยสภาจะประทุในช่วงไล่เรี่ยกัน ซึ่งจะเป็นสัญญาณของพรรคร่วมต้องตัดสินใจ ส่วนประชาชนช่วงนี้ควรถามใจตัวเองว่า พร้อมหรือยัง