เมืองไทย 360 องศา
แทบไม่น่าเชื่อว่ากระแส “บ่อนการพนัน” ของรัฐบาล ภายใต้การผลักดันสุดแรงของ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์สำคัญ จะต้องเจอกับแรงต้านรุนแรงถึงเพียงนี้ และเชื่อว่ายิ่งนานไปจะยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ จนอาจไปต่อได้ลำบาก
แม้ว่าในช่วงเริ่มต้นแรงต้าน หรือเสียงวิจารณ์ในทางลบจะออกมาจากประเภทที่ นายทักษิณ ระบุว่า เป็นพวก “ขาประจำ ” ก็ตาม แต่หากสังเกตจะเห็นว่ามีคนอีกมากมาย ที่เริ่มเข้ามาคัดค้าน และที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ล้วนมีเหตุผล มีการชั่งน้ำ หนักผลเสียมากกว่าผลดีอย่างเห็นได้ชัด
อีกหนึ่งตัวอย่างสำหรับผู้ที่ตั้งคำถาม 15 คำถาม ให้รัฐบาลต้องตอบก่อนมีบ่อนกาสิโน และการพนันออนไลน์ถูกกฎหมายในประเทศไทยจากนายเจิมศักดิ์ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา เช่น คำถามที่ว่า
อะไรคือแรงบันดาลใจของรัฐบาล ในการส่งเสริมพัฒนาการพนันด้วยการมีบ่อนกาสิโน และการพนันออนไลน์ในประเทศไทย? จริงหรือไม่ ที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ของทุนใหญ่ต่างชาติและในชาติ?
ในแต่ละปีจะมีผู้เล่นการพนันที่สูญเสียเงินและผู้เล่นที่ได้เงินจากการพนัน หักลบกันทั้งหมดแล้ว จะมีจำนวนเงินที่ผู้เล่นสูญเสียให้กับเจ้ามือในสถานบริการเป็นจำนวนเท่าไร ใครจะเป็นผู้ได้เงินจำนวนนั้นบ้าง รัฐบาลจะได้ส่วนแบ่งเท่าใด และผู้ประกอบการที่เป็นคนต่างชาติหรือคนไทยจะได้ส่วนแบ่งเท่าใด
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุชัดว่า การพนันไม่นับรวมเป็นรายได้ประชาชาติเนื่องจากเป็นการโอนเงินจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง โดยไม่ก่อให้เกิดการผลิตใดๆ รายได้ของคนทั้งหมดรวมกันจะเท่าเดิม ที่รัฐบาลบอกว่าจะทำ ให้รายได้ของประเทศสูงขึ้นอย่างมากมายจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
ตลอดทั้งปีจะมีผู้เล่นการพนันและผู้เกี่ยวข้องจำ นวนมากน้อยแค่ไหน บุคคลเหล่านี้จะสูญเสียเวลาสูญเสียโอกาสในการผลิตสินค้าและ บริการที่สร้างสรรค์คิดเป็นมูลค่าเท่าใด
คนต่างชาตินิยมมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เพราะต้องการสัมผัสกับธรรมชาติและวัฒนธรรมของคนไทย การสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างให้เหมือนกับที่มีในประเทศที่เค้าไม่มีของดีตามธรรมชาติจะทำ ให้มีจำนวนผู้มาท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากน้อยเท่าใด และเฉพาะการมีบ่อนกาสิโน จะมีนักเล่นการพนันเดินทางเข้ามาเพื่อเล่นการพนัน และท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเท่าใด
ทำไมถึงใช้ระบบการให้สัมปทานเอกชนรายใหญ่ ในการมาใช้สิทธิผูกขาดในประเทศไทย ทำไมไม่ใช้ระบบการประมูลแข่งขัน ทั้งเรื่องคุณภาพของผู้ประกอบการ และจำนวนเงินที่ให้ค่าตอบแทนกับรัฐ ซึ่งประเทศไทยอาจได้ผู้ประกอบการที่มีคุณภาพดีกว่า และค่าตอบแทนสูงกว่า และหากเป็นผู้ประกอบการต่างด้าวจะมีข้อจำกัดในการโอนเงินออกจากประเทศอย่างไร หรือไม่
การมีบ่อนกาสิโนในประเทศไทย โดยจำกัดผู้เล่นต้องมีคุณสมบัติพิเศษถึงจะเข้าเล่นการพนันได้จะมีประสิทธิภาพในการกวดขันจริงจังได้จริงหรือไม่ และสามารถทำได้กี่วัน ถ้าจำกัดคนไทยเข้าเล่นได้จริง ยังจะมีบ่อนการพนัน ที่ไม่ถูกกฎหมายต่อไปอีกหรือไม่
การที่รัฐบาลอ้างถึงความสำเร็จของสิงคโปร์ในการมีบ่อนกาสิโนถือเป็นภาพลวงตา เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศเล็กที่พัฒนาแล้วทั้งการศึกษาและเศรษฐกิจและขาดทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมที่เสริมการท่องเที่ยวอีกทั้งสิงคโปร์มีระบบบังคับกฎหมายอย่างจริงจังซึ่งต่างกับสังคมไทยเป็นอย่างยิ่ง หากจะเปรียบเทียบกับบ่อนกาสิโนในเมียนมาและกัมพูชา ก็จะเห็นความเน่าเฟะ ซึ่งน่าจะเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบเตือนใจได้ดีกว่า ใช่หรือไม่ เป็นต้น
เพียงคำถามบางส่วนแค่นี้ก็ยากที่จะตอบแล้ว เพราะทุกอย่างล้วนเป็นความจริงและในประเทศไทย ก็ยังเป็นแบบนี้มานาน เพราะนอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่อง ธุรกิจสีเทา และสีดำ และการพนันทำ ให้เกิอาชญากรรม ครอบครัวแตกแยก เชื่อว่าทุกคนคงไม่อยากให้คนในครอบครัวติดการพนัน ติดยาเสพติดแน่นอน แม้แต่คนในรัฐบาลตั้งนายกรัฐมนตรีหรือแม้แต่ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ผลักดันเรื่องดังกล่าว
ความพยายามผลักดัน เสนอกฎหมาย ที่เรียกว่า ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้าสภาฯให้ทันสมัยประชุมนี้คือคาดว่าภายในปลายเดือนมีนาคม ซึ่งแน่นอนว่า ในร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ได้พูดถึง เรื่อง “บ่อนการพนัน”แต่มันจะซ่อนอยู่ข้างใน เพื่อเลี่ยงแรงต่อต้าน และเสียงวิจารณ์จากสังคม ทั้งที่ “บ่อนการพนัน” ล้วนเป็น “เรื่องหลัก”รวมไปถึงการสนับสนุน “พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย” ตามมาอีกด้วย
แน่นอนว่า สิ่งที่รัฐบาล คนในพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงนายทักษิณชินวัตร มักเน้นย้ำ ก็คือ เรื่องเงินรายได้จากการลงทุนจากการเปิดบ่อน รายได้จากภาษีรายได้จากจำ นวนนักท่องเที่ยวโดยมั่นใจว่าจะเพิ่มจำ นวมากขึ้นจาก “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ที่เป็นแหล่งสถานบันเทิงครบวงจร แม้ว่าจะเน้นเรื่อง “บ่อนการพนัน” ก็ตาม คำถาม ก็คือ มีใครบ้างที่ได้ประโยชน์และมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากโครงการดังกล่าวจริงหรือเปล่า
เพราะที่ผ่านมา หากพิจารณากันตามความจริงแล้วแรงดึงดูดนท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยล้วนเป็นเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งหาดทราย ภูเขา วัฒนธรรม อาหารที่หลากหลาย มีความอร่อย มีเสน่ห์จนแต่ละปีประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเกือบ 40 ล้านคน ไม่มีประเทศไทยที่โปรโมตการท่องเที่ยวด้วยการพนัน
แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาล มักจะพยายามอ้างว่า “บ่อนการพนัน”ที่อยู่ในนั้นเพียงแค่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่คำ ถามก็คือ เมื่อมีปริมาณเพียงแค่นั้น แล้วมีความจำ เป็นอะไรที่ต้องผลักดันให้มี“บ่อน”ขึ้นมา ซึ่งเชื่อว่ามีผลลบ มากกว่าบวก ได้ไม่คุ้มเสียแน่นอน
ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากการเปรียบเทียบผลดีผลเสียแล้ว รวมไปถึงความไม่ชอบมาพากลจากโครงการ “เอนเตอร์เทนเมนต์ ซ่อนบ่อน” มันน่าจะเกิดแรงต้านรุนแรงขึ้น จนน่าจะผ่านยาก แม้จะอ้างว่า เมื่อปราบยาก ก็นำขึ้นมาอยู่บนดิน แถมยังสร้างรายได้ แต่คำถามก็คือ ในเมื่อมันผิดกฎหมาย เป็นอบายมุข ไม่ควรเฉียดใกล้ และรัฐต้องมีหน้าที่ปราบปรามให้หมดไป หรือให้เหลือน้อยที่สุด ไม่ใช่เป็นข้ออ้างเพื่อส่งเสริม ซึ่งจะนำไปสู่ความเสื่อม!!.