อดีตส.ส.ปชป. ยื่นคำร้องครั้งที่ 3 ขอให้ศาลไต่สวน และออกหมายจับ "ทักษิณ" กลับไปติดคุก โดยเขียนคำฟ้องใหม่ รวบรวมพยานหลักฐานผู้กระทำผิดให้ครบถ้วน
วันนี้ (16ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นคำร้องเป็นครั้งที่ 3 ขอให้ศาลไต่สวน และออกหมายจับ นายทักษิณ ชินวัตร กลับไปขังคุกแล้วเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ โดยได้ยื่นคำร้องเป็น 2 ฉบับ
ประกอบด้วย ฉบับที่ 1 ยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้ทำการไต่สวน กรณีกรมราชทัณฑ์ นำนักโทษออกจากเรือนจำ โดยขัดหมายศาล และฝ่าฝืนคำพิพากษาของศาล โดยไม่เข้ากรณีที่จะนำนักโทษออกไปนอกเรือนจำได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 246 ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทำการไต่สวนและออกหมายจับจำเลยมาขังไว้ตามคำพิพากษาต่อไป
ฉบับที่ 2 ยื่นคำร้องต่อประธานศาลฎีกา ขอให้มีคำสั่ง ให้นำ คำร้องขอไต่สวนดังกล่าว เข้าพิจารณาในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เพราะเป็นเรื่อง สำคัญ กระทบต่อระบอบการปกครอง กระทบต่อพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์ และความศักดิ์สิทธิ์ของศาล และเป็นการถ่วงดุลการก้าวล่วง ทำลายล้างอำนาจตุลาการของฝ่ายบริหาร ซึ่งจะต้องรอฟังคำสั่ง ของประธานศาลฎีกา และศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีคำสั่ง ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
ทั้งนี้ นายชาญชัย เคยยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2566 โดยนายชาญชัย และนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ได้ร่วมกันยื่นร้องต่อศาลฯในประเด็นว่า นายทักษิณได้รับโทษจำคุกและได้ขอพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษเหลือ 1 ปี แต่เหตุใดจึงไม่ถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาลแม้แต่วันเดียว โดยมีรายละเอียดข้อเท็จจริง พฤติกรรมการกระทำของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมาย ป.วิอาญาและคำสั่งของศาลฯหรือไม่
อย่างไรก็ตามศาลฯ ได้วินิจฉัยตอบในวันนั้นว่า ศาลฯ ออกหมายจำคุก เมื่อคดีถึงที่สิ้นสุดไปแล้ว การบังคับโทษและอนุญาตให้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ปัญหาว่า เจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ปฏิบัติชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฯ จึงไม่ต้องไต่สวน ให้ยกคำร้อง
นายชาญชัย เชื่อว่าเท่ากับศาลฯได้ชี้ประเด็นกลับมาให้ดูว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทำผิดกฎหมายเรื่องใด มีพฤติกรรมเช่นใด เพราะคำร้องนี้ ร้องเกี่ยวกับพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ถ้าเป็นความผิดเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ต้องไปร้องต่อศาลอื่น ศาลฎีกานักการเมืองไม่มีอำนาจวินิจฉัย
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ก.พ.2567 นายชาญชัย ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฯ เป็นครั้งที่ 2 ตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2562 ว่าด้วยหมวด 9 การบังคับคดีข้อ 61 และ 62 ว่า มีกฎหมายมาตรา 246 และบทบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา รวมถึงมาตรา 6 ของพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ที่ระบุ มิให้ออกกฎกระทรวง หรือมาตรการบังคับโทษด้วยวิธีการอื่น ที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กรณีกรมราชทัณฑ์ปฏิบัติต่อนายทักษิณ ชินวัตร เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือไม่ การที่นายทักษิณ ออกมานอนรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ถือเป็นการทุเลาโทษ และชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
แต่ ศาลมีคำวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีไม่ปรากฏ มีการทุเลาการบังคับโทษ จึงไม่ต้องตามบทบัญญัติประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 246 และมาตราอื่นที่ผู้ร้องอ้างมา จึงไม่ต้องไต่สวนให้ยกคำร้อง”
นายชาญชัย เชื่ออีกว่าการที่ศาลวินิจฉัยเช่นนี้ ชี้ให้เห็นว่า มาตรา 246 อยู่ในอำนาจของศาลที่สามารถวินิจฉัยได้ แต่ไม่มีการยื่นคำร้องขอทุเลาโทษจากเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้อง เสมือนศาลต้องการให้ตนไปเขียนคำฟ้องใหม่โดยต้องรวบรวมพยานหลักฐานและตัวผู้กระทำความผิดให้ครบถ้วน จึงสามารถยื่นคำร้องใหม่เป็นครั้งที่ 3 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองได้.


