นายกฯ กล่าวเปิดประชุม รมต.อาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 ไทยเน้นย้ำความร่วมมือต่อสู้กับ online scam ข้อมูลเท็จ และการใช้ประโยชน์จาก AI สร้างอนาคตดิจิทัลที่ปลอดภัย มีนวัตกรรม และครอบคลุมทุกคนในภูมิภาคอาเซียนด้าน รมว.ดีอี หวังใช้เวทีนี้จับมือแก้ปัญหา ยกระดับเข้มปราบปรามภัยออนไลน์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์
วันนี้ (16 ม.ค.) เวลา 08.30 น. ณ โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมและเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 (The 5th ASEAN Digital Minister’s Meeting: ADGMIN) โดยมีผู้แทนจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน พร้อมคู่เจรจาสำคัญอย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา อินเดีย และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) รวมถึงผู้แทนติมอร์-เลสเต เข้าร่วม สำหรับการประชุมครั้งนี้ เน้นหัวข้อสำคัญ “Secure, Innovative, Inclusive: Shaping ASEAN's Digital Future” มุ่งสร้างระบบดิจิทัลที่ปลอดภัย ส่งเสริมนวัตกรรม และสนับสนุนการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียม
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนสู่ประเทศไทย และกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคให้มั่นคง ยั่งยืน และครอบคลุมทุกภาคส่วน ซึ่งการก้าวเข้าสู่ปีใหม่เป็นโอกาสที่สมาชิกอาเซียนจะมาร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงบทบาทสำคัญ 3 ประการในการกำหนดอนาคตดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน ดังนี้
1. การต่อสู้กับการหลอกลวงทางออนไลน์ นายกรัฐมนตรีเห็นว่าการหลอกลวงทางออนไลน์ หรือ “Online Scams” กำลังเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อประชาชน และการแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระดับภูมิภาค เพื่อสร้างความปลอดภัยในโลกดิจิทัล และเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชน
2. ความท้าทายในการจัดการกับข้อมูลเท็จ ปัญหาเรื่องข่าวปลอมและการบิดเบือนข้อมูล เป็นปัญหาที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของสังคม โดยนายกรัฐมนตรีเสนอให้อาเซียนพัฒนากลไกที่เข้มแข็งในการตรวจสอบและควบคุมข้อมูลออนไลน์ พร้อมให้ความสำคัญของการเสริมสร้างความรู้เท่าทันดิจิทัลแก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ
3. การใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ (AI) นายกรัฐมนตรีขอให้ใช้เทคโนโลยี AI อย่างครอบคลุมและมีความรับผิดชอบ โดยประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับโลกว่าด้วยธรรมาภิบาลของ AI (Global Forum on the Ethics of AI) ร่วมกับองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization: UNESCO) ในเดือนมิถุนายนนี้ และเชิญชวนผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีหวังว่า การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของอาเซียน สามารถเปลี่ยนวิกฤตต่างๆ ให้กลายเป็นโอกาส และสร้างการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง พร้อมหวังว่าการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 ครั้งนี้จะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
จากนั้น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ว่า นายกฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องอาชญากรรมทางออนไลน์ ก่อนหน้านี้กระทรวงดีอีได้ประสานงานขอความร่วมมือระหว่างประเทศไประดับหนึ่ง และการประชุมครั้งนี้จะขยายผลและพูดคุยในเรื่องดังกล่าวอีก เนื่องจากมีรัฐมนตรีด้านดิจิทัลหลายประเทศเข้าร่วม และคู่เจรจาที่เป็นเจ้าหน้าที่อาวุโส ร่วมในวงเจรจาในหลายหัวข้อ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลพื้นฐานด้านดิจิทัล และเทคโนโลยีด้านดิจิทัล ตอบสนองภัยคุกคามทางไซเบอร์ และพูดถึงเรื่อง AI พูดถึงการให้ประชาคมอาเซียนเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเท่าเทียม รวมถึงการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ผู้สื่อข่าวถามถึงการขอความร่วมมือ ป้องกันอาชญากรรมตามแนวชายแดน นายประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการเจรจาในระหว่างคู่เจรจา และทำเอ็มโอยูกับหลายประเทศมีพื้นที่ติดชายแดนหรือไม่ติด โดยจะคุยกับทางเมียนมาในวันนี้ หลังจากที่ได้
คุยกับ สปป.ลาว ไปแล้ว และพูดคุยกับกัมพูชา เรื่องปัญหาของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่จะมีทำเอ็มโอยูระหว่างกัน
เมื่อถามกรณีที่ นายกฯ ระบุว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก จะตั้งคณะกรรมการติดตามเรื่องนี้เป็นพิเศษหรือไม่ เนื่องจากเป็นผู้นำประเทศที่ถูกหลอก นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่จริงเรามีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และมีศูนย์ปฎิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์ AOC 1441 โดยจะยกระดับความเข้มข้นของการปราบปรามมากขึ้น และมีองค์ประกอบที่มีนายกฯ มาเป็นประธาน เนื่องจากปัญหานี้เป็นปัญหาสำคัญทำความเสียหายให้ประเทศ
เมื่อถามถึงกรณีที่ผู้นำรัฐกะเหรี่ยงพูดคุยกับผู้ประกอบการทุนจีนที่ดำเนินธุรกิจในจังหวัดเมียวดี ถึงการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม และค้ามนุษย์ ถือสัญญาณที่ดีหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ประเทศเพื่อนบ้านได้รับความเสียหายจากปัญหาเหล่านี้ การพูดคุยจึงเป็นสัญญาณที่ดีในการทำงานร่วมกัน เพราะปัญหานี้เป็นภัยคุกคามของประชาคมอาเซียน และจากที่คุยกับรัฐมนตรีดิจิทัลในอาเซียน ทุกประเทศประสบปัญหาเรื่องนี้ เช่น มิจฉาชีพที่ข้ามฝั่งจาก สปป.ลาว ที่เข้ามาใช้ไทยเป็นฐานหลอกคนประเทศเดียวกัน ขณะที่ไทยก็ข้ามฝั่งไปลาว หรือกัมพูชา เพื่อหลอกคนไทย ดังนั้น ทุกประเทศต้องร่วมมือกัน เรื่องนี้ปลัดกระทรวงดีอีได้เจรจา และดำเนินการเรื่องนี้มา 1 ปีแล้ว และจะยกระดับเข้มข้นขึ้น