เมืองไทย 360 องศา
จะเรียกว่าเริ่มนับถอยหลังก็ได้ สำหรับกรณีคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา ที่มี นพ.อมร ลีลารัศมี อดีตกรรมการแพทยสภา เป็นประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนฯ ได้ส่งหนังสือถึงแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ให้ส่งเอกสารการรักษาพยาบาล นายทักษิณ ชินวัตร ตลอดช่วงหกเดือนที่พักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ มาให้คณะอนุกรรมการภายในวันพุธที่ 15 มกราคม นี้ ซึ่งหากนับจากวันนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว
แน่นอนว่า การสอบสวนข้อเท็จจริงของ “แพทยสภาฯ” ถือว่าเป็น “ไฟต์บังคับ” คงปฏิเสธไม่ได้ แต่หากดูตามรูปการณ์แล้ว อาจมีการอิดออด อิดเอื้อนไปบ้าง เพียงแต่ว่าในที่สุดก็ต้องส่งเอกสารการรักษาพยาบาล นายทักษิณ ชินวัตร ไปให้จนได้นั่นแหละ เพียงแต่ว่าจะส่งแบบไหนเท่านั้นเอง
การสอบสวนในครั้งนี้ยังครอบคลุมไปถึงรายชื่อเจ้าหน้าที่ และข้าราชการที่เกี่ยวข้องอีกนับสิบคน ทั้งจากกรมราชทัณฑ์ และเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับการคุมขัง และการปล่อยตัวนายทักษิณ ชินวัตร ออกมารักษานอกเรือนจำด้วยเหตุผลเรื่องมีอาการป่วยขั้นวิกฤต
หากส่งมาแบบ “ขอไปที” หรือว่า ส่งมาแบบไม่ตรงตามความจริง ก็เชื่อว่า กรรมการสอบสวนที่เป็น “หมอ” ด้วยกัน ย่อมจับพิรุธ ได้แน่นอน และจะบานปลายตามมาอีก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรอให้ถึงกำหนดเวลา คือ วันที่ 15 มกราคม เสียก่อน ว่ามีเอกสารส่งมาอย่างไร แล้วค่อยมาว่ากัน
แต่นาทีนี้ เมื่อขึ้นชื่อว่า “แพทย์สอบแพทย์” ด้วยกัน ก็ต้องถือว่า “ทันกัน” อยู่แล้ว ยิ่งมือสอบเป็นระดับ “อาจารย์หมอ” ระดับรางวัลมากมาย คงไม่ทำให้เสียชื่อแน่นอน ทำให้วางใจได้ระดับหนึ่ง
ขณะเดียวกันยังมี “อีกดอก” สำคัญ ก็คือ การสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นด่านสำคัญ เริ่มมีการไต่สวนหาความจริงกันแล้ว โดยมีการเรียกข้อมูล “เวชระเบียน” การรักษาพยาบาล นายทักษิณ ชินวัตร มาอีกทางหนึ่งแล้ว แม้ว่าที่ผ่านมาทางป.ป.ช.ยังไม่ได้รับ แต่ไม่ว่าอย่างไรมั่นใจว่า “ต้องส่ง” ให้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นองค์กรอิสระ เป็นหน่วยงานตรวจสอบ บิดพลิ้วไม่ได้
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่า ถ้าถึงขั้นมีการตั้งเรื่องแบบนี้ หน่วยงานต่างๆ ต้องให้ข้อมูล และในส่วนของกรมราชทัณฑ์ เราให้ความร่วมมือหากขอพยานหลักฐานมา และเท่าที่ทราบเมื่อนายทักษิณ เดินทางเข้าประเทศ มีเวชระเบียนมาจากต่างประเทศด้วยว่าป่วยเป็นอะไร ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช. ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องให้ความร่วมมือให้ข้อมูลให้ครบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล ในการพิจารณาคดีของ ป.ป.ช.
ถามว่า ที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลตำรวจ เคยส่งเวชระเบียนของนายทักษิณมาให้กระทรวงยุติธรรม หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า มี ตอนที่รักษาครบ 120 วัน มีหลักฐานทางการแพทย์ส่งมาให้ เพื่อประกอบการพิจารณาให้รักษาต่อ ถ้าทาง ป.ป.ช. มีการขอ เราก็ต้องให้ไป โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะต้องเป็นผู้พิจารณา แต่ส่วนตัวคิดว่าตอนนี้ทางโรงพยาบาลตำรวจ ต้องพิจารณาให้ ป.ป.ช. เช่นกัน แต่น่าจะอยู่ระหว่างการดูข้อกฎหมาย เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่ถึงขั้นตั้งเรื่องไต่สวน แต่ตอนนี้ตั้งเรื่องไต่สวนแล้วควรจะให้
เมื่อถามว่า สามารถอ้างสิทธิของผู้ป่วยได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ต้องดูข้อกฎหมาย แต่ตนคิดว่า ถ้าเราทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ควรจะส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณา
พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่ง กล่าวถึงกรณี คณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา ได้ส่งหนังสือถึงแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ให้ส่งเอกสารการรักษาพยาบาล นายทักษิณ ชินวัตร ที่พักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.มาให้คณะอนุกรรมการภายใน วันพุธที่ 15 ม.ค.นี้ หลังจาก พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ขอให้ทางโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นคนชี้แจงว่า เราไม่สามารถชี้แจงได้ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของเราที่จะชี้แจง ไม่ได้เป็นการโยนกันไปมา
ก่อนหน้านั้น กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) และกลุ่มกองทัพธรรม ได้เข้ายื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สอบถามกรณีที่แพทยสภาได้ทำหนังสือถึงโรงพยาบาลตำรวจ เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.67 เพื่อขอหนังสือแจ้งอาการป่วย และเวชระเบียนของนายทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่เข้าและออกจากโรงพยาบาลตำรวจ ที่ขณะนั้นเป็นผู้ป่วยรักษาตัวที่ชั้น 14 ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 15 ม.ค. นี้ โดยพวกเขาได้เดินทางมาเร่งรัดการส่งหนังสือดังกล่าว และว่าหากไม่ได้รับคำตอบ ต่อไปจะเดินทางไปพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อไป
“ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีจะต้องมีคำชี้แจง อีกทั้งเวชระเบียนประวัติผู้ป่วยมีความสำคัญมาก เพราะมีความสำคัญในการพิสูจน์ประวัติการรักษาที่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. หรือแพทยสภา นำไปพิสูจน์ทราบข้อกล่าวหาของ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถูกกล่าวหาก่อนหน้านี้ พร้อมยืนยันว่า การเรียกร้องดังกล่าว ไม่ได้เป็นการเรียกร้องเพื่อให้ต้องการนำข้อมูลมาเปิดเผยกับกลุ่ม แต่เป็นการเรียกร้องเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบและเข้าถึงข้อมูลได้อย่างชัดเจน” นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มดังกล่าว ระบุ
แน่นอนว่า ผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการของแพทยสภาฯ ดังกล่าว ที่ขีดเส้นให้ต้องส่งข้อมูลรายงานการรักษาอาการของ นายทักษิณ ชินวัตร อาจไม่ใช่ข้อสรุป แต่ถึงอย่างมันก็เหมือน “สารตั้งต้น” ที่จะไขประตูไปสู่ความจริงที่จะตามมามากมาย รวมไปถึงจะส่งผลกระทบกับบรรดาข้าราชการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ จะต้องโดนเป็นหางว่าวหรือไม่ ต้องติดตาม เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะถึงวันที่ 15 มกราคม
เชื่อว่าหลายคนกำลังรอดูวันที่ 15 มกราคม ว่าจะมีการส่งรายงาน “เวชระเบียน” การรักษา นายทักษิณ ชินวัตร ให้กับ ทางอนุกรรมการสอบสวนของแพทยสภาฯ หรือไม่ หากไม่ยอมส่ง หรือมีข้ออ้างอื่นใด เชื่อว่าจะยิ่งถูกมองว่ามีพิรุธ ปิดบังความจริงเพิ่มขึ้นไปอีก แต่มีการส่งข้อมูลไป ก็น่าจะต้องได้เห็น “ร่องรอย” บางอย่างออกมาอย่างแน่นอน หากมีการ “ป่วยทิพย์” มานานถึง 6 เดือนเต็ม และนั่นก็คือการนับถอยหลัง นั่นเอง !!