xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ไม่ชี้ชัด "แม้ว" ชูนโยบายรัฐช่วยหาเสียงท้องถิ่นผิดกม. ไม่เตือนเชื่อรู้กม.ดี แนะตรุษจีนผู้สมัครงดแจกแต๊ะเอีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กกต.ไม่ฟันธง "ทักษิณ" ชูนโยบายรัฐ ช่วยหาเสียงท้องถิ่นผิดกม.หรือไม่ อ้างดูเป็นกรณี ยันไม่ต้องมีหนังสือเตือน เชื่อผู้สมัคร-ผู้ช่วยหาเสียงรู้กม.ดี เผยเลือกตั้ง อบจ.มีร้องแล้ว 30 เรื่อง ส่วนใหญ่กล่าวหาซื้อเสียง แนะตรุษจีนผู้สมัครควรหลีกเลี่ยงการแจกแต๊ะเอียเหตุเสี่ยงผิด

วันนี้ (10 ม.ค.) นายอิทธพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดการเลือกตั้ง อบจ. ขณะนี้จัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วและอยู่ระหว่างกกให้ไปรษณีย์ไทยส่งบัตรเลือกตั้งไป อบจ.แต่ละจังหวัด ซึ่งเป็นผู้ที่ดำเนินการสมบัติเลือกตั้งประจำของ กกต. ตามมาตรการความปลอดภัยมีระบบติดตาม GPS ตั้งแต่การรับบัตรเลือกตั้งที่โรงพิมพ์ ไปส่งแต่ละจังหวัด และมีการเก็บรักษาโดยมีกล้องวงจรปิดติดตามจนถึงวันเลือกตั้ง 1 ก.พ.นี้

ขณะเดียวกันก็มีการจัดอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการการเลือกตั้ง เช่นพนักงานสืบสวนไต่สวนของ กกต. รวมถึงการตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วในการลงพื้นที่ในการป้องกันปราบปรามการซื้อเสียง และขั้นตอนสุดท้ายการอบรม กปน. ในช่วงก่อนวันเลือกตั้งเพื่อเกิดความแม่นยำในการปฎิบัติหน้าที่ โดยในปี 2562 มีคำร้องเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ กปน. 100 เรื่อง ศูนย์การเลือกตั้งปี 2566 พบว่าคำร้องเรียนเหลือเพียง 17 เรื่อง สะท้อนว่าการทำงานของกปน.ดีขึ้น

ประธาน กกต. ยังเปิดเผยถึงคำร้องเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง อบจ. ถึงขณะนี้มี 30 เรื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นประเด็นเกี่ยวกับการซื้อเสียง พร้อมเตือนประชาชนที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ.นี้ให้แจ้งเหตุอันไม่อาจไปใช้สิทธิ์ได้เพื่อไม่ให้ถูกจำกัดสิทธิ์ บางประการตามที่กฎหมายกำหนดไว้

ประธานกกต.ยังกล่าวกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ปราศรัยโดยนำเสนอนโยบายรัฐบาลในเวทีเลือกตั้งท้องถิ่นว่า เรื่องการหาเสียงอยากให้แยกเกี่ยวกับการพูดถึงนโยบายระดับชาติกับการหาเสียงระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่บางครั้งเชื่อมโยงกันได้ แต่จะเข้าข่ายเป็นการหาเสียงที่ผิดกฎหมายหรือไม่ มีอยู่ 2 ข้อหลัก คือ 1. หาเสียงว่าจะให้หรือเสนอให้ 2. หาเสียงหลอกลวง ซึ่งถ้าหาเสียงว่าจะให้มันก็เข้าข่ายผิดกฎหมายแน่นอนตามมาตรา 65 (1) แต่ถ้าเป็นการหาเสียงหลอกลวง หากไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของอบจ.นั้นๆ ก็เข้าข่ายหลอกลวงได้

"ฉะนั้นการกล่าวถึงเวลาเราพูดถึงบริบททั่วๆไปบางครั้งกล่าวไปทางนั้นทางนี้ มันจะใช่ถึงขนาดหาเสียงหลอกลวง สัญญาว่าจะให้หรือไม่ ต้องดูบริบทแต่ละอันเป็นรายกรณีไป รวมถึงดูรายละเอียดด้วย"

เมื่อถามว่าผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงจึงควรหาเสียงเฉพาะสิ่งที่อบจ.ทำได้เท่านั้นหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ผู้สมัครต้องเสนอนโยบายที่ตนเองจะเข้าไปปฏิบัติหากได้รับเลือกว่าจะทำอะไรบ้าง เพราะอำนาจหน้าที่ของอบจ.ก็มีระบุไว้ในกฎหมายชัดเจน การหาเสียงควรมุ่งเน้นในกรอบตรงนั้น แต่จะพูดเลยไปบ้างส่วนตัวมองว่าก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร

เมื่อถามว่าขอบเขตของผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งมีแค่ไหน นายอิทธิพร กล่าวว่า ผู้ช่วยหาเสียงก็ต้อวพูดในนโบายที่ผู้สมัครประสงค์จะนำไปปฏิบัติเมื่อได้รับเลือกตั้ง ซึ่งแน่นอนต้องหาเสียงในนโยบายที่ผู้สมัครเขานำเสนอด้วย เพราะไม่เช่นนั้นถ้าไปหาเสียงแล้วไม่พูดถึงนโยบายที่จะไปทำในจังหวัดนั้นๆ มันก็ไม่ใช่การหาเสียง และจะกระทบต่อการที่จะไม่ได้คะแนนด้วย เช่นไปพูดถึงเรื่องอื่น โดยไม่พูดว่าจะไปทำอะไร ในบริบทที่เป็นงานของตัวเอง คะแนนก็อาจจะไม่ค่อยได้

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่านายทักษิณ ไปปราศรัยพูดภาพใหญ่นโยบายของรัฐบาล และจากนั้นรัฐบาลก็รับลูก สามารถทำได้หรือไม่ในเวทีของท้องถิ่น นายอิทธิพร กล่าวว่า การพูดถึงนโยบายโดยบุคคลใดก็ตามที่มาช่วยหาเสียง กับการพูดถึงนโยบายในการหาเสียงตั้งท้องถิ่น มันเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกันได้ แต่จะถึงขั้นผิดหรือไม่ จะให้ตอบตอนนี้คงไม่ได้เพราะจะสับสนและไขว้เขว่ ฉะนั้นผู้สมัคร ผู้ช่วยหาเสียงก็ต้องมีบทบาทหน้าที่ของตัวเองในการที่จะทำอะไรก็ได้ให้มั่นใจว่าทำไปแล้วไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย และอย่าลืมว่ามีมาตรา 23 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต.ที่กำหนดว่า พรรคการเมืองหรือผู้สมัครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายเลือกตั้ง หรือพรรคการเมืองสามารถสอบถามมายังกกต.ได้ โดยกกต.มีหน้าที่ต้องตอบภายใน 30 วัน ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่ง แต่ตนก็เชื่อว่าผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงตระหนักดี ว่าทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหนเพราะมีตัวอย่าง ทั้งคำวินิจฉัยกกต. ว่าหาเสียงอย่างไรเข้าข่ายหลอกหลวง เสนอว่าจะให้

"ฉะนั้นถือว่าการที่จะพูดอะไรบางอย่าง มันอาจจะไม่ตรงประเด็นร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ามันเชื่อมโยงกันได้ อย่าเพิ่งไปรีบตัดสินว่ามันถูกหรือผิด เราต้องดูพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเป็นกรณี"

เมื่อถามอีกว่า กรณีที่นายทักษิณ ปราศรัยว่าจะลดค่าไฟจาก 4 บาทให้เหลือ 3 บาทกว่า น่าจะไม่ใช่อำนาจของอบจ.ที่จะสามารถทำได้ นายอิทธิพร กล่าวว่า ท้องถิ่นเท่าที่ตนจำได้ก็มีหน้าที่ในการให้บริการและทำนุบำรุงสาธารณูปโภค ซึ่งอันนี้ก็คือสาธารณูปโภค อย่างไรก็ตามจะให้ไปตอบตอนนี้คงไม่ได้ เพราะกกต.มี 7 คน ฉะนั้นจุดเชื่อมโยงตรงไหนที่ว่าเป็นการพูดถึงนโยบายของตัวเองโดยแท้ ไม่เกี่ยวกับการหาเสียง หรือเข้าข่ายหาเสียงหลอกลวง ยังตอบจริงๆไม่ได้ ต้องมาดูเป็นกรณี ก่อนหน้านี้ตนก็พูดไปแล้วว่าอะไรทำได้ไม่ได้มันมีเส้นแบ่งอยู่เสมอ ต้องนำข้อเท็จจริงมาประกอบ แต่ถ้าเป็นไปได้ในเรื่องของการหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นก็ควรมุ่งเน้นที่นโยบาย ที่ผู้สมัครมุ่งเน้นจะดำเนินการเมื่อได้รับเลือกตั้ง ถ้ามันเกินขอบเขตอะไรไปแล้วมีคนร้อง ก็ต้องเอาเรื่องทั้งหมดมาดู

เมื่อถามอีกว่า กกต.ต้องทำหนังสือเตือนหรือไม่ ประธานกกต. กล่าวว่า คงไม่ต้องถึงขนาดนั้น เพราะผู้สมัครรู้ดีอยู่แล้วว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง และเมื่อรับสมัครเสร็จแล้ กกต.ก็มีการประชุมเชิงสมานฉันท์ ซึ่งก็จะแจ้งให้ทราบอยู่แล้วว่าอะไรทำได้บ้าง ฉะนั้นผู้สมัครจะบอกว่าตัวเองไม่ทราบคงไม่ได้ และทั้งผู้สมัคร ผู้ช่วยหาเสียง ก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองพูดไป ผู้สมัครก็ต้องรู้ ว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างไร ผู้ช่วยหาเสียงก็ต้องรู้ว่าผู้สมัครของตัวเองมีนโยบายอย่างไร และหาเสียงช่วยสนับสนุนในประเด็นที่เป็นอำนาจหน้าที่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตามถึงขณะนี้ยังไม่มีคำร้องเกี่ยวกับการหาเสียงของนายทักษิณ เข้ามา

เมื่อถามว่า ขณะนี้ กกต.ได้จับตาจังหวัดไหนเป็นพิเศษหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ทุกจังหวัด ผอ.กกต.ทำงานเรื่องของการเลือกตั้งมาอย่างเข้มข้นต่อเนื่องอยู่แล้ว และ ตระหนักถึงสถานการณ์ของจังหวัดตัวเอง อาจมีบางจังหวัดที่จะต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษอย่างจังหวัดปราจีนบุรี ทีมสอบสวนของกกต. ก็จะลงพื้นที่ 2 สัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า การแข่งขันจะอยู่ในกรอบกติกา ส่วนจังหวัดอื่นก็มีการพูดคุยกับผู้บังคับการตำรวจภูธรเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งตำรวจเอง ก็ทราบว่าสถานการณ์การแข่งขันแต่ละพื้นที่ว่ามีความเข้มข้นขนาดไหน ถ้าพื้นที่ไหนมีความเข้มข้นมาก ก็จะมีทีมงานของกกต.ร่วมกับตำรวจ ก็จะเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ

นายอิทธิพร อย่างกล่าวย้ำเตือนต่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง อบจ. ในการหาเสียง ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนได้รับการอบรมเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำหรือไม่ควรทำในการหาเสียงเลือกตั้งอย่างชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นการกระทำผิดกฏหมาย เช่น (1) การให้ จัดให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้กับผู้ใดผู้หนึ่ง หรือ (2) การให้ ชุมชน หรือการให้สิ่งใดแก่องค์กรสถาบัน (3) การจัดมหรสพ (4) การจัดเลี้ยง (5) การหลอกลวงใส่ร้าย ซึ่งเป็นกติกาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ตามมาตรา 65 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งท้องถิ่น

“เพราะฉะนั้นผู้สมัครย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่ามีอะไรที่ตัวเองทำได้ทำไม่ได้บ้าง เรื่องที่ว่าต้องแจ้งชื่อผู้ช่วยหาเสียงก่อนการหาเสียงต้องแจ้งให้กับ ผอ. จังหวัดทราบ ในกรณีที่มีผู้มาช่วยหาเสียงโดยยังไม่แจ้งก็ต้องรีบแจ้งให้ กกต. จังหวัดรับทราบโดยเร็ว รวมถึงการคำนวณค่าใช้จ่ายในการหาเสียงซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะมีคำร้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่อนข้างเพิ่มขึ้น เมื่อบันทึกค่าใช้จ่ายการหาเสียงไว้หลังจากพ้นจากวันเลือกตั้งแล้ว 90 วันก็ต้องแจ้ง
กกต. รับทราบว่าใช้เงินหาเสียงเท่าไหร่หากแจ้งไม่ครบก็จะมีความผิดตามกฎหมาย“

เมื่อถามถึงการแจกแต๊ะเอียในเทศกาลตรุษจีน นายอิทธิพร กล่าวว่าแต๊ะเอียก็คือแตะเอีย ประเพณีบางอย่างเป็นประเพณีที่สำคัญ แต่ในช่วงที่มีการเลือกตั้ง หากผู้สมัครหลีกเลี่ยงได้ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงในการแจกแต๊ะเอียเพราะเสี่ยงต่อการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย และถูกมองว่าเป็นการให้เงินหรือไม่ ขอผู้สมัครอย่าปฏิบัติเช่นนั้น เพราะเป็นช่วงที่มีการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่าหากกรณีเป็นญาติกัน จะสามารถช่วยเหลืองานประเพณีได้มากน้อยแค่ไหน ประธาน กกต. ระบุว่าถ้าเป็นญาติ ก็อาจจะถูกมองว่าเป็นการซื้อเสียงยาก เมื่อเป็นประเพณีปฏิบัติก็มีข้อยกเว้นได้ ส่วนที่อาจจะเป็นสีเทา หรือสิ่งที่ควรเลี่ยงได้ก็ควรที่จะเลี่ยง หากข้อเท็จจริงมาถึง กกต.เป็นสำนวนคดีคำร้อง กกต. ก็ต้องดูจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏและชี้ว่าเจตนาตั้งใจหรือเป็นประเพณี และแนะนำว่าหากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยง และกล่าวย้ำว่าอย่าบอกเบอร์ผู้สมัครหรือหาเสียงเลือกตั้งไม่เช่นนั้นจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายโดยแท้


กำลังโหลดความคิดเห็น