ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ท่อง "พุทโธ" ไว้! อ.เบียร์ คนตื่นธรรม - อนันต์ชัย ทนายตื่นแจ้งความ!? ศึกนี้โซเชียลร้อน
ขบวนทัวร์เคลื่อนไหวคึกคักว่อนโซเชียลฯ แบ่งทีมกันเชียร์ระหว่าง "ทีม อ.เบียร์" กับ "ทีมทนายกองทัพธรรม" ถกประเด็นร้อนอย่างเมามัน
เมื่อ “ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช” ฉายาทนายกระดูกเหล็ก กลับมาอยู่ในกระแสความสนใจของสังคมอีกครั้ง หลังออกมาเปิดฉากฟาดกับ "อ.เบียร์ คนตื่นธรรม" ฆราวาสที่สอนธรรมะคนดัง
ก่อนนี้ปล่อยทีเซอร์ว่าจะฟ้องๆอินฟูลเอนเซอร์สายธรรม และแล้วเมื่อวาน (9ม.ค.) ทนายอนันต์ชัย พร้อมด้วยทีมงานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ก็เข้าแจ้งความเอาผิด สัญชัย วันพิรัตน์ หรือ “อาจารย์เบียร์” ตามที่ประโคมไว้
ข้อกล่าวหาของทีมทนายอ้างว่า “อ.เบียร์ คนตื่นธรรม” ทำผิดมา 3 ข้อหา คือ หมิ่นประมาท, พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องให้พนักงานสอบสวนพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง
เหตุและปัจจัย ที่ทำให้ “ทนายอนันต์ชัย” เข้าแจ้งความ ยกคำกล่าวก่อนหน้านี้ของอาจารย์เบียร์ที่ไลฟ์สดเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2567 ตอบคำถามคนดู โดยมีเนื้อหาใจความประมาณว่า...
"มึงไปโค่นล้มมหาเถรสมาคมไม่ได้หรอก เขาอยู่ยงคงกระพันด้วยตำแหน่งหน้าที่และอำนาจ ไม่ใช่ด้วยพระธรรม มีหลายครั้งที่มหาเถรสมาคมใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง มากกว่าการทำตามพระวินัยสงฆ์ ผิดจากหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า มันดู ทุเรศทุรัง เอาอำนาจราชศักดิ์ของตัวเองมาเป็นใหญ่ ซึ่งถือว่าใช้ไม่ได้"
ด้วยคำพูดดังกล่าว “อนันต์ชัย” บอกว่า ยอมไม่ได้ เนื่องจากเป็นการหมิ่นพระเกียรติคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก ทั้งๆที่ “อาจารย์เบียร์” ไม่ได้มีความรู้เรื่องพระไตรปิฎก แต่มาก่นด่ามาหมิ่นพระเกียรติ
“ทนายอนันต์ชัย” ยังว่า ก่อนที่จะมาแจ้งความ ทาง“อาจารย์เบียร์” ได้ติดต่อผ่านคนกลางว่าจะขอเข้ามาขอโทษตนเอง แต่ได้ตอบปฏิเสธไปพร้อมกับให้คำแนะนำไปว่า ให้ไปขอโทษมหาเถรสมาคมจะดีเสียกว่า เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของตนเอง
ข้างฝ่าย “อ.เบียร์ คนตื่นธรรม” ฟังว่า ยังงงๆ กับการถูกแจ้งความ โดยบอกว่า หากเป็นไปได้ อยากให้มาคุยกันดีกว่า คุยกันดีๆ อย่างกัลยาณมิตรดีกว่า ซึ่งเข้าใจว่าทั้งคู่มีเจตนาที่จะปกป้องพระศาสนาด้วยกันทั้งสิ้น แต่อยากจะขอให้ใช้หลักธรรมของพระพุทธเจ้า ในการปกป้อง
ทว่า คำพูดใดที่ดูรุนแรงแรง ก้าวร้าวต่อมหาเถรสมาคม ตัวเองเคารพต่อพระภิกษุสงฆ์ มีความเคารพต่อพระพุทธเจ้า ดังนั้นจะต้องเข้าไปกราบท่านแน่นอน โดยจะเข้าไปกราบพระเถระพระผู้ใหญ่ทุกๆ รูป ที่คำพูดของตนดูรุนแรงเกินกว่าเหตุ จากเจตนาที่ดีของตน แต่อาจจะเกิดความเดือดดาลตามอารมณ์ที่พูดไป ณ ขณะนั้น พร้อมจะเข้าไปกราบขมา ซึ่งเร็วๆ นี้จะไป
งานนี้กองเชียร์ของทั้งสองทีมต่างโซ้ยกันดุเดือด กวาดตามองเร็วๆเห็น “ทีมอ.เบียร์” น่าจะมีจำนวนเหนือกว่า หยิบกระโถนฟาดทีมทนายรัวๆ
บ้างว่า “อ.เบียร์ คนตื่นธรรม” ตื่นนานแล้ว แต่ทำไม “อนันต์ชัย” ทนายเพิ่งตื่นแจ้งความ
บ้างก็ว่า วันว่างๆ ของทนายกองทัพธรรม มาเอาเรื่องกับ อ.เบียร์ตอนนี้ คือ "หิวแสง" ใช่มั้ย!
ส่วนทีมทนายก็กลัวซะที่ไหน มาแบบไหนก็สวนกลับ หยิบเรื่อง "ปาก" ที่ไประรานคนอื่น และชอบ "ด้อยค่า" ความเชื่อของผู้คน มาเป็นประเด็นบดบี้อาจารย์คนดัง
เรียกว่า สาด-ฟาด เล่นกันไฟลุกท่วมโซเชียลฯ แต่ยังไงๆ ก็ขอให้ตั้งมั่นในสติ นึกถึง "พุทโธ" เข้าไว้
เพราะคำ "พุทโธ" เราชาวพุทธทราบกันดีมีความหมายถึง "ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน"
นี่ก็เป็นปรากฏการณ์ประเด็นร้อนขึ้นมา ไม่ว่าบทสรุปของเรื่องนี้ จะจบลงอย่างไรก็ล้วนน่าติดตาม
++ “ชวน”กรีด! เป็นนักการเมืองรุ่น “พ่อแม้ว” มาเพื่อเป็นปากเสียงให้ประชาชน ไม่ใช่มาปกป้องธุรกิจ หรือเอาประโยชน์ให้ครอบครัว
เพราะกำลังใหญ่คับประเทศ เวลาขึ้นเวทีปราศรัย นอกจากคุยโวโอ้อวด ขายฝันแล้ว ยังต้อง เสียดสี กดข่ม ด้อยค่า ฝ่ายตรงข้ามด้วย โดยเฉพาะกับคู่แค้นทางการเมือง
นี่แหละ “สไตล์ทักษิณ” ที่เป็นแบบนี้มานาน ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ และยังจะเป็นแบบนี้ต่อไป
ล่าสุดที่เชียงราย “ทักษิณ ชินวัตร” ขึ้นปราศรัยหาเสียง ช่วย “สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย ของพรรคเพื่อไทย ก็ “ด่ากราด” คนที่วิพากวิจารณ์ตนเอง และรัฐบาลแพทองธาร ลูกสาว ว่าน่าสมเพช
มันน่าจะส่งเชือกให้ไปผูกคอตาย จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว!!
“ทักษิณ”บอกว่า แม้ตนเองจะอายุมากแล้ว แต่มีความคิดแบบคนสมัยใหม่ ไม่เหมือน “คนรุ่นเก่าบางคน” เก่งแต่ออกมาด่าตนเอง ด่าสารพัด หาว่าตนสร้างความวุ่นวาย ตั้งแต่แพ้การเลือกตั้งตนเมื่อปี 2544 ก็ยังแค้นจนถึงทุกวันนี้... แก่แล้วก็ยังลงเลือกตั้งอยู่ แต่ตนเองพอแล้ว ไม่อยากได้อะไรแล้ว ช่วยประชาชน ทำงานให้บ้านเมืองดีกว่า
คำพูดของ “ทักษิณ” ในจังหวะและลีลาเช่นนี้ ที่ว่า “แก่แล้วยังลงเลือกตั้งอยู่”... คนที่ติดตามการเมืองรู้ได้ทันทีว่า นี่กำลังแขวะ “ชวน หลีกภัย” ชัดๆ แล้วอย่างนี้นายชวน ได้ยินได้ฟัง ทำไมจะไม่รู้ว่าเขาว่าตัวเองอยู่
แล้ว “ชวน หลีกภัย” ก็สะบัดมีดโกนกรีดกลับ
... ผมลงสมัครผู้แทนราษฎรเมื่ออายุครบ เป็นผู้แทนอายุน้อย สมัยนั้นมีผม และนายอุทัย พิมพ์ใจชน ผมสมัคร และได้เป็นผู้แทนพร้อมกับ “บิดาของนายทักษิณ” และเป็นต่อเนื่องมาทุกสมัยจนถึงปัจจุบัน...
...ผมไม่ได้เข้ามาเพื่อธุรกิจ แต่ตั้งใจเป็นนักการเมือง เพื่อจะได้ทำงาน เป็นปากเสียงให้ประชาชน ดังนั้นการเข้าการเมือง จึงไม่ได้หวังผลเพื่อดูแลธุรกิจ เพราะไม่ได้มีธุรกิจที่จะต้องปกป้อง หรือเอาประโยชน์ให้ครอบครัว...
...เมื่อผมเป็นผู้แทนมาต่อเนื่อง ความคิดว่าอายุมากแล้วให้เลิก ไม่ได้คิด คิดแค่ว่ายังทำงานได้อยู่ ถ้าผมทำธุรกิจแล้วได้กำไร แล้วเลิก นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่อายุมากแล้วยังทำงานได้อยู่...
...ในสภาฯนี้ คนที่อายุมากที่สุดไม่ใช่ผม คนที่อายุมากที่สุด คือ “พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และรองมาคือ “ไพโรจน์ โล่สุนทร” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพทั้งคู่ ท่านอาจไม่ได้ทำงานเท่าผม แต่เป็นผู้ใหญ่ที่อายุมากแล้วยังสมัครอยู่ ผมก็อยากจะบอกว่า มีคนอีกสองคนซึ่งอยู่ในพรรคของท่าน อายุมากกว่าผม แต่คนเหล่านั้นก็ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง...
…ผมอยู่เป็นผู้แทน ก็มีประโยชน์ตรงที่บางเรื่องคนรุ่นใหม่ไม่ทราบ นายทักษิณบอกว่าเขาคือนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ผมเป็นนักการเมืองรุ่นเก่า ที่ไม่โกง ไม่ซื้อเสียง ยึดมั่นหลักระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และระบบรัฐสภา ซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือหลักกฎหมาย...
... ทุกอย่างที่ให้สัมภาษณ์ไป ผมไม่เคยอาฆาตแค้นนายทักษิณ ผมเคยพูดครั้งหนึ่งว่า ถ้านายทักษิณทำประเทศเหมือนธุรกิจตัวเอง ทำอะไรไม่ถูกต้อง ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เคยพูดเมื่อ 17-18 ปีที่แล้ว และก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ...
แผลนี้ ไม่ใช่แค่มีดโกนกรีด แต่เป็นหอกที่ทิ่มแทงกลับใส่ทักษิณเข้าเต็มเปา!!
ที่ผ่านมา “ทักษิณ” แค้นฝังหุ่น ที่ “ชวน” หยิบเอาคพูดของตนเองมาตอกย้ำในแทบจะทุกโอกาส ไม่ใช่แค่ฤดูหาเสียงเลือกตั้ง ... อย่างคำว่า “โจรกระจอก” ที่ทักษิณเห็นว่า ผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นแค่โจรกระจอก ไม่พอมือให้เจ้าหน้าที่ปราบ
หรือที่ “ทักษิณ” บอกว่า จังหวัดไหนเลือกคนของพรรคตระกูลชินวัตร ก็จะได้รับการพัฒนา ได้รับงบประมาณก่อน จังหวัดไหนไม่เลือกก็รอไปเถอะ
ถนนหนทางในพื้นที่ โครงสร้างพื้นฐาน แม้กระทั่งเส้นทางสายหลักที่จะลงไปภาคใต้ จึงได้รับการพัฒนาช้ากว่าภาคอื่น
ขณะเดียวกัน คำพูดของ “ชวน” ที่ตอกย้ำกับคนใต้ ก็ทำให้ภาคใต้ เป็นเขตปลอด สส.ของพรรคตระกูลชินฯ มาจนกระทั่งทุกวันนี้
และ“ทักษิณ” กับ “ชวน” ก็เป็นคู่แค้นทางการเมืองมาจนถึงทุกวันนี้เช่นกัน