xs
xsm
sm
md
lg

ศึกซักฟอกรัฐบาล เอาจริงหรือแค่ปาหี่ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทองธาร ชินวัตร - ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
เมืองไทย 360 องศา


กำหนดออกมาแล้วว่า การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้าน จะมีขึ้นในราวปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรืออย่างช้าไม่เกินเดือนมีนาคมนี้ และประกาศว่า จะมีการซักฟอกแทบทุกกระทรวง และเกือบทุกพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างจะมีการอภิปรายกรณี “ชั้น 14” อย่างแน่นอน


นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงความคืบหน้าในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ตอนนี้มีความคืบหน้าอยู่ในกรอบที่จะยื่นช่วงเดือนก.พ. ส่วนการอภิปรายที่จะเกิดขึ้นจริงหลังการยื่นต้องไปเจรจากับวิปร่วม เพื่อกำหนดวันให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ล็อกวันที่จะมาชี้แจง ซึ่งกรอบกว้างๆน่าจะอยู่ที่ราวปลายก.พ. ต้นมี.ค. หรืออาจจะขยับไปสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมี.ค.โดยจะไม่ช้าไปกว่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นในการอภิปรายจะเป็นเชิงนโยบายหรือพฤติกรรมของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงอย่างไรบ้าง นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า จะมีหลายเรื่องทั้งระดับนโยบายหรือการบริหารราชการที่ล้มเหลว รวมไปถึงกรณีต่อการทุจริตคอร์รัปชัน คิดว่าหลายเรื่องเคยรับฟังและเห็นจากข่าวว่าพรรคประชาชนได้ตรวจสอบมาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเอื้อกลุ่มทุนผูกขาด การเอื้อตัวบุคคลบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม เรื่องนโยบายที่ล้มเหลวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ซึ่งทุกเรื่องเราก็ตรวจสอบต่อเนื่องตลอดเวลาให้ได้เห็นอยู่แล้ว แต่อาจจะมีบางเรื่องที่ยังไม่เคยพูดและมีข้อมูลที่ได้มาจากทางหลังบ้านที่จะเห็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรอบนี้

“ทุกครั้งก็จะมีเรื่องที่สื่อให้ความสนใจเป็นพิเศษอยู่แล้ว ทุกครั้งคงจะพอทราบอยู่ว่า ตั้งแต่อนาคตใหม่ ก้าวไกล มาจนถึงพรรคประชาชน จะมีไม้เด็ดที่เราไม่เปิดเผยก่อน บางครั้งก็ไม่ได้เปิดเผยกับคนในพรรคเสียด้วยซ้ำ มีเซอร์ไพรส์บางเรื่อง ที่เป็นเรื่องใหญ่ ยังไม่เคยมีใครรับรู้มาก่อน”

เขาย้ำว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้เพิ่งเข้ามาทำงานเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา แต่เป็นรัฐบาลที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีกว่าๆ หน้าตาเหมือนเดิม เปลี่ยนขยับนิดหน่อยแค่เพียงพรรคเดียว ดังนั้น 1 ปีกว่าควรต้องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีผลงานอะไรที่เป็นรูปธรรม ข้ออ้างที่ว่าเพิ่งมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่กี่เดือน ไม่ใช่เป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผล

ส่วนกรณีของนายทักษิณ จะมีหรือไม่นั้น คงไม่ใช่เป็นเรื่องของนายทักษิณโดยตรง อาจจะมีเรื่องพฤติกรรมของฝ่ายบริหาร ที่บิดเบือนกระบวนการยุติธรรม เพื่อเอื้อให้บุคคลบางกลุ่ม ซึ่งคนทั้งประเทศก็คงจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร

นายปกรณ์วุฒิ มั่นใจว่าเราทำงานตรวจสอบเต็มที่ตลอด อย่างเรื่องชั้น 14 เราอภิปรายไปตั้งแต่การอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 รอบแรกก็โดนประท้วงหนัก จากนั้นนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ก็ได้นำเรื่องเข้าคณะกรรมาธิการ จนเป็นข่าวและเกิดความขัดแย้งกันในกรรมาธิการ เกิดการต่อว่า มีบรรยากาศที่ดุเด็ดพอสมควร จึงได้ยืนยันว่าทำงานเต็มที่ไม่เคยออมมือใดๆทั้งสิ้น และการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งว่าเราทำการตรวจสอบเข้มข้นแน่นอน

นั่นเป็นคำยืนยันจากฝ่ายค้านหลัก อย่างพรรคประชาชน ว่าการ “ซักฟอก” คราวนี้จะทำอย่างเข้มข้น ไม่มีมวยล้มแน่นอน เพียงแต่ในคำพูดของเขามีการระบุออกมาแบบอ้อมๆ ว่าจะไม่มีการพูดถึง นายทักษิณ ชินวัตร โดยตรง แต่จะชี้ให้เห็นถึงการเชื่อมโยงบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม แต่ยืนยันว่าจะมีการพูดถึง “ชั้น 14” แน่นอน

แน่นอนว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาชนถูกมองว่าไม่ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ เหมือนกับว่า “ชกไม่เต็มหมัด” มีการตั้งข้อสังเกตว่าไม่เคยวิจารณ์ หรือตรวจสอบการทุจริตอย่างจริงจัง โดยอย่างยิ่งไม่ได้กล่าวถึงกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ย่ำยีกระบวนการยุติธรรม การพูดแต่ละครั้งเหมือนกับขอไปที หรือเพื่อลดแรงกดดันจากสังคมเท่านั้น แต่กลับใช้เวลาส่วนมากไปเน้นในเรื่องวิจารณ์ ดิสเครดิตกองทัพ หมกมุ่นอยู่กับเรื่อง มาตรา 112 การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่สวนทางกับความรู้สึกของสังคมส่วนใหญ่

ที่ผ่านมาสาเหตุที่ทำให้พรรคประชาชนถูกมองว่า “ชกไม่เต็มหมัด” หรือค้านไม่เต็มที่ ส่วนหนึ่งมาจากอดีตความสัมพันธ์ระหว่าง “เจ้าของพรรค” คือ นายทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของพรรคประชาชน และเคยมีข่าวเรื่อง “ดีลลับฮ่องกง” ก่อนการตั้งรัฐบาล และมีการยอมรับความจริงกันไปแล้ว เพียงแต่อ้างว่าไม่ได้มีการคุยกันในเรื่องการเมือง

อีกทั้งในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ยุคที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี มาจนถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังมีคนนามสกุล “จึงรุ่งเรืองกิจ” ในชื่อ สุริยะ มาอย่างต่อเนื่อง แต่กลายเป็นว่า ในช่วงที่ผ่านมาแทบจะไม่มีการถูกพูดถึงหรือมีการตั้งกระทู้ถามในสภาเลย

สำหรับการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านในครั้งนี้ ถือว่าน่าจับตามองอย่างยิ่ง ทั้งฝ่ายรัฐบาลที่กำลังจะถูก “ซักฟอก” ว่าจะมีเรื่องไหนที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นหลัก จะมีการพุ่งเป้าไปที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กำลังถูกตั้งคำถามในเรื่องวุฒิภาวะ และความรู้ความสามารถ

ในขณะที่ฝ่ายค้านที่เวลานี้กำลังอยู่ในสภาวะ “แปลกแยก” เหมือนปลาคนละน้ำ เพราะมีสองพรรคที่มีแนวทางแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นคือระหว่างพรรคประชาชนที่เป็นฝ่ายค้านหลัก กับพรรคพลังประชารัฐในซีกของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค อีกทั้งยังมี “เสี้ยว” ของพรรคประชาธิปัตย์ ในกลุ่มที่ไม่มีอำนาจในพรรค จะแสดงบทบาทในสภาอย่างไร ทำให้น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง

แต่ถึงอย่างไร “ศึกซักฟอก” ครั้งนี้ ถือว่าน่าจับตา เพราะถือว่าเป็นครั้งแรกสำหรับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะตกเป็นเป้าหรือ รวมถึงเป็นครั้งแรกของฝ่ายค้าน ในนามพรรคประชาชน และหัวหน้าพรรคคนใหม่ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านอย่าง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ว่าจะมี “น้ำยา” จริงจังแค่ไหน แต่ถูกจับได้ว่าเป็น “มวยล้ม” หรือแค่ “ปาหี่” รับรองว่าต้องพังพินาศแน่นอน !!



กำลังโหลดความคิดเห็น