xs
xsm
sm
md
lg

“อัจฉริยะ” ยื่นข้อมูล กมธ.แฉแก๊งคอลฯ ตึก 25 ชั้น ในปอยเปต ล่าสุด มีคนไทยตกตึกตาย “โรม” รับลูกจ่อดันเป็นวาระแห่งชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือ ปธ.กมธ.ความมั่นคง ให้ข้อมูลแก๊งคอลเซ็นเตอร์บนตึก 25 ชั้น ในปอยเปต ล่าสุด มีคนไทยตกตึกตาย คาด พยายามหนี พร้อมยื่นข้อมูลการจับกุมทุนจีนอายัดทรัพย์กว่า 700 ล้าน ยุค “ต่อศักดิ์” เป็นรอง ผบ.ตร.แต่ต่อมากลับปล่อย ไม่ดำเนินคดีแม้รายเดียว “โรม” รับลูก ชี้ เป็นเรื่องสำคัญ แกํงคอลฯ สร้างความเสียหายแสนล้านต่อปี จ่อดันเป็นวาระแห่งชาติ

วันนี้ (9 ม.ค.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ยื่นหนังสือต่อ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ กรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยพูดถึงกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตึก 25 ชั้น ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ว่า เป็นศูนย์กลางของคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำมาก่อนที่นายทักษิณ จะออกมาพูด
จากการทำแผนที่และส่งสายลับ พบว่า 2 อาคารนี้ มีการปิดหน้าต่างมิดชิดทุกบาน เพื่อไม่ให้คนที่อยู่ภายในอาคารหลบหนีได้ ซึ่งเมื่อวานนี้ (8 ม.ค.) มีชาวไทยกระโดดลงมาจนเสียชีวิต โดยคาดว่า เป็นการหลบหนี เนื่องจากชั้นล่างของตึกมีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา จึงได้มีการสำรวจเพิ่มเติม โดยมีรายละเอียดอยู่ในเอกสารที่นำมาให้คณะกรรมาธิการ โดยเป็นการชี้จุดว่าเป็นตำแหน่งใดบ้าง

ส่วนอีกเรื่องเป็นเรื่องที่เมื่อปี 2565 ที่กรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ยศในขณะนั้น) ได้มีการจับกุมกระบวนการคอลเซ็นเตอร์และการฟอกเงินของกลุ่มชาวจีน โดยได้มีการยึดอายัดทรัพย์ โดยตำรวจไซเบอร์จำนวน 700 ล้านบาท
ทั้งสองกรณีนั้นมีความเกี่ยวข้องกับผับแห่งหนึ่ง และทราบภายหลังว่า เป็นชาวจีนที่สวมบัตรประชาชนไทย แต่ภายหลังได้ปล่อยตัวไปโดยไม่มีความผิด รวมทั้งทรัพย์สินเงินสดมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท และรถของกลางทั้งหมดก็ได้คืน ไม่ได้มีการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาอย่างใดแม้แต่รายเดียว จึงเกิดคำถามว่าเรื่องนี้ส่อทุจริตหรือไม่ จึงนำมายื่นต่อคณะกรรมาธิการให้ตรวจสอบ เพราะการที่แถลงใหญ่โตว่ามีการจับกุมกว่า 700 ล้านบาท แต่ไม่มีผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีแม้แต่รายเดียว

ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องที่คณะกรรมาธิการติดตามและให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และทุนสีเทาคอลเซ็นเตอร์ เราต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ว่า เป็นเรื่องใหญ่มาก ทำลายการท่องเที่ยวของประเทศไทย และมีผลกระทบด้านอื่นๆ ด้วย เพราะเงินไทยไหลไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปีหนึ่งน่าจะทะลุ 100,000 ล้านบาท
เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ จึงควรเป็นวาระแห่งชาติที่จะต้องดำเนินการ ตนเองติดตามเรื่องนี้ ทั้งทางส่วนตัวในฐานะ สส. และในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ เพื่อให้กระบวนการคอลเซ็นเตอร์ แก๊งอาชญากรรมข้ามชาติอ่อนแอที่สุด คณะกรรมาธิการอย่างเดียว คงไม่สามารถทำได้ เราพยายามให้รัฐบาลมีความเห็นตรงกันกับเรา ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และดำเนินการอย่างจริงจัง รวมไปถึงเรื่องบรรดามาเฟียสีเทาด้วย

ตนเองยืนยันกับนายอัจฉริยะ ว่า เรื่องนี้จะพิจารณาอย่างไม่ชักช้า เราทราบดีว่า คอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีในเฉพาะเมียนมา แต่มีในฝั่งกัมพูชาด้วย รวมไปถึงที่คิงโรมันเช่นเดียวกัน
ข้อมูลที่ตนเองมี จากเหตุการณ์ในอดีตจะคล้ายๆ กับนายอัจฉริยะพูดก่อนหน้านี้ ชั้นล่างเป็นเหล็กดัดหมด หากต้องการจะออกจากตึก วิธีการคือ ต้องกระโดด ก่อนหน้านี้ มีชาวจีนกระโดดออกมาแล้วไม่ตาย เพราะคนท้องถิ่นช่วย ทำให้เขาสามารถหลบหนีออกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ แต่กรณีนี้เป็นการหนีหรือไม่ คงจะต้องติดตามต่อไป

อย่างไรก็ตาม วันนี้ จะมีการพิจารณาเรื่องว้าแดง และ 4 ลูกเรือประมงไทย เราพยายามเรียกร้องให้ใช้ทุกวิถีทางให้คนไทยได้กลับบ้าน ซึ่งจะมีการพูดคุยสอบถามกันเรื่องนี้ ยืนยันว่า จะไม่จบแค่วันนี้ สิ่งสำคัญคือ เราต้องช่วยกันทำให้รัฐบาลรู้สึกว่าเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปกว่านี้


กำลังโหลดความคิดเห็น