ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “ทักษิณ”บ่นจน หรือจะเอา 46,000 ล้านคืน!? สะพัดเบื้องหลัง "ล็อกมง" อธิบดีสรรพากร ลงตัวที่ "ปิ่นสาย" ลูกชาย "ปลอด" !!
สะพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับข่าวว่า “ทักษิณ ชินวัตร” กำลังจะให้รัฐบาลเพื่อไทย ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม โดยมีวาระซ่อนเร้น ทั้งด้านการเมือง และเพื่อทวงเงินที่ต้องคดีถูกยึดมาตั้งแต่ปี 2550
โดยเฉพาะเงิน 46,000 ล้าน จากคดีซุกหุ้น!
งานนี้โบราณว่า ฟังหูไว้หู เพราะถ้าไม่มีมูลหมาคงไม่ขี้ฉันใด จับสัญญานจาก “พ่อนายก” ที่ช่วงนี้อยู่ในช่วงพีค มั่นใจตัวเองขั้นสุด จนใครหลายคนบอกว่า “เหลิงอำนาจ” ดังนั้น คำพูดจาอะไรมักหลุดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาฉันนั้น
ดูอย่างตอนขึ้นเหนือไปช่วย “สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย หาเสียง ช่วงปราศรัยตอนหนึ่ง ทักษิณ ได้พูดถึงความร่ำรวยของตัวเอง บ่นว่าจนลงในทำนองว่า “ตอนไม่เล่นการเมืองสบาย มีเงินอยู่ 60,000 ล้านบาท แต่พออยู่ไปอยู่มา จนลงเพราะโดนยึดบ้าง โดนหาเรื่องบ้าง สารพัดอย่าง ซึ่งไอ้พวกควายพวกนี้หาว่าผมไปเอาตังค์ที่ไหนมา ทั้งที่ผมรวยตั้งแต่ปี 35-36 แล้ว ซึ่งตอนนั้นรวยที่สุดในประเทศ แต่ตอนนี้จน”
ก่อนหน้าก็พูดหลายครั้งหลายที “ผมมีทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้าน ผมมีตังค์ ค้าขายร่ำรวยมาก่อน ไม่ใช่ต้มใครมาก่อน แล้วมาเป็นนักการเมืองที่มีตังค์ เด็กรุ่นหลังคิดว่า ผมเข้ามาการเมืองมีแต่เงินหายไป เงิน 4.6 หมื่นล้าน ไม่ได้ปล้นใครมา แต่เขาปล้นผมไป ต้องการให้เข้าใจว่า เป็นเงินของผม ของครอบครัว ที่ถูกขโมยไป ปล้นไป”
อ่านจากสิ่งที่พูด แปลว่า “ทักษิณ” ผูกใจเจ็บเรื่องนี้มาตลอด
เพราะฉะนั้น เมื่อกลับมามีอำนาจรัฐในมืออีกครั้ง แถมพรรคเพื่อไทย เป็นผู้คุมเกมการเมือง เรื่องเอาคืนทำไมจะไม่ทำ? หรือถ้าไม่ทำตอนนี้ จะไปทำตอนไหน?
ที่สำคัญ “ทักษิณ” รู้ตัว ตัวเองแก่ลงไปทุกวัน การเมืองเที่ยวนี้เปรียบรถไฟเที่ยวสุดท้ายแล้ว จะทำอะไรก็ต้องรีบทำ
งานนี้ ทักษิณไม่ได้กลับมาเล่นๆ หรือบ่นว่าจนอย่างไม่มีนัยยะสำคัญ คำถามจึงมาอยู่ที่ว่า หรือ “โทนี่” ที่ไม่รู้จะไปเลี้ยงหลานกี่โมง จะเอาเงินที่ตกเป็นของแผ่นดิน 46,000 ล้านคืนให้ได้ !?
ข่าวลือท่วมทุ่ง จริงหรือไม่จริง ไม่ขอยืนยันว่า “ทักษิณ” นั้นทั้งไตร่ตรอง และตระเตรียมแผนการ วางหมากคนที่จะอำนวย "ความสะดวก" ไว้เป็นอย่างดี
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ยกตัวอย่าง การควบคุมกระทรวงการคลังที่จะไขเซฟเงินแผ่นดิน 46,000 ล้านได้ไว้เบ็ดเสร็จตั้งแต่ รมว.-รมช. ไปยันตำแหน่งอธิบดีกรมสำคัญ
แว่วว่า การแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงปีที่ผ่านมา "นายหญิง" ถึงกับสั่งการให้จองเก้าอี้ อธิบดีกรมสรรพากร ไว้ให้กับคนที่ไว้ใจได้ เพราะจะเป็นคีย์แมนสำคัญ
นั่นเป็นที่มาของการเมาต์ ให้แซดกระทรวง โยงใยอิรุงตุงนัง สปอตไลต์ ส่องวาบไปถึงทำไมตำแหน่งนี้ มาลงตัวที่ "ปิ่นสาย สุรัสวดี” ลูกชายคนโตของ “ปลอดประสพ สุรัสวดี” อดีตรองนายกฯ และรมว. คนเพื่อไทย ที่ใจถึงใจกับทักษิณ
นี่ถ้าข่าวลือเกิดเป็นจริงขึ้นมา คิดๆไป ก็ขนลุกขนพองแทนข้าราชการกระทรวงที่ต้องทำตามนักการเมือง
ยิ่งถ้า "ปิ่นสาย" ทบทวนความจำกันดู ก็จะน่าจะพอจำได้ ปี 2556 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว อดีตนายกฯพยายาม "ลักหลับ" ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจนวงแตกมาแล้ว
ขณะที่คดีขายหุ้นชินคอร์ป-เลี่ยงภาษี จำกันได้มั้ย ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุก “เบญจา หลุยเจริญ” อดีต รองอธิบดีกรมสรรพากร พร้อมอดีตข้าราชการสรรพากรอีกหลายราย ในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ช่วยเหลือให้ลูกของทักษิณ ไม่ต้องจ่ายภาษีโอนหุ้นที่ช่วยซุกให้กับพ่อเอาไว้ในตอนนั้น
ย้ำว่าข่าวจะจริง หรือไม่จริง ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ "ปิ่นสาย" เองก็เป็นลูกหม้อกรมสรรพากร ย่อมทราบดีถึงประวัติศาสตร์ของกรม กับคนตระกูลชินวัตร ก็ไม่ควรลืมเลือน
ยืนอยู่ข้าง "ความจริง" และ "ความถูกต้อง" เป็นดี และเซฟที่สุด!
** “แม้ว” บอกไม่ปรับครม. “อิ๊งค์” ก็ไม่ปรับเหมือนกัน !!
เมื่อ 2-3 วันก่อน “ทักษิณ ชินวัตร” ไปหาเสียง ช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ที่เชียงราย นอกจากบอกว่า จะทุบค่าไฟที่ตอนนี้ 4 บาทกว่า ให้ลงมาเหลือ 3.70 บาท แล้วให้สัมภาษณ์ว่า จะไม่มีการปรับครม. เพราะก่อนหน้านั้นมีกระแสข่าวว่า จะมีการปรับออก “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯและรมว.พลังงาน
“ทักษิณ” บอกว่า มีอะไรเลย คุยกันแล้ว “พีระพันธุ์” เขาเป็นคนตั้งใจ รู้จักกันมานาน มีความคุ้นเคยกัน รู้เรื่องทุกเรื่อง
จึงมีเสียงวิพากวิจารณ์ตามมาว่า ที่ไม่ปรับออก เพราะยอมรับงานไปหาทางลดค่าไฟหรือไม่
ล่าสุด หลังการประชุมครม. วานนี้ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ถูกถามถึงเรื่องการปรับครม. ก็บอกว่า ไม่รู้เรื่องเลย ที่ผ่านมาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องปรับครม.เลย ... อำนาจการปรับครม.อยู่ที่ตัวนายกฯ แต่ตัวนายกฯยังไม่รู้เลย กับรองนายกฯพีระพันธุ์ ก็คุยกันอยู่ ในที่ประชุมก็เจอกัน
ก็แน่ล่ะ คงไม่มีนายกฯคนไหนบอกว่า...ฉันจะปรับครม.แล้วนะ
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ เคยบอกว่าจะเรียกรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงมาประเมินผลงาน ก็เป็นเพียงแค่แผนที่คุยกัน ว่านโยบายทำถึงไหนแล้ว คนที่อยู่หน้างานทำอะไรไปบ้าง ต้องการการสนับสนุนอะไรหรือไม่ จะได้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ไม่ใช่เรียกมาประเมินผลงาน โดยเอาเรื่องปรับ ครม.มากดดัน ตามสไตล์ทักษิณ
“นายกฯอิ๊งค์” บอกว่า สไตล์การทำงานของตนเอง ไม่เหมือนสไตล์ทักษิณ คนละแบบ ...ไม่ต้องเรียกมาคุย เพราะคุยกันทางไลน์ได้อยู่แล้ว
บอกไปตรงๆ ว่า อยากได้สิ่งนี้ หนึ่ง สอง สาม ทำให้เกิดขึ้นก่อน ได้หรือไม่ และต้องการให้สนับสนุนอะไรบ้าง ถ้ายังละเลย หรือไม่สนใจการทำงาน เราก็จะเห็นเจตนาอยู่แล้ว ตรงนั้นทำให้เราก็ตัดสินใจได้ว่าจะสนับสนุนให้ไปต่อหรือไม่
ส่วนเสียงวิพากวิจารณ์ที่ว่า เวลาจะทำอะไร พ่อจะออกมาเคลื่อนไหว ออกมาพูดก่อน เหมือนส่งสัญญาณให้ลูกทำตามนั้น “นายกฯอิ๊งค์” บอกว่า ต้องไม่ลืมว่า ตนเองโตขึ้นมาในบ้านที่มี “ทักษิณ” เป็นหัวหน้าครอบครัว สิ่งที่ท่านพูด อะไรถ้านำมาประยุกต์ใช้ได้ คือสิ่งดี
... ท่านเคยเป็นนายกฯ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ฉะนั้นการพูด หรืออะไร ตนเองรับฟังอยู่แล้ว แล้วพิจารณาดูว่า ประโยชน์อยู่ที่ใคร อยู่ที่ประเทศหรือไม่ ถ้าอยู่ที่ประเทศ ก็จบ ตนเองไม่รู้สึกว่ามี นายกฯ สองคน สามคน หรือต้องเสียใจอะไร...
เป็นอันว่า ไม่ปรับ “พีระพันธุ์” จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกจาก ครม.
คราวนี้ลองมาดูสถานการณ์ของพรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ที่เคยขัดแข้งขัดขากันมาหลายเรื่อง ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
ล่าสุด “อนุทิน” บอกว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา เพิ่งพา “เนวิน ชิดชอบ” ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพรรคภูมิใจไทย เข้าไปอวยพรปีใหม่ และกินบะหมี่ กับ “ทักษิณ” ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ในฐานะที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นผู้บังคับบัญชาเก่า
... ท่านบอกว่า นายกฯแพทองธาร ชมผมในเรื่องการทำงาน ว่าสนับสนุนนายกฯ เป็นอย่างดี ซึ่งผมก็ฟังและก็ยิ้ม...
เป็นอันว่าภูมิใจไทย ยังร่วมหัวจมท้ายกันไปได้อีกพรรค
ตบท้าย... “นายกฯอิ๊งค์” ยืนยันไม่ได้ทำตามพ่อพูด แต่ตอนนี้ยังไม่มีแผนปรับครม.เลย ถ้ามีจะไลน์ไปบอก!!