xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณ ฮุบท้องถิ่น ปูทางรัฐบาลพรรคเดียว !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

คำพูดชัดเจนระหว่างการปราศรัยช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันก่อน ของนายทักษิณ ชินวัตร “พ่อนายก” แสดงท่าทีชัดเจนว่า ต้องการใช้สนามเลือกตั้งท้องถิ่นดังกล่าวเพื่อปูทางไปสู่การชนะเลือกตั้งส.ส.ในอนาคต เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

นายทักษิณ กล่าวว่า เมื่อก่อนพรรคพท.เป็นพรรคใหญ่ มีสส. 300 กว่าคน สมัยนี้เหลือแค่ 100 กว่าคน ทำให้ทำงานลำบาก วันนี้จึงต้องมาออกแรงเพื่อให้ได้ท้องถิ่นที่เป็นตัวแทนพรรคพท. เพราะการขับเคลื่อนนโยบายระดับประเทศให้ลงถึงมือประชาชนจริงๆ ต้องใช้มหาวิทยาลัย ใช้ อบจ. และตนเองเตรียมพัฒนาทักษะของคนไทย ให้มีรายได้มากขึ้นมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำ เลยต้องมี อบจ.ที่เป็นของพรรคพท. ฉะนั้นหวังว่าพี่น้องจะไว้ใจตนเองและเลือกผู้สมัครของพรรค พท.มาเป็นลูกไม้ลูกมือของตนเอง แต่วันนี้รายได้ฝืดเคือง สมัยตนรายได้ดี ไปที่ไหนก็หาเงินง่าย ตนเองจะทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้ ซึ่งในปี 2568 เราจะปรับพื้นฐาน และปี 2569 จะเป็นปีที่ประชาชนเริ่มฝันได้ อยากหาเงินตรงไหน อยากหาเงินจับอะไรก็เป็นเงิน เป็นทอง แล้วปี 2570 เงินจะเต็มกระเป๋า

“เดิมทีผมเองก็ไม่ได้สนใจกับการเมืองท้องถิ่น เพราะก่อนหน้านั้นเป็นรัฐบาลมาจากพรรคใหญ่ เรามีกลไกในทุกกระทรวง แต่วันนี้เราไม่ได้มี สส. 200 เหมือนเมื่อก่อน ในการเลือกตั้งสมัยหน้า ก็ขอให้คืน สส.ให้กับพรรคเพื่อไทยให้หมด ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงมองว่า การเมืองท้องถิ่นเป็นกลไกสำคัญ และตอนที่ตนเองกลับมา มานั่งดูปัญหาทุกเรื่องสิ่งที่เคยแก้ไว้ในสมัยก่อน มันหาย หายไปหมด 17-18 ปี ที่ตนเองไม่ได้อยู่ในประเทศไทยระบบเสียหายไปหลายอย่าง วันนี้เลยต้องมานั่งดูว่าจะทำอย่างไรบ้างที่จะทำให้ต่างจังหวัดฟื้นก่อนหากเศรษฐกิจในต่างจังหวัดฟื้นมีกินมีใช้ อย่างอีกหน่อยเศรษฐกิจประเทศก็จะดี”

สอดคล้องกับคำพูดของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึง การเดินสายหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ทั่วประเทศ ของนายทักษิณ ชินวัตร ว่า ทุกสนามที่นายทักษิณ ไปช่วยผู้สมัคร ก็ชนะมาทุกสนาม ซึ่งการเลือกตั้งแต่ละแห่ง พรรคเพื่อไทย ก็มียุทธศาสตร์แตกต่างกัน เพราะฉะนั้น ชัยชนะที่ได้มาแต่ละครั้ง เกิดจากหลายเรื่องด้วยกัน พรรคเพื่อไทยมองว่า เรื่องท้องถิ่นสำคัญ และท้องถิ่นจะช่วยผลักดันการทำงานในอนาคตได้หลายอย่าง ดังนั้น เราให้ความสำคัญกับทุกสนามที่ส่ง

ส่วนการตั้งเป้าว่า การเลือกตั้ง สส.ครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยจะได้อันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่ การได้ส.ส.อันดับ 1 เป็นไปได้ ในอดีตเคยทำแล้ว ทั้งนี้ เรามุ่งหวังว่านโยบายหลายอย่างที่ออกไปจะตรงใจประชาชน และมั่นใจว่าจะนำชัยชนะการเลือกตั้งในอนาคตมาได้

แน่นอนว่า ทุกอย่างชัดเจน ว่าการทุ่มเทขึ้นเวทีหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศเที่ยวนี้ นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญมาก ทั้งการเดินสายช่วยหาเสียงด้วยตัวเองแล้ว ยังใช้วิธีการ “จับมือบ้านใหญ่” ในแต่ละจังหวัด มีเป้าหมายอย่างเดียวให้ได้รับชัยชนะ

อย่างไรก็ดี สำหรับคู่แข่งในสนามเลือกตั้งทั้งท้องถิ่นและการเลือกตั้ง ส.ส.ซึ่งเป็นการเลือกตั้งระดับชาติ นั้นคู่แข่งหลักยังเป็น “พรรคส้ม” หรือพรรคประชาชน ที่สามารถเจาะพื้นที่ ส.ส.ในหลายเขต บางจังหวัดที่เคยเป็นฐานเสียงสำคัญยังพ่ายแพ้แบบหมดรูป ไม่เว้นแม้แต่ในจังหวัดที่เป็นฐานเสียงเดิม ที่เรียกว่า “เคยเป็นของตาย” ก็แพ้ขาด ทั้งภาคเหนือ และภาคอีสาน ขนาดในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นบ้านเกิดแท้ๆ ยังต้องพ่ายแพ้หลายเขต แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

และนี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนกลยุทธใหม่ หันมาทุ่มเทกับสนาม อบจ. สำหรับใช้เป็นฐานต่อยอดไปถึงการเลือกตั้ง ส.ส.คราวหน้า จึงต้องลงมือเองแบบที่เห็น เพราะหากยังนิ่งเฉย นั่งบัญชาการอยู่หลังฉาก คงไปไม่รอดแน่ เพราะอย่างที่รู้กันเวลานี้ ตัว“ทายาทสายตรง” อย่างลูกสาว คือน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังไม่เห็นแวว ที่จะ “เอาอยู่” ได้เลย

การออกมาอย่างเต็มตัวของ นายทักษิณ แม้จะรู้ว่ามีความเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนกระทำผิดกฎหมาย แต่นาทีนี้ ถือว่าถอยไม่ได้แล้ว เพราะหากไม่ออกโรงเอง ย่อมเห็นความหายนะอยู่ตรงหน้าแน่นอน

อย่างไรก็ดี แม้ว่า หากพิจารณาจากรูปการณ์แล้ว ยังเชื่อว่า แทบทุกเวที ทุกสนามที่นายทักษิณ ไปช่วยปราศรัยหาเสียง น่าจะได้รับชัยชนะ แต่หากมองกันในระยะยาวแล้วยังไม่ใช่เป็นเครื่องการันตีได้เต็มร้อยว่า ในสนามเลือกตั้งส.ส.คราวหน้า พรรคเพื่อไทยจะได้รับชัยชนะขั้นเด็ดขาด จนสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ตามที่หวัง เพราะนอกจากยังมีคู่แข่งพรรคเดิมอย่างพรรคประชาชน ที่คอยตัดกำลังในทุกพื้นที่แล้ว ตัวแปรสำคัญเฉพาะหน้าในตอนนี้ คือ ผลงานของรัฐบาลนั่นเอง

เพราะหากผลงานรัฐบาลที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไม่ประทับใจชาวบ้าน โดยเฉพาะปัญหา “ปากท้อง” หากทำไม่ได้สมราคาคุย ตามที่โม้เอาไว้ จะทำให้ “แรงสะท้อนกลับ” ย้อนมาหาตัวได้หลายเท่า เพราะที่ผ่านมารับรู้กันว่า รัฐบาลนี้ “พ่อคิด ลูกทำ” หรือ “พ่อสั่งให้ทำ” ทุกอย่างล้วนมาจากนายทักษิณ นั่นแหละ หากเกิดความผิดพลาด ทุกอย่างไม่เข้าเป้า มันก็ย่อมจะคาดเดาถึงผลที่ตามมาได้

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณากันถึงแนวโน้มในตอนนี้ ต่อเนื่องไปถึงวันหน้า โดยเฉพาะในช่วงปีหน้า หากกล่าวถึงเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ถือว่าน่าหนักใจ บรรดากูรูทั้งหลาย ต่างมองเห็นตรงกันว่า ปีนี้หนักแน่ หนักกว่าปีที่ผ่านมา ทุกอย่างไม่เป็นใจให้เลย สิ่งที่เห็นในเวลานี้สำหรับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เหมือนกับว่าอาศัย “บุญเก่า” ความเชื่อเก่าๆ ในลักษณะที่ว่าเป็น “มือเศรษฐกิจ” เหนือกว่าคนอื่น แต่เมื่อเจอของจริง ผ่านมาเกือบสองปีแล้ว แทบทุกนโยบายทำไม่ได้สมราคาคุย หรือทำได้ก็ไม่ตรงปก ผลออกมาน่าผิดหวัง

ดังนั้น การออกมาของ นายทักษิณ ชินวัตร เวลานี้ มันถึงไม่ต่างจากการนำเอาเรื่องเก่าๆ มาคุยโม้ ว่าเคยทำสำเร็จอย่างโน้น อย่างนี้ ขณะที่สถานการณ์ และเงื่อนไขมันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว แต่ถึงอย่างไรทุกอย่างมันต้องขึ้นกับผลงานของรัฐบาลนั่นแหละ ว่าจะออกมาได้ตามที่พูดหรือไม่ และงานนี้ นายทักษิณ ทุ่มสุดตัว หากพลาดก็ต้องรับไปเต็มๆ ซึ่งหนทางพลาดน่าจะสูงกว่า และรับรองว่าจะต้องส่งผลไปถึงการเลือกตั้ง ส.ส.คราวหน้า ที่ฝันว่าจะกวาดแบบ “แลนด์สไลด์” ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว น่าจะฝันกลางวันมากกว่า!!


กำลังโหลดความคิดเห็น