ดินเนอร์"พะโล้" กระชับมิตร ผบ.เหล่าทัพ อิ่มแล้ว "อ้วน" อย่าลืมช่วยลูกเรือไทยด้วย ** “ทักษิณ” วันว่างๆ แกว่งปากหาเรื่อง ขายฝัน ทำตัวเป็นนายกฯ ทั้งคุยโวนโยบายรัฐ ล้วงลูกปรับครม.

ข่าวปนคน คนปนข่าว




** ดินเนอร์"พะโล้" กระชับมิตร ผบ.เหล่าทัพ อิ่มแล้ว "อ้วน" อย่าลืมช่วยลูกเรือไทยด้วย

ด้านหนึ่ง "นายใหญ่" ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเหนือไปช่วยผู้สมัคร อบจ.หาเสียง ใช้เวทีประกาศกร้าวจะทำนู่นทำนี่ ด่าคนนู้นที คนนี้ที อีกด้าน "สหายใหญ่" อ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ก็มุดเข้ารั้วทหารร่วมวง "ดินเนอร์" หาเสียงกับ ผบ.เหล่าทัพ




ดินเนอร์กระชับมิตรครั้งนี้ ก็รู้อยู่ว่า “อ้วน-ภูมิธรรม” ไปตามคำเชิญของ “พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์” ปลัดกระทรวงกลาโหม สถานที่เป็นบ้านพักรับรองของ “พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล” ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในพื้นที่กองทัพอากาศ ถ.พหลโยธิน
ว่ากันว่า ผบ.เหล่าทัพ ตบเท้ามากันพร้อมหน้า ทั้งทัพบก ทัพเรือ ตำรวจ “พล.อ.สนิธชนก” ... “พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี” ผู้บัญชาการทหารสูงสุด “พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์” ผู้บัญชาการทหารบก “พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์” ผู้บัญชาการทหารเรือ และ “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

เมนูอาหารที่เปิดเผยให้สื่อได้รู้ล่วงหน้าโดยมีเจ้าบ้าน “พล.อ.อ.พันธ์ภักดี” ทำหน้าที่เชฟ ลงมือปรุงอาหารด้วยตนเองเลี้ยงผู้มาเยือน อาทิ ไข่พะโล้ กะเพราเนื้อ กะเพราหมู คั่วกลิ้งหมู สเต็กเนื้อ








ฟังว่า บรรยากาศดินเนอร์ เป็นไปอย่างกันเอง ตามสไตล์กระชับสัมพันธ์ เรื่องพูดคุยในวงอาหาร สัพเพเหระ ซึ่งก่อนหน้าคาดกันว่า หากจะมีเรื่องเป็นสาระกึ่งๆ ตามน้ำ ตามกระแส ก็เห็นจะเป็น เป็นที่น่าจับตาถึงการร่วมกินข้าวเย็นในครั้งนี้ จะมีการหยิบยกประเด็นร้อนมาหารือนอกรอบ หรือไม่ อาทิ การแก้ไข ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม , การจัดซื้อเครื่องบินกริพเพน 4 ลำ ที่ยังค้างคา และ เรือดำน้ำ ของ ทร.

แน่นอนว่า ประเด็นเหล่านี้พร้อมจะเป็น "ปัญหา" ของรัฐบาล ขณะเดียวกันข่าว "รัฐประหาร" ก็ลอยมาหลอนหลอกให้เข้าหู แต่เชื่อว่า "สหายใหญ่" จะใช้สกิลความเป็นนักการเมือง ตัก "พะโล้" เข้าปากอย่างลื่นไหล พร้อมกับ "รับปาก" กับ ผบ.เหล่าทัพ อะไรที่รัฐบาลสนับสนุนได้ ย่อม "ประเคน"ให้เต็มที่ ซึ่งในที่สุด “อ้วน-ภูมิธรรม” จะแหวกวงล้อมทหารออกมาพร้อมกับคำว่า "ชื่นมื่น"

มื้ออาหารค่ำกระชับความสัมพันธ์จบลงด้วยความ "ชื่นมื่น" แฮปปี้ถ้วนหน้า

แต่ในสายตาของหลายฝ่ายและประชาชน จะยินดีด้วยหรือไม่ ? นั่นเป็นคำถาม

เนื่องเพราะวันเดียวกัน กรณีทางการเมียนมา ปล่อยตัวผู้ต้องขังและนักโทษต่างชาติ เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงนักโทษชาวไทย 152 คน แต่ไม่พบ "ลูกเรือ" ประมงไทย 4 คน ที่ถูกจับกุมและถูกตัดสินคดีต้องโทษจำคุก เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.67 รวมอยู่ด้วย

โดยเมียนมาพูดว่าตามประสาการทูตมาว่า ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งก็มองได้ว่า อนาคตยังมืดมน

เพราะฉะนั้น มื้อดินเนอร์กระชับมิตร ระหว่าง “อ้วน-ภูมิธรรม” ในฐานะดูความมั่นคง เป็นรมว.กลาโหม กับ ผบ.เหล่าทัพ อิ่ม "พะโล้" กันแล้ว ก็ช่วยทำงานให้เป็นโล้เป็นพาย ช่วยหาหนทางช่วยลูกเรือไทยอย่างจริงจัง จริงใจ กันหน่อย มัวชื่นมื่นกันอยู่ เดี๋ยวเป็นประเด็นลุกลามจะหาว่าไม่เตือน


** “ทักษิณ” วันว่างๆ แกว่งปากหาเรื่อง ขายฝัน ทำตัวเป็นนายกฯ ทั้งคุยโวนโยบายรัฐ ล้วงลูกปรับ ครม.

ประเดิมเปิดศักราช 2568 “ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ก็ได้ขึ้นเหนือ ไปช่วยหาเสียงให้ “สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” ภรรยาของ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ที่ลงสมัครชิงนายก อบจ.เชียงราย ในนามพรรคเพื่อไทย

ตามสไตล์เหมือนเดิม เปิดเวทีมาก็ออดอ้อนคิดถึงพ่อแม่พี่น้อง ที่ต้องมาช่วย “สลักจฤฎดิ์” เพราะ “ยงยุทธ” คือผู้ร่วมก่อตั้งพรรคมาตั้งแต่เริ่มแรก จึงต้องช่วยกันเต็มที่ ยิ่งวันนี้ลูกสาวคนเล็กของตนเอง “อุ๊งอิ๊งค์” เป็นนายกฯ เป็นผู้นำรัฐบาล ก็อยากให้ทางท้องถิ่น เชื่อมต่อกับรัฐบาลด้วย จะได้ทำงานประสานกัน

ถ้าแค่อ้อนขอเสียงนั้น ไม่ใช่สไตล์ทักษิณ ขึ้นเวทีแล้วต้อง “ด่ากราด” พูดจาคาบลูกคาบดอก คาบเส้นกฎหมาย ด้วย มันถึงจะใช่ “ทักษิณ” ตัวจริง!!

“ทักษิณ” บอกว่า ยามว่างๆ ได้เข้าไปดูสื่อโซเซียลฯ เห็นบางคนชีวิตน่าจะเหลือน้อยลงไปทุกที อาจจะแขวนคอตายไปเสียก่อนได้ เพราะมองโลกแย่หมด อีกไม่กี่วัน จะเอาเชือกไปให้มัน เพราะเช้า สาย บ่าย ค่ำ ตื่นมาก็ด่ารัฐบาล ที่ไม่ด่าคงเหลือแต่พ่อแม่มัน มีอยู่แค่ 4-5 ตัว ที่ด่า พวกนี้สงสัยอยากได้เชือก... (เอาไปผูกคอตาย)

เรื่องเงินดิจิทัล รัฐบาลประกาศไว้ เทคโนโลยีจะเสร็จเดือน มี.ค. พอเสร็จแล้ว เราก็จะโอนเงินให้คนที่มีอายุ 60 ปี ลงมา ส่วนวันที่ 29 ม.ค.นี้ จะเป็นเงินให้สำหรับคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ทำอย่างนี้ เพราะจะให้คนหนุ่มสาว เรียนรู้การใช้เทคโนโลยี เพราะอีกหน่อย การติดต่อกับรัฐบาล จะผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ตหมด

จากนั้น ก็เลี้ยวถึงเรื่องความรวยของลูกสาว ที่เพิ่งแจ้งบัญชีทรัพย์สินว่า มีกว่า 1.3 หมื่นล้าน ว่า ช่วงที่ตนยังไม่เล่นการเมือง ปี 2536 มีเงินถึง 6 หมื่นล้าน พอเล่นการเมือง ก็หมดไปเรื่อยๆ

“ไอ้พวกควายพวกนี้ หาว่าผมไปเอาตังค์ ที่ไหนมา ก็กูรวยตั้งแต่ปี 35-36 แล้ว ตอนนั้นผมรวยที่สุดในประเทศ แต่ตอนนี้จนพอๆ กับชาวเชียงราย"

“ทักษิณ”บอกว่าตนคิดแบบคนสมัยใหม่ แต่คนรุ่นเก่ากลับด่าสารพัด มีอยู่คนหนึ่งบอกว่า ตนสร้างความวุ่นวาย เพราะแค้นมาตั้งแต่ปี 2544 ที่บ้านของเขาหน่วยเลือกตั้งมี 450 คน เลือกเขาเพียงแค่ 47 คน ปัดโธ่...ประชาชนยังไม่เลือกเลย!!

ส่วนเรื่อง เรื่องยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปี 2568 นี้จะจัดการให้เรียบ ... เรื่องการพนันออนไลน์ เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ต้องเอาขึ้นมาบนดิน เอามาอยู่ใน “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” เพราะถ้าถูกกฎหมาย ก็จะเก็บภาษีได้

เรื่องไฟฟ้า เอาตัวเลขมาดูแล้ว สามารถทุบลงไปได้อีก ไม่ใช่ 4 บาท ปี 2568 จะต้องเหลือ 3.70 บาท น่าจะได้ จากนั้น อาหารสัตว์ ค่าปุ๋ย ค่ายา ต้องจัดการดึงราคาลงมา

เรื่องที่ดินทำกินทั้งหลาย กำลังคุยกันอยู่ อย่างที่ ส.ป.ก. จะให้เป็นแค่ โฉนดส.ป.ก.ไม่ได้ แต่ต้องเปลี่ยนเป็นโฉนดจริง ที่สามารถเอาไปทำมาหากินได้ ส่วนที่ถูกนายทุนยึดไป ก็ต้องไปยึดคืนมา แต่ถ้าเขาเอาไปสร้างสิ่งปลูกสร้างแล้ว ก็ต้องให้เขาเสียค่าเช่า

หลังการปราศรัย “ทักษิณ” ยังให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่จะเอา “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ออกจากครม. โดย “ทักษิณ” บอกว่า... ไม่มี คุยกันรู้เรื่องแล้ว ไม่มีอะไรเลย พีระพันธุ์ เขาเป็นคนตั้งใจ รู้จักกันมานาน เคยมีความคุ้นเคยกัน รู้เรื่องทุกเรื่อง ... นายกฯอิ๊งค์ ก็บอกว่า... พ่อ อิ๊งค์ ยังสบายๆ ถ้าทำงานกับครม.ชุดนี้ ไม่มีปัญหา ยังไปกันได้ดี

ปราศรัยรอบนี้ มีทั้งพูดถึงนโยบาย ขายฝัน ด่ากราด กระทั่งเรื่องปรับครม. แล้วอย่างนี้ จะไม่ให้บอกว่า “ทักษิณ” เป็นนายกฯ ตัวจริง ได้ไง !!