เมืองไทย 360 องศา
ในที่สุดทางการพม่าใช้โอกาสในวันฉลองเอกราชในวันที่ 4 มกราคม ปล่อยตัวนักโทษเกือบ 6 พันคน ในจำนวนนั้นมีชาวต่างชาตินับร้อยคน แต่กลับไม่มีรายชื่อคนไทยจำนวน 4 คน ที่ถูกจับกุมจากการทำประมงในพื้นที่ทับซ้อนตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว โดยครั้งนั้นคนไทยดังกล่าว 1 เป็นเจ้าของเรือประมง ถูกจำคุก 6 ปี ส่วนลูกเรืออีก 3 คนถูกคนละ 4 ปี
ก่อนหน้านี้ ทางรัฐบาลไทย โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีย้ำว่าคนไทยเหล่านั้นจะได้รับการปล่อยตัวในช่วงหลังปีใหม่ เช่นเดียวกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็กล่าวแบบเดียวกัน โดยคาดหมายว่าจะได้รับการปล่อยตัวในช่วงวันฉลองเอกราช ในวันที่ 4 มกราคม ดังกล่าว แต่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีวี่แววการปล่อยตัวแต่อย่างใด
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ปีที่แล้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ยังอยู่ในกระบวนการเจรจากัน เป็นปัญหาการประสานงานของทางการพม่าที่เกาะสอง กับทางรัฐบาลพม่าเอง ความจริงเราประสานงานเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างก็รอคอยอยู่ แต่มีปัญหาตรงที่เขาต้องจัดการตามขบวนจดหมายของเขา ดังนั้น ถึงอย่างไรก็ต้องรอ เพราะเป็นปัญหาของประเทศเขา ไม่ใช่เรา ทั้งนี้ที่ผ่านมาเราทำหนังสือและขอเยี่ยมคนไทยทั้ง 4 คน นำคนไทยกลับมาให้เร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้อยู่ในอำนาจของรัฐบาลของพม่าที่จะพิจารณา
ถามว่า มีแนวโน้มที่จะขอไปเยี่ยม 4 คนไทย จะมีปัญหาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอบไม่ได้ เราก็ต้องทำหน้าที่ในสิ่งที่ควรทำ เราก็ห่วงและต้องการดูแลคนของเรา และพยายามเคลียร์ทุกอย่าง แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของเค้า ก็ต้องรอกระบวนการให้จบสิ้น
เมื่อถามว่า คาดว่า การตัดสินใจของรัฐบาลพม่า จะใช้เวลานานหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดิมคิดว่าคุยกันในระดับท้องถิ่นน่าจะจบ แต่เขาบอกว่าจำเป็นต้องทำเรื่องไปที่รัฐบาลกลาง ซึ่งกระทรวงต่างประเทศของเรา ได้ใช้วิธีทางการทูตเจรจา เพราะฉะนั้น ขณะนี้ต้องรอกระบวนการ ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายแต่ละประเทศ
เมื่อถามว่า เหตุที่ล่าช้าเป็นเพราะทางพม่าติดใจ ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่กรณีชาวประมงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนตอบแทนไม่ได้ อย่าไปคาดเดาเลย เขาจะพิจารณาอย่างไรก็เป็นอำนาจของเขา เวลามีปัญหาแบบนี้ในบ้านเรา เราก็ต้องใช้อำนาจพิจารณา ดังนั้น อย่าไปคิดว่าเขาจะแบบนู้นแบบนี้
เมื่อถามยํ้าว่า ต้องรอให้ทางการพม่าตัดสินใจอย่างเดียวใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่มีใครทราบว่าเป็นเหตุรุกล้ำหรือไม่ หรือเป็นจากกรณีอื่น วันนี้เราทำตามกระบวนการที่มีอยู่ก่อน ระดับล่างก็คุยกันดี ไม่มีปัญหาอะไร และขณะนี้ 4 คนไทย ก็ยังอยู่ที่สถานีตำรวจเกาะสอง
ขณะเดียวกันหากฉายาของรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกเรียกว่าเป็น “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” ก็ย่อมหมายถึงมี นายทักษิณ ชินวัตร พ่อของนายกฯ บงการอยู่เบื้องหลัง ก็ถือว่า “ล้มเหลว” โดยสิ้นเชิง เพราะก่อนหน้านี้ เขาเคยให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ก่อน หลังการรับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาพิเศษของ นายอันวาร์ อิบราฮอม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ว่าจะทำหน้าที่ในการสร้างศักยภาพในภูมิภาค และประเทศเพื่อบ้านกับไทย โดยเฉพาะการเจรจาสร้างสันติภาพในพม่า
ก่อนหน้านั้นในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน ก็มีรายงานข่าวออกมาว่า นายทักษิณ ชินวัตร เชิญตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่มในพม่ามาหารือที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหาทางหยุดยิงกัน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าเขาทำหน้าที่ตัวกลางดังกล่าวในฐานะอะไร และมีประโยชน์อะไรหรือไม่ เพราะในการหารือดังกล่าวไม่มีตัวแทนของรัฐบาลทหาร และตัวแทนของพรรคแอลดีพี ของ นางอองซาน ซูจี ซึ่งเป็นรัฐบาลฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าไม่ได้เข้าร่วม ตรงกันข้ามพวกเขายังได้ตำหนิการเคลื่อนไหวการเจรจาลับๆ ในครั้งนี้อีกด้วย
เมื่อวกมาที่สถานการณ์ในปัจจุบัน เมื่อรัฐบาลทหารพม่าไม่ยอมปล่อยคนไทยทั้ง 4 คน ที่ถูกคุมขังมาตั้งแต่ปลายเพื่อพฤศจิกายน ปีที่แล้ว โดยในคราวนั้นทหารพม่ายังได้ยิงเรือประมง และสังหารลูกเรือเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง พร้อมกับยึดเรือประมงไทยไปด้วย
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาท่าทีจากฝ่ายรัฐบาลไทยต่อเรื่องนี้ถือว่าค่อนข้างเงียบเชียบ ไม่ได้เห็นแอกชันทั้งในระดับท้องถิ่น หรือในระดับรัฐบาลคือ กระทรวงการต่างประเทศ รวมไปถึงกองทัพ สิ่งที่เห็นก็คือคำให้พูดของ ระดับผู้นำตั้งแต่ นายกรัฐมนตรีลงมาจนถึง รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่บอกว่าให้รอกระบวนการทางกฎหมายของทางฝ่ายพม่า และเชื่อว่าคนไทยจะได้รับการปล่อยตัวในที่สุด โดยหวังว่าจะได้รับการ “ปล่อยตัวหลังปีใหม่” และเชื่อว่าจะได้รับการปล่อยตัวในวันชาติพม่า วันที่ 4 มกราคม แต่ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้องรอต่อไปโดยไม่มีความหวังว่าจะได้รับการปล่อยตัววันไหน หรือฝ่ายทหารพม่าจะเมตตาปล่อยตัวออกมาเมื่อไหร่
อย่างไรก็ดี สิ่งที่สะท้อนให้เห็นก็คือ ที่ผ่านมารัฐบาลไทยไม่สามารถสร้างแรงกดดันกับทางฝ่ายพม่าได้เลย แม้ว่าหากบอกว่ากระทำผิดกฎหมายพม่า แต่การที่มีการทำประมงในพื้นที่ที่ยังเป็นปัญหา ลักษณะเป็นเขตทับซ้อน ไม่ชัดเจน เมื่อทำการสอบสวนเสร็จสิ้น ก็สมควรต้องปล่อยตัว โดยทางการไทยต้องเจรจาจนสามารถปล่อยตัวออกมา
แต่ปรากฏการณ์ที่เห็นกลายเป็นว่า ฝ่ายไทยไม่สามารถสร้างแรงกดดันได้เลย ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งฝ่ายทางการพม่าไม่ได้แคร์ฝ่ายไทยเลยแม้แต่น้อย
การที่คนไทยทั้ง 4 คน ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวออกมา ไม่ต่างจากถูก “ขังลืม” นอกจากทำให้ฝ่ายรัฐบาลไทยรู้สึกเสียหน้าแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นว่า กระบวนการเจรจาทั้งทางลับและเปิดเผยยัง “อ่อนหัด ไร้น้ำยา” อีกทั้งยังเสียเครดิตไปถึง “พ่อเลี้ยง” นายทักษิณ ชินวัตร ที่ทำหน้าใหญ่ใจโต อาสาเข้ามาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยอ้างว่าจะมาสร้างสันติภาพในพม่า แต่ผลออกมาล้วนแล้วแต่ “ราคาคุย” โดยไม่ประเมินตัวเอง ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้จะต้องถูกถามว่า “คนไทยจะได้ปล่อยตัวกี่โมง” เสียหายหลายแสน !!