xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองปี2568เดือด ทักษิณเพิ่มดีกรีแตกหัก !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

เริ่มปีใหม่ ปี 2568 กันแล้ว หลายคนมองเห็นตรงกันว่า การเมืองปีนี้ต้องร้อนแรงกว่าเดิมแน่นอน เนื่องจากหลายเหตุการณ์หลายปัญหาต่างประดังกันออกมา และบางเรื่องต้องมีบทสรุปกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หรืออย่างน้อยก็ต้องชัดเจน จะปล่อยให้คาราคาซังลากยาวต่อไปอีกไม่ได้

แต่สาเหตุที่กลายเป็นตัวเร่งให้เกิดความร้อนแรงนั้นก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ต้องเป็น นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั่นแหละ เพราะจะเป็นการเพิ่มดีกรีร้อนแรงขึ้นทุกวัน

เพราะแม้แต่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ยังประเมินสถานการณ์การเมืองปี 2568 ว่าจะมีความร้อนแรง โดยมองว่ารัฐบาลได้ย่างเข้าสู่ปีที่ 2 เป็นเวลาเกือบครึ่งเทอม เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความเข้มข้นของการเมืองมากกว่าปีแรกๆ รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอีกมาก ส่วนตัวจึงเชื่อว่าปี 2568 การเมืองอาจจะรุนแรงมากกว่าปี 2566 และ 2567

“หากเราได้ร่วมมือกัน โดยเฉพาะรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประชาชนที่เดือดร้อนในขณะนี้ได้ ความร้อนแรงก็จะลดลงไป รัฐบาลก็อาจจะอยู่ครบเทอมก็ได้ จึงขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล” ประธานรัฐสภา กล่าว

อย่างไรก็ดี เขาหวังว่าในปี 2568 เฉพาะในด้านนิติบัญญัติ คงจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเหมือนกับปีที่ผ่านมา มีกฎหมายอีกหลายฉบับที่กำลังรอให้สมาชิกได้พิจารณาให้จบ รวมทั้งญัตติความเดือดร้อนต่างๆ ก็จำเป็นต้องใช้รัฐสภาในการพิจารณาแก้ไข

“หวังว่าพี่น้องประชาชนจะหวังใช้สภาในการแก้ปัญหาบ้านเมือง มากกว่าที่จะแก้ด้วยวิธีอื่นๆ เพราะวิถีประชาธิปไตยคือการใช้รัฐสภาเป็นที่ถกเถียงแก้ปัญหาของบ้านเมือง ผมก็หวังอย่างนั้น และสภาเราก็พร้อมจะทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

ส่วนการเมืองที่ร้อนแรงขึ้น จะมีผลให้การทำงานของสภาต้องสะดุดลง หรือไม่นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ มองว่า สภาก็คงไม่มีอะไร เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ จะมีร้อนแรงหน่อยก็เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ หากฝ่ายค้านเห็นว่ามีประเด็นที่ต้องอภิปรายรัฐบาล ก็สามารถยื่นอภิปรายได้ ทั้งแบบไม่ลงมติ หรือแบบลงมติไม่ไว้วางใจ

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวด้วยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มีเกือบทุกสมัยการประชุม สมัยที่แล้วไม่มี แต่เชื่อว่าสมัยนี้ฝ่ายค้านก็เตรียมพร้อมจะเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องพร้อมตอบ เพื่อชี้แจงให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลแก้ปัญหาอะไรบ้าง การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นบทบาททางการเมืองที่พิสูจน์ให้ประชาชนเห็นการทำงานทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านว่าเป็นอย่างไร

ในมุมมองของประธานสภาผู้แทนราษฎรผู้นี้ ยังให้น้ำหนักไปที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของรัฐบาล หากล้มเหลว หรือแก้ปัญหาไม่ได้ แน่นอนว่ารัฐบาลก็อยู่ลำบาก และตัวนายกรัฐมนตรี คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ย่อมต้องลำบากตามไปด้วย

ขณะเดียวกัน การดำรงอยู่ของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ล้วนถูกชี้นำ โดยนายทักษิณ ชินวัตร ที่ได้ฉายา “พ่อเลี้ยง” มันก็เห็นภาพชัดเจนกันอยู่แล้ว ว่ามันเชื่อมโยงถึงกัน หากรัฐบาลพลาด นายกฯ พลาด ก็ย่อมมาจากนายทักษิณ นั่นเอง และที่ผ่านมาหลายนโยบายที่ผลักดันโดยเขาแทบทุกเรื่องยังไม่ประสบผลเลย โดยเฉพาะ “ดิจิทัล วอลเล็ต” แม้ว่าคนต้นคิดเป็นใครกันแน่ แต่ นายทักษิณก็เป็นคนดันอย่างแข็งขัน แต่ทุกอย่างก็ไม่ตรงปก ผิดความหมายไปไกลลิบ

แม้ว่าคนที่ได้รับแจกเงินหมื่น ย่อมถูกใจ แต่อีกด้านหนึ่งในภาพกว้างถูกวิจารณ์ย่อยยับ ไม่ว่าไม่เกิดผลในทางกระตุ้นเศรษฐกิจ ละลายเงิน โดยไม่เกิดประโยชน์ด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เลย เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ก็ทำไม่ได้ตามที่คุยเอาไว้ แค่ 400 บาทต่อวัน ก็ยังไม่ได้พร้อมกันทั่วประเทศ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันละ 600 บาท ตามที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงเอาไว้

ส่วนเรื่องที่อื่นที่เป็นเรื่องอ่อนไหว เช่น เอ็มโอยู 44 ที่เวลานี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องการตั้งคณะกรรมการเจรจาด้านเทกนิก แม้ว่าประธานกรรมการมีการกำหนดตัวเอาไว้ล่วงหน้าว่าต้องเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ตาม แต่ด้วยแรงต้านที่รุนแรงขึ้นทุกขณะ ทำให้รัฐบาลยังไม่ขยับอะไรมากนัก ซึ่งหากมีการขยับเมื่อไหร่ รับรองว่าต้องเกิด “ม็อบต้าน” แน่นอน

นี่ยังไม่นับโครงการ “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ที่คิดจะตั้ง “บ่อนการพนัน” ถูกกฎหมาย โดยใช้พื้นที่ไข่แดงในจังหวัดเศรษฐกิจสำคัญไม่น้อยกว่า 8 แห่ง และหนึ่งในนั้นคือ กรุงเทพมหานคร โดยตอนนี้กำลังวางแผนใช้ที่ดินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ท่าเรือคลองเตย เชื่อว่าในปีใหม่นี้ต้องเดินหน้าเต็มตัวแน่นอน

อย่างไรก็ดี สิ่งที่เรียกว่า “ตัวเร่งดีกรี” ที่สุด ก็เห็นจะเป็นกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เกี่ยวกับ “เทวดาชั้น 14” เวลานี้ กำลังเข้าใกล้ไคลแม็กซ์เต็มทีแล้ว โดยเฉพาะผลการสอบสวนของ “แพทยสภาสมาคม” ที่ขีดเส้นให้โรงพยาบาลตำรวจต้องส่งผลการรักษา และการตรวจอาการป่วยอย่างละเอียด ภายในวันที่ 15 มกราคม นี้ เชื่อว่าเรื่องนี้จะบานปลาย ขยายวงแน่นอน ที่สำคัญต้องมีคนติดคุก เสียหายทางวิชาชีพ และราชการหลายคน

กรณีชั้น 14 ของ นายทักษิณ ชินวัตร นี่แหละน่าจะเป็น“จุดตาย” ของเขา เพราะเวลานี้การสอบสวนหาความจริงกำลังจะถูกเปิดเผยในอีกไม่นาน และยังเป็นการใช้อำนาจสอบสวนตามกฎหมาย ที่สามารถบังคับให้ต้องเปิดเผยเอกสารได้ทุกอย่าง ทั้ง “แพทยสภาฯ” และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทุกอย่างกำลังงวดเข้ามาทุกขณะ โดยเฉพาะ แพทยสภาฯ ที่ต้องได้รับรายงานจาก โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์

กรณีดังกล่าว ถือว่าอ่อนไหวกระทบความรู้สึกของชาวบ้านทั่วไปที่อ่อนไหวกับพวก “อภิสิทธิ์ชน” เอาเปรียบคนอื่น นอกเหนือจากนี้ ยังต้องจับตา กรณี “ขังนอกเรือนจำ” ที่กำลังมีการออกหลักเกณฑ์ใหม่อีกไม่นานนี้ โดยเชื่อว่าต้องการเอื้อประโยชน์ให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อีกคนหนึ่ง ที่กำลังหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ให้ได้กลับบ้านก่อนสงกรานต์ปีนี้ ตามที่นายทักษิณ ชินวัตร เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบอื่นอีกหลายเรื่อง ทั้งญัตติซักฟอกของฝ่ายค้าน ซึ่งจะประดังเข้ามาในปีนี้ทั้งสิ้น ขณะที่นายกรัฐมนตรี ที่กำลังถูกวิจารณ์ทั้งในเรื่องผลงาน และวุฒิภาวะ ไร้ประสบการณ์ ยิ่งทำให้อยู่ลำบาก จนหลายคนมองว่าไม่น่ารอดเกินปีนี้ !!



กำลังโหลดความคิดเห็น