xs
xsm
sm
md
lg

“พ่อเลี้ยง”หนักแบก “นางโพย”หลังแอ่น !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

งานนี้ต้องบอกว่าต้องเดินให้ “สุดซอย” แบบไหนก็ไหนแล้ว สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร หรือ “พ่อเลี้ยง” รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ฉายา “แพทองโพย” มาหมาดๆ หลังจากผลักดันขึ้นมาจนได้เป็นนายกรัฐมนตรีมาได้เกินร้อยวันแล้ว แต่เมื่อทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายนัก มันก็ยิ่งทำให้เขาต้องเดินหน้า “แบก” ให้หนักกว่าเดิมชนิดที่เรียกว่า “หลังแอ่น” อยู่ในเวลานี้

แน่นอนว่าการเดินสายไปทั่วประเทศอย่างถี่ยิบในช่วงเวลานี้ ทั้งการลงทุนขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดของพรรคเพื่อไทยในหลายจังหวัด ด้านหนึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยรวมถึงบารมีของเขาเริ่มเสื่อมถอยลงไปกว่าเดิมมาก เพราะการลงมาคลุกกับสนามท้องถิ่นอย่างเต็มตัวแบบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาต้องมาปักหมุดให้ความสำคัญ จากเดิมเคยเน้นโฟกัสที่สนามใหญ่ที่เป็น ส.ส.และผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ได้ลิ้มรสชาติของความพ่ายแพ้แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ดังนั้นการหวนกลับมาลุยสนามท้องถิ่นอย่างเต็มกำลังทางหนึ่งก็ย่อมเป็นการฟื้นฟูความนิยมให้กลับมา เพื่อเป็นฐานรองรับการเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งหน้า โดยเฉพาะสนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ที่เป็นการเลือกตั้งทั้งจังหวัด แต่ขณะเดียวกันแม้ว่าผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาพวกเขาจะชนะการเลือกตั้งเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อพิจารณาจากผลคะแนนที่ได้ถือว่า “ยังไม่ขาด” ถือว่ายังไม่คุ้มค่านักกับการที่ระดับ “พ่อเลี้ยง” ลงทุนเองแบบนี้

อีกทั้งการเดินสายปราศรัยยังเป็นการประกาศนโยบายรัฐบาล การปกป้องการทำงานของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อยู่ตลอดเวลา

“ขอให้สบายใจได้ว่า ผมกลับมาแล้ว ไม่อยู่เฉยๆ จะมาช่วยพี่น้อง เรารวยแล้วแต่ชาวบ้านยังลำบากอยู่ ผมจึงตัดสินใจเล่นการเมืองเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้น ความรู้สึกนี้ยังอยู่ ใช้ผมให้มากๆ เลือกตัวแทนผมมากๆ เพื่อมาทำงาน

ซึ่งระหว่างที่นายทักษิณปราศรัยก็เรียกเสียงปรบมือเป็นระยะๆ และวันพรุ่งนี้ก็มีคิวไปปราศรัยอีก 4 พื้นที่ด้วย”

เขากล่าวว่า มีเวลาช่วยลูกสาวสองปีปลาย ไม่ต้องห่วง เรื่องยุบสภาลิ้นกับฟันเป็นเรื่องธรรมดา ยังไงก็อยู่ครบเทอม มีเสถียรภาพเช่นนี้จะยุบสภาทำไม ใครจะออกมาเห่าหอนก็ปล่อยเขา เราทำงานอย่างเดียว ได้ยินเสียงนกเสียงกาพี่น้องก็หูทวนลมอย่าไปสนใจ สนใจแค่รัฐบาลจะทำให้พี่น้องพ้นทุกข์อย่างไร เขากำลังทำการบ้านปรับโครงสร้างภาษี ให้คนไทยทุกคน ถึงแม้มีรายได้ไม่ถึงที่จะเสียภาษีก็ต้องกรอกการเสียภาษี หากรายได้ต่ำก็จะเก็บนำภาษีที่เก็บจากคนที่เสียภาษีมาช่วย เป็นเงินทุนหนุนจากรัฐบาลแทน” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตนกำลังบอกกับทางพม่าและเขมรให้จัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบัญชีม้า หากจัดการไม่ได้ ตนขออนุญาตส่งคนไปจัดการ นอกจากนี้ตนยังพูดกับกะเหรี่ยงเคเอ็นยู แล้วบอกไปทางพม่าแล้วว่าให้ช่วยจัดการหมู่ที่อยู่แถวเมียวดี หากไม่มีกำลัง เดี๋ยวตนจะเอากำลังไปจัดการ ภายในปีหน้าคอลเซ็นเตอร์จะต้องจัดการให้เกลี้ยง เศรษฐกิจใต้ดินจะเอาขึ้นมาบนดิน ต้องทำให้ถูกต้อง เพราะเศรษฐกิจใต้ดินมีขนาดใหญ่มาก เงินเยอะมาก แต่ไม่เสียภาษีสักบาท จึงทำให้เกิดช่องทางที่เป็นปัญหา จึงต้องนำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมา

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ เพื่อนตนสมัยที่อยู่พรรคไทยรักไทย เขาบอกตนว่านายกรัฐมนตรีก็คือคนเดิมแค่ผมยาว เพราะนายกรัฐมนตรีที่เป็นลูกสาวเขาหน้าเหมือนตน รับรองได้เลยว่าสไตล์การทำงานก็จะเหมือนกัน เพราะเป็นดีเอ็นเอที่ก๊อปปี้กันมา และนายกรัฐมนตรีก็ช่วยตนมาตั้งตั้งแต่เขาอายุแปดปี ตั้งแต่พรรคพลังธรรมที่ไปช่วยตนหาเสียง ฉะนั้น นายกรัฐมนตรีก็รู้เรื่องการเมืองและเข้าใจดี ได้เรียนรู้เรื่องการบริหารมาทั้งหมด คิดว่าวันนี้นายกรัฐมนตรีเป็นวัยรุ่นที่รู้เรื่องการเมือง และอาจจะรู้ดีกว่าตนด้วย ย้ำว่าขอให้ช่วยกันเลือกเบอร์สอง เลือก สจ.ให้ตนแล้วตนจะกลับมาใหม่เพื่อจะกลับมาแก้ไขปัญหาให้ชาวเชียงใหม่มีกินมีใช้

นั่นคือวาทกรรมการหาเสียงตอนหนึ่งของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ปกป้องลูกสาวของตัวเองที่เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันเขายังสร้างความหวังให้กับชาวบ้านเช่นเดิม รัฐบาลชุดนี้จะต้องทำให้ประเทศดีขึ้นแน่ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง เรื่องหนี้สิน ปัญหาสังคม เช่น ยาเสพติดจะต้องลดลง โดยย้ำว่าในปีหน้าทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่นอน

อย่างไรก็ดีหากพิจารณาจากภาพรวมแล้ว การลงพื้นที่เดินสายปราศรัยช่วยเหลือผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยในการลงสมัครชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหลายจังหวัด รวมไปถึงการให้สัมภาษณ์ประกาศนโยบายแทนรัฐบาล รวมไปถึงการปกป้องหรือการันตีความรู้ความสามารถของลูกสาวตัวเองที่เป็นนายกรัฐมนตรี ด้านหนึ่งไม่ต่างจาก “นายแบก” ที่กำลัง “แบกจนหลังแอ่น” ก็ไม่ปาน เพราะเวลานี้หากเปิดใจกว้างพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมา ถือว่ารัฐบาลกำลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก 

ทั้งในเรื่องผลงานที่ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน บางอย่างที่ออกมาก็ไม่ตรงปก ไม่ว่าจะเป็น “เงินดิจิทัล” หรือล่าสุดที่มีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ก็ได้แค่ 4 จังหวัด 1 อำเภอ คือ ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากเดิมที่เคยบอกว่าจะขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ และไม่ต้องพูดถึงนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่เคยประกาศว่าค่าแรงขั้นต่ำต้องวันละ 600 บาท หรือเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท

ขณะเดียวกันฉายา “แพทองโพย” ของ นายกรัฐมนตรี ทางหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นถึงวุฒิภาวะ ความรู้ความสามารถว่าเป็นอย่างไร ว่าเธอมีปัญหาในเรื่องความเข้าใจ ไร้ประสบการณ์ และไม่พร้อมสำหรับผู้นำประเทศ ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งนานไปก็ยิ่งเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น

ด้วยเหตุนี้หรือเปล่า จากผลงานของรัฐบาล และของนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่เข้าเป้า ผิดความคาดหมายไปไกลมากจึงเป็นสาเหตุทำให้ “พ่อเลี้ยง” อย่าง นายทักษิณ ชินวัตร ต้องออกมาสวมบท “นายแบก” อย่างเต็มที่ เพราะอย่างที่รู้กันว่าไปไม่รอด หรือพลาดท่าเที่ยวนี้หมายถึงไปกันทั้งยวง ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่จะเห็นเขากำลังเปิดศึกรอบทิศ ทางหนึ่งก็เพื่อปกป้องลูกสาวที่เป็นตัวแทนกันแบบสุดลิ่ม และเชื่อว่าบทบาทแบบนี้จะยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น