xs
xsm
sm
md
lg

พรรคร่วมแตกแต่ไม่หัก ยุบสภาปีหน้า !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - อนุทิน ชาญวีรกูล - พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
เมืองไทย 360 องศา

เห็นอาการความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะพยายามเก็บอาการให้มากที่สุด แต่ก็ยังปิดบังเอาไว้ไม่ได้ทั้งหมด ที่เห็นชัดเวลานี้ก็คือ ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย และเพื่อไทยกับรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งสองพรรคหลังก็มีเงื่อนไขและความจำเป็นต่างกัน

แน่นอนว่าร่องรอยความขัดแย้งมีให้เห็นมาพักหนึ่งแล้ว ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย และระหว่างพรรคเพื่อไทยกับรวมไทยสร้างชาติ ที่เห็นชัดก็คือเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม กฎหมายประชามติ ที่ภูมิใจไทยหนุน สว.ในเรื่องประชามติสองชั้น และยังลงมติสนับสนุนในสภาผู้แทนฯอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ดินเขากระโดง ที่แต่ละฝ่ายดูแลหน่วยงานสำคัญ เช่นกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย ขณะที่อีกฝ่ายดูแลกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน

ขณะที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทย กับรวมไทยสร้างชาติ นอกจากเรื่องกฎหมายสำคัญดังกล่าวแล้ว ยังมีเรื่องผลประโยชน์ด้านพลังงาน ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนขวางอยู่

อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันตามตัวเลขแล้วโอกาสที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะถูกเขี่ยออกไปมีมากกว่าพรรคภูมิใจไทย แต่ถึงอย่างไรเมื่อพิจารณากันตามสถานการณ์แล้ว การ “เขี่ย”หรือไม่เขี่ยคงยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เป็นแน่ เนื่องจากทุกอย่างยังไม่สุกงอมพอ อีกทั้งยังเป็นช่วงที่ทางพรรคเพื่อไทย และคนที่เป็นเจ้าของพรรค อย่าง นายทักษิณ ชินวัตร ยังไม่มั่นใจเต็มร้อย

แต่หากทุกอย่างมีความชัดเจน และทางนายทักษิณ มีความมั่นใจว่าสามารถคุมสภาพได้เบ็ดเสร็จแล้ว เชื่อว่า คงจะมีการยุบสภาเพื่อล้างไพ่ใหม่ ภายในปีหน้า ซึ่งน่าจะเป็นช่วงกลางปีเป็นต้นไป

เมื่อวกมาที่ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย แม้ว่าจะระหองระแหงและเริ่มรุนแรงเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ แต่รับรองว่ายังไม่มีใครกล้าแตกหักแน่นอน โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย คงไม่อยากเป็นฝ่ายค้าน ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ยังต้องการพึ่งพาเสียงสนับสนุนจากนี้อยู่ต่อไป เพราะหาเขี่ยออกไปจำนวน ส.ส.ที่หายไปกว่า 70 คน ก็ทำให้เสียความสมดุลทันที

ภาพที่เห็นการออกรอบกอล์ฟเมื่อวันก่อน ที่มี นายอุนทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร่วมก๊วนกับ นายทักษิณ ชินวัตร ตามนัยว่าต้องการประสานรอยร้าว ซึ่งก็ชัดเจนว่า บรรยากาศยังชื่นมื่น ไม่มีอะไรในกอไผ่

“เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ ปีนึงก๊วนก็นัดกันครั้งสองครั้ง และไม่มีการพูดคุยสถานการณ์การเมืองกับนายทักษิณ ดูแต่วง ช่วยกันจับ และคุยกันเรื่องในอดีต และสิ่งที่ต้องการจะเห็น” นายอนุทิน ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องการเคลียร์ปัญหาความขัดแย้งในรัฐบาล

ถามว่าเรื่องที่ต้องการจะเห็นหมายถึงเรื่องอะไร นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน ความร่วมมือจะทำให้เป็นรูปธรรม สำเร็จด้วยความรวดเร็ว ซึ่งเราปฏิบัติต่อกันมาด้วยดีมาด้วยตลอด

ส่วนเรื่องที่ นายทักษิณ พูดว่า “อีแอบ” หมายถึงใคร หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ทำไมต้องไปถาม คนเราต้อง Actions speak louder than words (การกระทำสำคัญกว่าคำพูด)

ซักว่าได้สอบถามประเด็นที่ นายทักษิณ ระบุว่าหล่อเร็วไปหน่อยหรือไม่ หลังออกมาคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.กลาโหม นายอนุทิน กล่าวว่าไม่ได้คุย และไม่คุยเรื่องเก่า

“ท่านไม่ได้หมายถึงผมชัดเจนอยู่แล้ว ท่านบอกว่าพรรคที่ไม่มา แต่ผมในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย วิ่งตาลีตาเหลือก ตอนเลขาธิการนายกฯ โทรไปตามให้มาประชุมครม. เพื่อสนับสนุนและร่าง พ.ร.ก. เกี่ยวกับภาษี ในวันที่ 11 ธ.ค. เพราะวันนั้นนัดหมอ ไม่ได้ไปทำหล่อ หรือ ยิ่งเลเซอร์ แต่ไปตรวจติดตามหัวใจพริ้ว เพราะเต้นเร็วกว่าปกติ ซึ่งประเด็นที่นายทักษิณ พูดไม่ได้หมายถึงผม และพรรคภูมิใจไทย แน่นอนเมื่อดูข้อเท็จจริงไม่ใช่แน่นอน”

ถามว่าติดใจว่าพรรคเพื่อไทยออกแคมเปญ “180 วัน รอได้เพื่อรัฐธรรมนูญประชาชน อย่าเชื่ออีแอบ ล็อกสองชั้น รัฐบาลต้องลงเรือลำเดียวกัน” หรือไม่ หลังพรรคภูมิใจไทย ลงมติเห็นด้วยกับเสียงข้างมากสองชั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้ติดใจ เป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา และระบอบประชาธิปไตย ต่อให้พรรคไม่เห็นด้วย ก็เป็นแนวทางของพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่พอเสียงข้างมากบอกเห็นด้วย พรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วย แล้วไปตั้งเวทีข้างสภาฯ หรือที่ไหนไปนั่งโจมตีต่อไป เราก็ทำตามกติกา ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้ง

แน่นอนว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ย้ำหนักแน่นว่า ไม่มีความขัดแย้งใดๆ ทุกอย่างมองไปข้างหน้า ซึ่งภาพที่เห็นมันก็อธิบายชัดเจนแล้วว่า ไม่มีความขัดแย้ง หรือหากมี ก็เคลียร์กันลงตัวแล้ว อะไรประมาณนั้น ขณะเดียวกันหากพิจารณาถึงความจำเป็น นาทีนี้ถือว่าทั้งคู่ยังต้องพึ่งพากันกันอยู่

ขณะเดียวกันหากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยเวลานี้กำลัง “กระชับพื้นที่” ในสนามการเมืองท้องถิ่น อย่างการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่ๆ สำคัญ มีการกวาดต้อน “บ้านใหญ่” เข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง เพราะหากควบคุมตรงนี้ได้ ก็จะทำให้การเพิ่มจำนวน ส.ส.ในคราวหน้าได้มากขึ้น เพราะการเลือกตั้งนายกฯอบจ.ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปีหน้า มีพร้อมกันทั่วประเทศหลายจังหวัด และที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยกวาดมาได้หลายจังหวัดแล้ว

อีกทั้งการการเลือกตั้งนายกอบจ.ครั้งนี้ ยังเป็นการวัดความนิยมของ พรรคเพื่อไทย และกระแสของ นายทักษิณ ได้อีกด้วย เพราะมีการส่งผู้สมัครในนามพรรค ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทย หันมาให้การสนับสนุนอย่างจริงจังแบบนี้ ดังนั้นหากทุกอย่างผ่าน ก็ยิ่งสร้างความมั่นใจ และนี่อาจเป็นเงื่อนไขสำคัญให้เกิดการยุบสภาได้ในราวปีหน้า ซึ่งน่าจะเป็นช่วงกลางปีเป็นต้นไป ก็เป็นได้สูง

ดังนั้น หากให้สรุปแบบรวมๆ สำหรับบรรยากาศของพรรคร่วมรัฐบาลเวลานี้ก็ต้องบอกว่ามีปัญหาขัดแย้งแน่นอน โดยเฉพาะระหว่างพรรคเพื่อไทย กับภูมิใจไทยและรวมไทยสร้างชาติ เพียงแต่ว่ายังไม่ถึงขั้นแตกหัก เพราะยังไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายค้าน ขณะเดียวกัน แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะถือไพ่เหนือกว่า แต่หากเขี่ยบางพรรคออกไป มันก็จะเสียความสมดุล และยิ่งในบรรยากาศที่ผลงานไม่โดดเด่น ตัวนายกรัฐมนตรี ถูกวิจารณ์เรื่องวุฒิภาวะแบบนี้ คงไม่ทำอะไรผลีผลามแน่

แต่ขณะเดียวกันต้องจับตาดูผลการเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ หากผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยกวาดที่นั่งได้เป็นกอบเป็นกำแล้วละก็ มีโอกาสที่จะมีรายการ “ยุบสภา” ล้างไพ่ใหม่ ในช่วงกลางปีหน้าเป็นต้นไป เพราะถือว่ามั่นใจแล้วยังคุมได้ และเอาอยู่ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น