xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” กับ “หนู” ตีกอล์ฟสมานรอยร้าว หรือจะเป็นการละคร ก่อนจะร้าวหนักกว่าเดิม !! ** ชอบท้าทายระบบ สส.พรรคส้มเสี่ยงคุก แจ้งค่ายิงแอดฯ หาเสียงไม่ตรงความจริง ท้วงกลับแล้วยังทำเฉย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ “แม้ว” กับ “หนู” ตีกอล์ฟสมานรอยร้าว หรือจะเป็นการละคร ก่อนจะร้าวหนักกว่าเดิม !!

ปัญหาการปีนเกลียว ระหองระแหง ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย น่าจะมีเชื้อแห่งความไม่พอใจมาตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาลแล้ว จากการที่เพื่อไทย ในฐานะพรรคแกนนำ ยึดคืนกระทรวงคมนาคม จากภูมิใจไทย

ยิ่งต่อมาหลังการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ที่ได้ “สภาสีน้ำเงิน” ซึ่งผูกโยงกับพรรคภูมิใจไทย ปัญหาขัดแข้งขัดขา ก็มีให้เห็นถี่ขึ้น ชัดขึ้น โดยเฉพาะเกมในสภาฯ ที่เกี่ยวกับการเสนอกฎหมาย หรือเรื่องใหญ่อย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

เพราะเพื่อไทยคุมเสียงสภาล่าง แต่ภูมิใจไทยคุมเสียงสภาสูง ต่างฝ่ายต่างมี “พลังต่อรอง”

เมื่อ “เพื่อไทย” เตรียมผลักดันเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูก “ประเด็นจริยธรรม”และ เรื่องกฎหมายนิรโทษฯ ที่จะรวม มาตรา112 ด้วย เพื่อใช้เป็นเกราะกำบัง หลังจากโดนยื่นเรื่องร้องเรียนจากนักร้องหลายคน เป้าหมายหลักอยู่ที่ “แพทองธาร” ในฐานะนายกรัฐมนตรี และการยุบเพื่อไทย รวมทั้งยื่นร้องให้ตรวจสอบการเข้าแทรกแซง ครอบงำพรรค ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นพ่อ ที่ยังมีชนัก 112 พ่วงติดมาด้วย


พลันก็มีเสียงจาก“ภูมิใจไทย”และพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ กระทั่งสว. ออกมาว่า “หากไม่ได้ทำผิดจะกลัวอะไรกับเรื่องตรวจสอบ”
ทำเอา เพื่อไทยต้องตีธง ประกาศถอย... ไม่เพียงประเด็น “จริยธรรมนักการเมือง” เท่านั้น แต่ยังรวมถึง ร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม เป็นรายมาตราด้วย

ตอนนั้น “นายกฯอุ๊งอิ๊งค์” ได้แต่บอกว่า เรื่องแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาฯ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล

“เพื่อไทย” มีโอกาสเอาคืนบ้างจากเรื่อง “เขากระโดง” ซึ่ง “ตระกูลชิดชอบ” ครอบครองอยู่ 20 แปลง ประมาณ 288 ไร่ ที่ศาลฎีกาพิพากษาว่าเป็นที่ดินของการรถไฟฯ แต่กรมที่ดิน ประกาศไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ของผู้บุกรุก ครอบครอง

ทำให้ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯ และรมว.คมนาคม จากพรรคเพื่อไทย สั่งการให้การรถไฟฯ เตรียมดำเนินการฟ้องร้อง ทวงคืนที่ดินของการรถไฟทันที

แต่ก็ถูกทาง “ภูมิใจไทย” เอาคืนทันควัน ด้วยคำขู่ว่า จะรื้อฟื้นคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ และก่อนหน้าที่ “อุ๊งอิ๊งค์” จะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ อยู่

ต่อมาเมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค.นี้เอง “หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบข้าราชการกระทรวงกลาโหม หรือ “กฎหมายต้านปฏิวัติ” ที่มีเนื้อหาให้ครม. มีส่วนพิจารณาแต่งตั้งนายทหารระดับนายพล และมีอำนาจสั่งปลดนายทหารที่มีข่าวว่า จะทำการปฏิวัติ รัฐประหารได้

ช่วงนั้น “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ออกมาให้สัมภาษณ์แบบหล่อหล่อ ว่า ที่ผ่านมา เงื่อนไขการปฏิวัติก็มาจากนักการเมืองทั้งนั้น ถ้าบริหารบ้านเมืองอย่างซื่อสัตย์สุจริต ไม่ขี้โกง ทหารก็ปฏิวัติไม่ได้

คำพูดนี้เหมือนตีแสกหน้าตระกูลชินวัตร เพราะ “ทักษิณ- ยิ่งลักษณ์” ถูกทหารปฏิวัติทั้งคู่

สุดท้าย “หัวเขียง” ต้องรีบถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไป บอกว่าจะนำไปปรับปรุงใหม่

ต่อจากนั้นก็มีการสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่หัวหิน “ทักษิณ” ในฐานะวิทยากรรับเชิญ ก็ได้พูดถึง “พรรคอีแอบ” ในรัฐบาล ที่ไม่ยอมเข้าร่วมประชุมครม. เพื่อพิจารณากฎหมายภาษี พร้อมออกปากตะเพิด ว่าถ้าไม่ให้ความร่วมมือก็ลาออกไปซะ

แม้จะไม่ระบุว่าพรรคใดเป็นพรรคอีแอบ แต่มี 3 พรรค ที่อยู่ในข่ายคือ ภูมิใจไทย, รวมไทยสร้างชาติและประชาธิปัตย์

ล่าสุดในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ซึ่งกฎหมายนี้ผ่านสภาผู้แทนฯ โดยใช้เกณฑ์ผ่านประชามติ ด้วยเสียงข้างมากชั้นเดียว แต่เมื่อไปถึงวุฒิสภา ถูกแก้ไขให้เป็น เสียงข้างมาก 2 ชั้น จึงต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วม สองสภา เพื่อพิจารณา ซึ่งเสียงข้างมากของกรรมาธิการร่วมฯให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น

ต่อมาที่ประชุมวุฒิสภา ก็โหวตเห็นชอบให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น แต่เมื่อมาถึงการโหวตของสภาผู้แทน นั้นชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยและมติวิปรัฐบาลให้โหวตค้าน คือ ยืนยันจะเอาแบบ เสียงข้างมากชั้นเดียว

คราวนี้ ภูมิใจไทยไม่เล่นบท “อีแอบ” ด้วยการงดออกเสียง แต่เล่น “โหวตสวน” โดยเลือกเอาแบบเสียงข้างมาก 2 ชั้น เหมือนวุฒิสภา

ภาพที่ออกมาจึงดูเหมือนว่าพรรคร่วมรัฐบาลกำลังขัดแย้งกันหนัก ระหว่าง เพื่อไทย กับภูมิใจไทย

เรื่องนี้ “นายกฯอุ๊งอิ๊ง” แม้จะไม่พอใจ แต่ก็ต้องกล้ำกลืนบอกว่า รัฐบาลยังทำงานร่วมกันได้ เพราะนั่นเป็นเรื่องของสภาฯ ที่วิปรัฐบาลต้องไปคุยกัน

ล่าสุด ก็มีการเผยแพร่ภาพ “ทักษิณ ชินวัตร” ไปออกรอบ ตีกอล์ฟกับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่สนามกอล์ฟ Stone Hill club จ.ปทุมธานี เพื่อให้เห็นว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้มีปัญหากัน หรือจะมองว่าเป็นฉากหนึ่งของละครการเมืองก็ได้

ก็ต้องติดตามดูว่าเพื่อไทย-ภูมิใจไทย จะ “หวาน” กันได้สักกี่วัน เพราะตอนนี้ ฝ่ายค้านก็ได้ตั้งแท่นเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้ว

เมื่อถึงตอนนั้นอาจจะได้เห็นคู่นี้ เล่นเกมแทงข้างหลังกันด้วยข้อมูล ที่ยืมปากฝ่ายค้านในการอภิปรายก็เป็นได้


++ ชอบท้าทายระบบ สส.พรรคส้มเสี่ยงคุก แจ้งค่ายิงแอดฯ หาเสียงไม่ตรงความจริง ท้วงกลับแล้วยังทำเฉย

แต่ละมื้อแต่ละเดย์ “พรรคส้ม” งานเข้ารัวๆ เพิ่งมีกรณีสมาชิกพรรคที่ปราจีนบุรี ระดับอดีตประธานคัดเลือกผู้สมัครท้องถิ่นในจังหวัด ถูกค้นบ้าน จับอาวุธปืน 5 กระบอกพร้อมกระสุนหลายร้อยนัด

“สส.แก้วตา” ธิษะณา ชุณหะวัณ นั่งดูดบุหรี่ไฟฟ้า ไถจอมือถือสบายใจเฉิบในบริเวณรัฐสภา โดนนักข่าวโทร.ไปถามตอบสั้นๆ แค่ว่า ไม่สะดวกชี้แจง จนเวลาล่วงเลยมาหลายวันแล้ว

ล่าสุด ชวาล พลเมืองดี หรือ “อ.เบียร์” สส.พรรคประชาชน เขต 3 จ.ชลบุรี ถูก กกต.ดำเนินคดีอาญา ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ศ.2561 กรณียื่นบัญชีรายรับรายจ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี 2566 ไม่ถูกต้อง

หากผิดจริง โทษก็หนักเอาการ คือโดนจำคุกสูงสุด 2 ปี ปรับสูงสุด 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี

จะว่าไป เม็ดเงินส่วนที่ “อ.เบียร์” ชี้แจงแล้วไม่ตรงความจริง ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก

เป็นค่าใช้จ่ายในหมวดค่าโฆษณาในสื่อต่างๆ มันมีส่วนที่เป็นค่าบูสต์โพสต์ ในเฟซบุ๊ก เพื่อเพิ่มยอดการมองเห็น ยอดไลก์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าค่ายิงแอดฯ ผ่านเฟซบุ๊กในชื่อตัวเอง “ชวาล พลเมืองดี”

ค่าใช้จ่ายตรงนี้ “อ.เบียร์” แจ้งต่อ กกต.ว่า มีจำนวน 6,000 บาท

แต่จากการไต่สวน กกต.พบว่า “อ.เบียร์” ใช้เงินตรงนี้ 9,347.51 บาท ที่แจ้งไว้จึงขาดไป 3 พันกว่าบาท

ก็ไม่ได้มาก ไม่ได้มาย แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่า พยาน 2 คนที่เป็นอาสาสมัคร และผู้ช่วยหาเสียงที่ช่วยยิงแอดฯ ผ่านเฟซบุ๊กดังกล่าว ให้ถ้อยคำว่าที่ไม่ได้แจ้งให้ครบเพราะหลงลืม และ“อ.เบียร์” ก็ไม่ได้ทวงถามอะไรเลย

มิหนำซ้ำ เมื่อ เจ้าหน้าที่ กกต.ชลบุรี แจ้งให้ “อ.เบียร์” ตรวจสอบแก้ไขจำนวนเงินค่าใช้จ่ายให้ถูกต้อง แล้วแจ้งไปใหม่ ทาง กกต. ก็ไม่ได้รับแจ้งเพิ่มเติม

ก็ไม่รู้ว่า เพราะมั่นใจว่าถูกต้องแล้ว หรือคิดว่าตัวเลขไม่ได้มากมากอะไร ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จึงทำเฉยเสีย จนกระทั่งเลยกำหนดเวลา แล้วถูกแจ้งข้อกล่าวหา

ไม่เพียงเท่านั้น “อ.เบียร์” ยังยิงแอดฯ หาเสียง ผ่านเฟซบุ๊ก “พรรคก้าวไกล ชลบุรี - Move Forward Party Chonburi” 5 แคมเปญ เป็นเงิน 5,512.46 บาท แต่ไม่ได้นำค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ มารวมเป็นค่าใช้จ่ายหาเสียงเลือกตั้ง อ้างว่าไม่ทราบว่ามีค่าใช้จ่ายตรงนี้

พยานที่เป็นผู้ดูแลเฟซบุ๊ก ก็ให้ปากคำทำนองเดียวกับกรณีแรก ว่า ที่ไม่ได้แจ้งค่าใช้จ่ายดังกล่าวแก่ “อ.เบียร์” เพราะหลงลืม และไม่ปรากฏว่า “อ.เบียร์” ติดตามทวงถาม

ทั้งสองกรณี รวมกันจึงเชื่อได้ว่า “สส.ชวาล พลเมืองดี” จงใจยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายไม่ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริง ส่งดำเนินคดี ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.ฯ ต่อไป

เมื่อวาน หลังรู้ข่าวโดน กกต.สั่งฟันอาญา “สส.ชวาล” รีบโพสต์เฟซบุ๊กแจงทันที ว่าตนเองพร้อมพิสูจน์ตามกระบวนการของศาล ตามที่กกต.กล่าวหาว่า แจ้งค่ายิงแอดฯ facebook ผิดหลงไป 8 พันกว่าบาท และจะยังคงทำหน้าที่ต่อไปในฐานะผู้แทนราษฎรชาวชลบุรีต่อไป

งานนี้ ถึงเจ้าตัวจะแสดงความมั่นอกมั่นใจ แต่หลักฐานทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ชัดเจนว่า ค่ายิงแอดฯ ที่แจ้ง กกต.ไป มันไม่ตรงกับที่ใช้จริง จะอ้างว่าผิดหลง ก็คงจะฟังไม่ขึ้น เพราะกกต.ได้ทักท้วงแล้ว แต่ไม่ยอมแก้ไขเอง

ขั้นตอนจากนี้ก็เหลือแค่ กกต.ส่งฟ้องศาล และมีคำตัดสินออกมา ซึ่งไม่น่าจะเกิน 120 วัน

ชาวชลบุรีเขต 3 เตรียมพร้อมรับการเลือกตั้งซ่อมได้เลย.


กำลังโหลดความคิดเห็น