เมืองไทย 360 องศา
หลายฝ่ายเริ่มมองเห็นตรงกันว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย กำลังประสบกับมรสุมรุมเร้ามากขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุหลักๆ ก็ล้วนมาจากปัญหาภายใน รวมทั้งปัญหาจากภายนอกเข้ามาผสมปนเป แต่ส่วนใหญ่ล้วนมาจากเรื่องภายใน นั่นคือ “ไม่มีผลงาน” ที่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่เป็นไปตามที่สัญญาหาเสียงเอาไว้ แบบผลที่ออกมาไม่ต่างจาก “หนังคนละม้วน” หรือไม่ตรงปก นั่นแหละ
ประกอบกับยิ่งนานไป ชาวบ้านเริ่มตั้งข้อสังเกตและตั้งคำถามในเรื่อง “วุฒิภาวะ” ความเป็นผู้นำ ในเรื่องสติปัญญา เข้ามาอีก มันยิ่งทำให้มีปัญหาในเรื่องเครดิตทับถมเข้ามาเพิ่มเติมก็ยิ่งไปกันใหญ่
ขณะที่ปัญหาภายนอกประเทศ ที่กำลังเผชิญอยู่ในปีนี้ และต้องเผชิญหนักหน่วงในปีหน้า ในเรื่องเศรษฐกิจ ที่ต้องเจอกับการแข่งขันและกีดกันทางการค้าของประเทศมหาอำนาจที่กำลังทำสงครามระหว่างกัน และกระทบถึงไทยแบบเลี่ยงไม่ได้ ทำให้หลายคนมองว่าในปีหน้าเศรษฐกิจของไทยจะหนักกว่าเดิมอีก
โดยอ้างอิงจาก “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ที่มีการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ได้สรุปแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ไว้ดังนี้
1) เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโตที่ 2.4% ต่ำกว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 2.6% เล็กน้อย 2) การส่งออกคาดว่าจะเติบโตชะลอลง เนื่องจากสงครามการค้า ขณะที่ภาคการผลิตจะเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากสินค้าจีน 3) การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะเติบโตสูงขึ้น เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่มีเสถียรภาพ 4) ลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามการออกบัตรส่งเสริมของ BOI 5) การบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 แม้ว่าโมเมนตัมจะชะลอตัวลง
ข้อมูลจาก “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ยังระบุด้วยว่า การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มจะยังคงเผชิญแรงกดดันจากการลงทุนอย่างระมัดระวังของภาคธุรกิจและความท้าทายของภาคการก่อสร้างในประเทศ ซึ่งแม้ว่าในอุตสาหกรรมสำคัญของไทยจะมีมุมมองเชิงบวก เช่น การท่องเที่ยวและการส่งออก แต่ในบางอุตสาหกรรมยังต้องมีความระมัดระวังจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้มีธุรกิจจำนวนมากลังเลที่จะเพิ่มการลงทุน
นอกจากนี้ ภาคการก่อสร้างยังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ โดยมีสาเหตุหลักมาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาและความต้องการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ที่ลดลงทำให้เกิดความล่าช้าในโครงการโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้างที่ลดลง ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนโดยรวมในประเทศลดลงด้วย
ขณะที่ รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะเป็นเช่นไร เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ยังไม่แน่นอน โดยเฉพาะปัญหาการเมือง ไม่รู้ว่าปีหน้าจะมีการลงถนนเกิดขึ้นหรือไม่ ผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลภายใต้การนำของเพื่อไทยหรือไม่ อย่างไร จะมีการยุบสภาในเดือน พ.ค.2568 อย่างที่หลายคนคาดการณ์ หรือเปล่า จะมีการเลือกตั้งใหม่หรือเปล่า
ถ้าการเมืองมีความวุ่นวายอาจจะส่งผลให้ไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์พลิกผันก่อนที่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีจะแล้วเสร็จ จะทำให้การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐล่าช้าเหมือนที่ผ่านมา แต่ถ้าการเมืองนิ่ง ทุกอย่างผ่อนคลายก็ไม่มีปัญหาที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยสะดุด
นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะทำสงครามการค้า ซึ่งหลายคนเกรงว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้ไทยส่งออกไม่ได้
สำหรับปัจจัยภายในประเทศที่คาดว่า รัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต้องเจอแน่นอนในปีหน้า นั่นคือเรื่องผลงานที่เริ่มมองเห็นแนวโน้มแล้วว่า “ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน” ห่างไกลจากที่คุยโม้เอาไว้มาก ตัวอย่างที่ผ่านมาเห็นกันอยู่แล้ว ไม่ต้องสาธยายกันมาก เพราะแม้แต่คนที่ “อวย” กันแบบสุดลิ่ม อย่าง นายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ก็เคยออกมาเตือนดังๆรอบหนึ่งแล้ว ล่าสุดก็ออกมาอีกรอบว่า หากภายใน 6 เดือนนี้ ยังไม่มีอะไรออกมาให้ชัดจะอยู่ลำบากแน่นอน
เขาโพสต์เฟซบุ๊ก ว่า รัฐบาลเพื่อไทยและคุณทักษิณ จะอยู่ได้หรือไม่ พรรคร่วมก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่หัวใจที่สำคัญก็คือ ผลงานที่จะสร้างให้กับประชาชนต่างหากที่จะเป็นตัวกำหนด...นายกอุ๊งอิ๊งค์ มาเกือบครึ่งปีแล้ว ยังโซงโลง เซงเลงอยู่... หกเดือนต่อแต่นี้ถ้ายังเป็นเช่นที่ผ่านมา ไม่มีผลงานดังที่แถลงและดังที่คุณทักษิณทอล์กโชว์ไปในหลายเวที ที่ว่าจะแก้โน่นแก้นี่ แต่ถึงเวลาแล้วก็ยังแก้ไม่ได้ จะแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ก็คงจะไม่ได้อีกต่อไป..
ศัตรูหมู่มารทั้งในสภานอกสภา ทั้งขาเก่าขาใหม่ ก็จะถาโถมเข้าโจมตี จะอยู่ได้หรือไม่ และจะไปได้รอดตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ไม่ใช่เสียงในสภาหรือพรรคร่วม แต่มันจะเป็นสหบาทาที่ร่วมกันถล่มโจมตี เมื่อถึงวันนั้นเพื่อไทยก็เพื่อไทยเถอะ..พรรคร่วมคงกระสานซ่านเซ็น แตกกระเจิงกระโดดลงจากเรือไปคนละทิศคนละทาง... ซึ่งพรรคไทยรักไทยและคุณทักษิณเคยเจอมาแล้ว...หวังว่าวันนี้คงไม่เป็นเช่นวันนั้น
หากพิจารณากันตามความจริงมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ว่า รัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร แทบมองไม่เห็นผลงานอะไรเลย ดังที่เห็นจากการแถลงครบรอบ 90 วันที่ผ่านมา ที่เธอไม่มีอะไรที่โชว์ออกมาได้เลย ส่วนใหญ่เป็นแบบแถลงนโยบายที่คิดจะทำในปีหน้าทั้งสิ้น หากจะบอกว่า “แจกเงินหมื่น” คือผลงาน ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะการแจกเงินไม่น่าจะใช้สติปัญญาอะไรนัก แถมเป็นเงินงบประมาณเงินชาวบ้านเสียอีก แถมยังแจกแบบไม่ตรงปก ส่วนการขึ้นค่าแรงนั้นอย่าว่าแต่วันละ 600 บาทตามเคยคุยเอาไว้ แค่วันละ 400 บาท ตอนนี้ยังมองไม่เห็นอนาคตเลย รวมไปถึงเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ขณะที่นโยบายอื่นๆ ที่ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพ่อ แถลงนำร่องออกมาล้วนมีความเสี่ยงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น “เอนเตอร์เทนเมนคอมเพล็กซ์” ที่กำลังผลักดันเต็มสูบ รวมไปถึง “เอ็มโอยู44” ที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน ล้วนเป็นเงื่อนไขทำให้เกิดหายนะทั้งสิ้น
นี่ว่ากันด้วยผลงานและนโยบายของรัฐบาล และตัวนายกรัฐมนตรีล้วนที่ต้องเจอในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่เมื่อพิจารณาจากผลงานในอดีตสามารถมองเห็นแนวโน้มได้ไม่ยากว่าผลจะออกมาเช่นไร ยิ่งในปีหน้าต้องเจอกับเกมในสภา ที่กำลังจะมาอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าก็คือ “เกมซักฟอก” ที่ต้องโดนแน่ ซึ่งจะมีการพิสูจน์วุฒิภาวะให้เห็นกันจะจะอีกรอบ ถึงได้บอกว่า ทุกอย่างมันหลอกกันไม่ได้ ต้องเผยออกมาแน่นอน!!