xs
xsm
sm
md
lg

สภารุมค้านเพิ่มอำนาจ กมธ.เรียกเอกชนสอบ หวั่นสบช่องเรียกประโยชน์ ก่อนลงมติหนุนทั้งฉบับ ชงต่อ สว.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สภา” รุมค้าน เพิ่มอำนาจ “กมธ.” เรียกเอกชนสอบ หวั่นเปิดช่องให้เรียกผลประโยชน์มิชอบ ก่อนจะลงมติเห็นชอบทั้งฉบับ ส่งวุฒิสภาดำเนินการต่อ

วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ. อำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ... ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่มี นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน กมธ. พิจารณาแล้วเสร็จ โดยมีสาระสำคัญเพื่อให้กรรมาธิการสามัญ กรรมาธิการวิสามัญของสภา หรือ วุฒิสภา มีอำนาจเรียกบุคคลเข้ามาชี้แจงต่อกรรมาธิการ รวมถึงเรียกเอกสาร ข้อมูลให้ตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาในวาระสอง เรียงตามลำดับมาตรานั้น มีการถกเถียงกันอย่างหนักในส่วนของมาตรา 4 ว่าด้วยคำนิยาม ที่ กมธ.แก้ไข ให้คำว่า “คณะกรรมาธิการ” หมายรวมถึง กรรมาธิการสามัญ กรรมาธิการวิสามัญของรัฐสภา ที่อาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญได้ โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย รวมถึง สส.ของพรรคเพื่อไทยบางส่วน โต้แย้งว่า การแก้ไขของกรรมาธิการนั้น สุ่มเสี่ยงที่ถูกยื่นตีความต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ เพราะรัฐสภาไม่เคยมีการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ อย่างไรก็ดี กรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่ได้ชี้แจงรายละเอียดว่าไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่รัฐสภาจะตั้งกรรมาธิการสามัญได้ แต่ได้เขียนเพื่อรองรับไว้เท่านั้น ก่อนที่ที่ประชุมจะลงมติเห็นด้วยกับกรรมาธิการ

นอกจากนี้ ในมาตรา 13 ว่าด้วยข้อกำหนดหน้าที่ให้ นายกฯ หรือรัฐมนตรี รับผิดชอบต่อกรณีที่ที่ไม่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในกำกับ ส่งเอกสาร หรือแถลงข้อเท็จจริงตามหนังสือเรียยกของต่อคณะกรรมาธิการ ซึ่งกำหนดให้นายกฯ หรือรัฐมนตรีต้องมาแถลง หรือชี้แจงให้เหตุผลต่อที่ประชุมสภา วุฒิสภา หรือรัฐสภา ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นบทบังคับได้จริงหรือไม่ เนื่องจากไม่พบการกำหนดโทษหากไม่ปฏิบัติตามไว้ พร้อมเปรียบเทียบกับการตอบกระทู้ถามสดหรือกระทู้ถามทั่วไปที่นายกฯ หรือรัฐมนตรีส่งตัวแทนได้ โดย นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะกรรมาธิการ ชี้แจงว่า การกำหนดให้เป็นหน้าที่ของนายกฯ และรัฐมนตรี กรณีที่ไม่สั่งการ สามารถลงโทษตามกฎหมายอื่นได้ เช่น การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นต้น ทั้งนี้ มติของที่ประชุมเสียงข้างมากเห็นด้วยกับกรรมาธิการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อที่ประชุมอภิปรายถึงมาตรา 14 ว่าด้วยบทลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่มาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความเห็นตามที่กรรมาธิการเรียก ถือว่ามีความผิดทางวินัย ฐานไม่รักษาประโยชน์ของราชการ และให้คณะกรรมาธิการมีหนังสือแจ้งไปยังผู้บังคับบัญชา หรือผู้อำนาจแต่งตั้ง ถอดถอน เพื่อดำเนินการทางวินัย โดยผู้บังคับบัญชาต้องแจ้งผลการดำเนินการต่อคณะกรรมาธิการภายใน 30 วัน ขณะเดียวกัน หากผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งหรือถอดถอนไม่ดำเนินการทางวินัย ตามกรอบเวลา ถือว่าผู้บังคับบัญชานั้นจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมายหรือกระทำผิดตามวินัย

พบว่า มีการอภิปรายโต้แย้งการแก้ไขของกรรมาธิการ โดย นพ.ชลน่าน ที่ระบุว่า การกำหนดบทบัญญัติดังกล่าวมีการย้อนแย้งและส่อที่จะขัดกับรัฐธรรมนูญ เพราะในมาตราก่อนหน้านี้ ที่กำหนดให้นายกฯ หรือรัฐมนตรีสั่งการเจ้าหน้าที่รัฐในกำกับ กลับพบว่า กรรมาธิการตัดบทบัญญัติที่เอาผิดนายกฯ และรัฐมนตรีในแง่จริยธรรมออก จึงทำให้ร่าง พ.ร.บ.อำนาจเรียกมีลักษณะหัวมังกุ ท้ายมังกร และอาจมีปัญหาในอีกหลายมาตรา เพราะการแก้ไขของกรรมาธิการนั้น บางประเด็นได้ขัดกับความเห็นของกรรมการกฤษฎีกาที่ทำหน้าที่ในกรรมาธิการ ทั้งที่ควรรับฟัง ดังนั้น ขอให้กรรมาธิการพิจารณา

ทั้งนี้ ในกรรมาธิการเสียงข้างมาก ชี้แจงว่า เนื้อหาดังกล่าวไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญใน พ.ร.บ.คำสั่งเรียก เพราะบทลงโทษไม่ได้สัดส่วนเท่านั้น ดังนั้น การกำหนดบทลงโทษทางวินัยจึงสามารถทำได้ ทั้งนี้ มติของที่ประชุมเสียงข้างมากเห็นด้วยกับกรรมาธิการ

นอกจากนั้นแล้ว ในร่าง พ.ร.บ.มีมาตราที่กรรมาธิการเพิ่มขึ้นใหม่ เพื่อให้มีผลบังคับไปยังบุคคลที่ประกอบอาชีพหรือกิจการในภาคเอกชน ทั้งนี้ มี สส.ที่เห็นโต้แย้ง โดย นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า การเขียนกฎหมายให้ครอบคลุมถึงบุคคลนั้น ถือว่าเป็นการใช้อำนาจเกินกรรมาธิการ หากจะเขียนให้ครอบคลุมธุรกิจขนาดใหญ่ที่รัฐควบคุม ควรเขียนให้ชัดเจน เช่น ธุรกิจที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานรัฐ แต่หากเขียนถึงบุคคล ถือว่าทำเกินกว่าเป็นกรรมาธิการ

ขณะที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายโต้แย้งด้วยว่า หากไม่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน จะทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้ ดังนั้นกฎหมายทั่วไปจึงเขียนไม่ให้กรรมาธิการยุ่งกับเอกชน ระวังสภาจะถูกตำหนิและเป็นช่องโหว่เรียกรับประโยชน์โดยใช้มาตราดังกล่าว

“ขนาดเจ้าหน้าที่รัฐยังไม่เว้น หลายคนโดยขูดรีด ผมรู้แต่ไม่อยากพูด ฐานะเป็นสมาชิก หมดสมัยแล้วที่กรรมาธิการอย่าเอาอำนาจตัวเองมาเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบ สุ่มเสี่ยงว่าจะมีใครจะตรวจสอบ ทั้งนี้ ประชาชนให้อำนาจเพื่อตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน กำกับดูแล แต่หากเรียกเอกชน ประชาชนตรวจสอบ เขาบริหารราชการแผ่นดินหรือ ขอกรรมาธิการตอบให้ได้” นพ.ชลน่าน อภิปราย

ทั้งนี้ กรรมาธิการชี้แจงว่า คำว่าบุคคลคือ นิติบุคคล ทั้งนี้ การเขียนมาตราดังกล่าวถือเป็นความคับข้องใจที่ไม่สามารถเรียกเอกชนมาได้ แม้ว่าขาทำผิดต่อประชาชนหมู่มาก อย่างไรก็ดี มาตราที่กรรมาธิการเพิ่มขึ้นใหม่นั้น ไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสภา ด้วยมติไม่เห็นด้วย 248 เสียง ต่อ 156 เสียง และงดออกเสียง 1 เสียง

อย่างไรก็ตาม หลังจากเสร็จการพิจารณาเรียงลำดับมาตราแล้วเสร็จ ได้ลงมติวาระ 3 เห็นชอบ 398 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง จากนั้นจะส่งให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น