xs
xsm
sm
md
lg

ศาล ปค.ยกฟ้อง “บ.อัคราฯ” ขอเพิกถอนคำสั่งแก้ปัญหาบ่อกักเก็บกากแร่เหมืองทองพิจิตรรั่วซึม ชี้ เป็นคำสั่งที่มีเหตุผล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศาลปกครองพิพาษา ยกฟ้องคดี บริษัท อัครารีซอร์สเซสฯ ขอให้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานฯ ที่ให้บริษัทแก้ไขปัญหาบ่อกักเก็บกากแร่รั่วไหลในเหมืองทองคำ จ.พิจิตร ชี้ เป็นคำสั่งที่ไม่ผิดกฎหมาย มีเหตุจากบริษัทไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม


วันนี้ (18 ธ.ค.) ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ที่สั่งให้บริษัทดำเนินการแก้ปัญหาการรั่วซึมของบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 มิให้มีการรั่วซึม และแก้ไขปัญหาของคุณภาพน้ำในบ่อสังเกตการณ์และบ่อดักตะกอน ขุมเหมือง บ่อรับน้ำฉุกเฉินในบริเวณพื้นที่ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ จังหวัดพิจิตร ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด

ทั้งนี้ คดีดังกล่าว บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ และเป็นผู้ถือประทานบัตรจำนวน 14 ฉบับ ในท้องที่ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ได้ยื่นฟ้อง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ที่ 1 รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกำกับตรวจสอบกระบวนการผลิต ที่ 2 ผู้ถูกฟ้องคดี โดยอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่ง ที่ อก 0506/3255 ลงวันที่ 2 ส.ค. 61 ให้บริษัทฯดำเนินการแก้ปัญหาการรั่วซึมของบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 มิให้มีการรั่วซึม และแก้ไขปัญหาของคุณภาพน้ำในบ่อสังเกตการณ์และบ่อดักตะกอน ขุมเหมือง บ่อรับน้ำฉุกเฉินในบริเวณพื้นที่โครงการให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 คำวินิจฉัยอุทธรณ์ ที่ 1/2562 ลงวันที่ 26 ก.ย. 62 ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี แจ้งตามหนังสือกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ อก 0202/7272 ลงวันที่ 26 ก.ย. 62 ซึ่งบริษัทฯเห็นว่า คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว

ส่วนที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้องระบุเหตุผลว่า เมื่อคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงการรั่วซึมของบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 ที่ได้รับแต่งตั้งจากคณะทำงานตรวจสอบและแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ในการประชุมครั้งที่ 3/2559 เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 59 มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะทำงานย่อยผู้เชี่ยวชาญการตรวจสอบข้อเท็จจริงการรั่วซึมของบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 และดำเนินโครงการสำรวจตรวจสอบโอกาสรั่วไหลของสารพิษจากบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 (TSF 1) ของเหมืองแร่ทองคำผู้ฟ้องคดี จังหวัดพิจิตร โดยใช้แนวคิดจากหลักวิชาการวิทยาศาสตร์ทางด้านธรณีฟิสิกส์ ใช้วิธีการตรวจวัดความต้านทานไฟฟ้าในบริเวณพื้นดินบริเวณโดยรอบบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 ได้แก่ Trasiengntice Electromagnetice (TEM) และ Electrical Resistivity Imaging (ERI) และการใช้ข้อมูลทางธรณีเคมีและวิธีการไอโซโทป การวิเคราะห์ Stable Isotope ratio ของดิวทีเรียม ต่อไฮโดรเจนและออกซิเจน 18 ต่อออกซิเจน 16 การหาอายุน้ำและการวิเคราะห์ Stable Isotope ของ 87Sr/86Sr กรณีจะเห็นได้ว่า การพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมจากภาคส่วนต่างๆ จำนวนมาก และใช้วิธีการในการตรวจสอบตามหลักทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ รวมถึงมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่โดยรอบอย่างรอบด้าน เมื่อข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบฟังได้ว่า 1. พบความผิดปกติทางความต้านทานไฟฟ้าที่แสดงถึงการรั่วไหลของน้ำของเหมืองแร่รั่วไหลจากบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 และพบความผิดปกติของธรณีเคมีร่วมกับไอโซโทป ซึ่งแสดงว่า น้ำจากบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 ไหลมาถึงบ่อสังเกตการณ์ 5338 และ 6691 แต่สารหนูที่พบในบ่อเฝ้าระวังดังกล่าว ไม่ได้มาจากบ่อกักเก็บกากแร่ 2. จากการตรวจสอบน้ำผุดบริเวณนาข้าว (ครั้งที่ 2 ปี 2559 และครั้งที่ 3 ปี 2560) ตามที่มีการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ ไม่พบไซยาไนด์ปนเปื้อนในน้ำอย่างมีนัยสำคัญ และพบการปนเปื้อนซัลเฟตในน้ำผุดที่สอดคล้องกับผลน้ำจากบ่อเฝ้าระวังและผลการวิเคราะห์ทางเคมีชี้ว่า น่าจะเป็นน้ำรั่วไหลจากบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 ทั้งนี้มีการตรวจพบแมงกานีสในน้ำผุด (ครั้งที่ 3) ในปริมาณที่สูง

เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การรั่วไหลของบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 มีสาเหตุมาจากการประกอบกิจการของบริษัทที่มิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ ดังนั้นการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งตามหนังสืออุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ที่ อก 0506/3255 ลงวันที่ 2 ส.ค.61 ให้บริษัทแก้ไขปัญหาการรั่วซึมของบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 มิให้มีการรั่วซึมและให้แก้ไขคุณภาพน้ำในบ่อสังเกตการณ์และบ่อดักตะกอน ขุมเหมือง บ่อรับน้ำฉุกเฉินในบริเวณพื้นที่โครงการให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด และการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 อาศัยข้อเท็จจริงและกฎหมายเดียวกันกับผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 แล้วยืนยันคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ที่ 1/2562 ลงวันที่ 26 ก.ย. 62 ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี แจ้งตามหนังสือกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ อก 0202/7272 ลงวันที่ 26 ก.ย. 62 จึงเป็นการออกคำสั่งที่มีเหตุผลที่รับฟังได้ จึงไม่ใช่การกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย


กำลังโหลดความคิดเห็น