“หมอเปรม“ปลุกสว.ร่วมต้านกฎหมายเปิดทางขายบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ห่วงถ้าแก้ไขสำเร็จเป็นการทำลายชาติ และทำร้ายเยาวชนอย่างเลือดเย็น หนุนราชวิทยาลัยแพทย์ฯชักธงรบเต็มที่
ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีการพิจารณารายงานประจำปี 2566 กองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม และมี นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส.เป็นผู้ชี้แจงรายงานต่อที่ประชุมวุฒิสภา
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายสนับสนุนการทำงานของ สสส.ในการขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาพคนไทยครบทุกมิติอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตามตนมีความเป็นห่วงเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังระบาดอย่างมาก ซึ่งการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าสิ่งสำคัญอยู่ที่กฎหมาย แต่ปัจจุบันข้อกฎหมายกระจายอยู่ในหลายหน่วยงาน ไม่มีการรวมไว้ที่ใดที่หนึ่ง ไม่มีเจ้าภาพใหญ่ เวลาประชุมหน่วยงานต่างๆจะโยนกลองเป็นประจำ ทำให้วิ่งไล่แก้ปัญหาเท่าไหร่ก็ไม่จบ แม้แต่สถานศึกษาตรวจยึดจับเด็กนักเรียนสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้ ครูก็ไม่มีอำนาจดำเนินการ ทั้งที่ขายอยู่หน้าโรงเรียน
ทั้งนี้ล่าสุดราชวิทยาลัยแพทย์แห่งประเทศไทยได้ออกมาต่อต้านการแก้กฎหมายให้บุหรี่ไฟฟ้าขายได้อย่างถูกกฎหมาย เพราะได้ยินข่าวว่าจะมีการแก้กฎหมายให้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกต้อง ขณะนี้ราชวิทยาลัยการแพทย์แห่งประเทศไทยชักธงรบแล้ว แต่สนามการแก้กฎหมายคือรัฐสภา ตนเป็น สว.สิ่งที่ทำได้คือประกาศจุดยืนว่าไม่เห็นด้วย ขณะนี้มีการพิจารณาร่างกฎหมายอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎร แต่มีการนำคนที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับบุหรี่ไฟฟ้ามาเป็นกรรมาธิการฯ อย่างนี้กฎหมายจะออกมาอย่างไรก็น่าจะรู้ เปิดถ้วยไฮโลแทงก็จะรู้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะนำเข้าได้อย่างถูกกฎหมายในสมัยประชุมนี้
“ผมขอ ปลุก สว.ร่วมต่อต้าน ถ้าบ้านเรานำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมายได้เมื่อไหร่ ก็เป็นการทำลายชาติอย่างเลือดเย็นที่สุด เป็นการทำลายเยาวชน มีคำกล่าวว่าอนาคตของชาติอยู่ที่เยาวชน วันนี้อนาคตของเยาวชนอยู่ที่บุหรี่ไฟฟ้า แล้วอนาคตของบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ที่กฎหมายที่จะเปลี่ยนให้เป็นสินค้าถูกกฎหมาย สว.เตรียมรับมือได้เพราะกฎหมายนี้จะผ่านมาถึงวุฒิสภาแน่นอน ทางที่จะแก้คือการรวมพลังต่อต้าน ถ้ามีกฎหมายนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมาย ผมจะเป็นคนหนึ่งที่ ร่วมต่อต้าน”นพ.เปรมศักดิ์กล่าว
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่าอยากให้มองไปข้างหน้าว่าในปี 2568 เราจะผนึกกำลังอย่างไรอย่างในการต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้า เช่น การสร้างแนวร่วมในโรงเรียน เป้าหมายของบุหรี่ไฟฟ้าคือ โรงเรียน ต้องมีแนวร่วมมาช่วย ที่ผ่านมาเคยมีโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เรามีโครงการเยาวชนจิตอาสา เพราะไม่มีใครบอกใครได้ดีที่สุดเท่าเยาวชนบอกกันเอง เพราะเยาวชนไม่เชื่อใคร พ่อแม่ก็ไม่เชื่อ แต่เขาจะเชื่อเพื่อนของเขา ถ้าเพื่อนบอกเพื่อนจะดีขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้เป็นช่วงเวลาที่กำลังจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ ทั้งในส่วนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดที่กำลังมีการเลือกตั้งไปเรื่อยๆ และปี 2568 จะมีการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาล เราทำยังไงนโยบายในการต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าหรือนโยบายการต่อต้านสารเสพติดจะไปอยู่ในผู้นำที่จะอาสาลงสมัครเหล่านี้ได้ ไม่อย่างนั้นการแก้ปัญหาคงจะไม่สำเร็จเพราะอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล ถ้าเราทำได้จะเป็นการถ่ายเลือดท้องถิ่นเปลี่ยนแปลงผู้นำท้องถิ่นยุคใหม่ ต้องให้เอานโยบายสุขภาพเป็นนโยบายในการรณรงค์เลือกตั้ง ไม่ใช่เอานโยบายจ่ายเสียงละเท่าไหร่มาเสนอประชาชน