“สมศักดิ์” นำข้าราชการประกาศต้านโกง ยกสาธารณสุขใสสะอาด ร่วมต้านทุจริต พร้อมแถลงข่าวขับขี่ปลอดภัยช่วงปีใหม่ มั่นใจปีนี้ ตัวเลขบาดเจ็บ – เสียชีวิตลดลง เตรียมควงปลัดกระทรวงลงพื้นที่ ตรวจสอบเหตุ ดรามาให้คนไข้ซื้อช้อนทานข้าวเอง
วันนี้ (16 ธ.ค. 2567) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีประกาศเจตนารมณ์ “กระทรวงสาธารณสุขใสสะอาด ร่วมต้านทุจริต (MOPH Together Against Corruption)” ประกาศเจตนารมณ์นโยบายไม่รับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (No Gift Policy) กระทรวงสาธารณสุข และประกาศเจตนารมณ์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ การล่วงละเมิดและการคุกคามทางเพศในการทำงาน โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหาร ข้าราชการกระทรวงเข้าร่วมพิธี
นายสมศักดิ์ นำข้าราชการกล่าวคำประกาศเจตนารมณ์พร้อมกำมือขวาวางไว้ที่หน้าอกซ้าย โดยมีใจความว่า จะยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ อันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะเป็นคนดี มีคุณธรรม ประพฤติปฏิบัติตนในสัมมาอาชีพ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลักสำคัญ ยึดมั่นในความยุติธรรม กล้ายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่กระทำการโกงแผ่นดิน ไม่อดทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ ไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่หาประโยชน์ บนความทุกข์ยากของประชาชน รวมทั้งไม่กระทำการอันเป็นการขัดกัน ระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม ไม่รับของขวัญและของกำนัลทุกชนิด จากการปฏิบัติหน้าที่ เคารพสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ของผู้ปฏิบัติงาน ไม่กระทำการใด ที่เป็นการแสวงหาประโยชน์ทางเพศล่วงละเมิด และคุกคามทางเพศ ในการทำงานและขอถวายสัจวาจาว่า จะประพฤติปฏิบัติตน ตามรอยพระยุคลบาท สืบสานพระราชปณิธาน รักษา ต่อยอด ศาสตร์ของพระราชาผู้ทรงธรรม ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยความเพียรอันบริสุทธิ์ ยืนเคียงข้างสุจริตชน เพื่อจรรโลงและนำพาประเทศไทย ให้รุ่งเรืองวัฒนาสถาพรสืบไป
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ได้มีการมอบโล่เชิดชูเกียรติหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ที่มีผลการประเมิน ITA ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จากสำนักงาน ป.ป.ช. ในระดับผ่านดี จำนวน 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข คะแนนเฉลี่ย 93.92 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา คะแนนเฉลี่ย 93.81 และ กรมอนามัย คะแนนเฉลี่ย 91.68 ตามลำดับ
จากนั้นนายสมศักดิ์ แถลงข่าว ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ “เดินทางปลอดภัย ใส่ใจสุขภาพ” ว่า ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มักเป็นช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสูง ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจาก การดื่มแล้วขับ ขับรถเร็วและการหลับใน จากสถิติสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 7 วันอันตราย ในปี 2567 พบว่า เกิดอุบัติเหตุกว่า 2,000 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 284 ราย และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 19,000 ราย ในการเตรียมความพร้อม ดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 นี้ กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุทางถนน เช่น การเปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข และเตรียมความพร้อมของหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว หรือท่องเที่ยวอย่างมีความสุข
“ผมขอฝากกับพี่น้องประชาชนว่า หากดื่มต้องไม่ขับ หากขับต้องไม่ดื่ม ไม่ขับรถเร็ว เคารพกฎจราจร หากขับรถทางไกล สภาพร่างกายต้องพร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าง่วง ควรหยุดพัก จนหายง่วงและสดชื่น ควรสวมหมวกกันน็อค คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ว่าจะเดินทางไกลหรือใกล้ และขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทุกท่าน ที่เสียสละเวลาเพื่ออำนวยความสะดวก ให้แก่พี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาล และขออวยพรปีใหม่ให้ทุก ๆ ท่าน มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเที่ยวปีใหม่สุขใจ ปลอดโรค ปลอดภัย ทุกคน” นายสมศักดิ์ กล่าว
จากนั้นได้รับชมการสาธิตของ อสม.ในการประเมินอาการคนเมา ซึ่งมี 3 ข้อ คือ 1.ให้แตะจมูก 2.ให้เดินเท้าต่อกัน 3.ให้ยกขาขึ้น 1 ข้าง ถ้าไม่สามารถทำได้ต้องให้หยุดพักก่อน
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การขับขี่บนท้องถนนในช่วง 7 วันอันตราย จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมา แต่เมื่อมีการรณรงค์ติดต่อกันมา อัตราการผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตความสูญเสียก็ลดลงนอกจากนี้ยังจะมีการตรวจสุขภาพ ทำกฎหมาย รณรงค์ การตรวจสภาพรถ เมาไม่ขับ คนขับต้องไม่เมา มั่นใจว่าปีนี้ตัวเลขอุบัติเหตุจะลดลงจากการเรียนรู้ของหลายกระทรวงที่ร่วมกันรณรงค์
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงประเด็นดราม่าโรงพยาบาลประจำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ ให้คนไข้ซื้อช้อนรับประทานอาหารว่า ตนกับปลัดกระทรวงสาธารณสุขชวนกันลงพื้นที่ไปดู ว่าเป็นโรงพยาบาลไหน ขอให้บอกมา เรื่องคิดเงินค่าช้อน คงไม่เป็นเหตุทั่วประเทศ เพราะกระทรวงไม่มีนโยบายให้คนไข้ต้องซื้อช้อนเอง อาจจะเป็นกรณีพิเศษอะไร ต้องไปดูกัน ซึ่งข่าวไม่บอกว่าใครเป็นคนสั่งให้ไปซื้อ เดี๋ยวจะเสียหายกันหมด บอกชื่อมาด้วยจะไปตรวจสอบให้ ปกติช้อนทางโรงพยาบาลมีให้อยู่แล้ว บางทีผู้ติดตามคนป่วยอาจจะนำไปเอง แล้วทำให้เข้าใจผิด เข้าใจถูก เดี๋ยวไปดูกัน ก็จะไปอยู่แล้วศรีสะเกษ
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่โรงเรียนแพทย์ออกประกาศกรณีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีการปรับเกณฑ์การจ่ายเงินค่ารักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งใหม่ ดังนั้นจึงขอให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) เมื่อเข้ามารับการรักษาในโรงเรียนแพทย์ ต้องมีใบส่งตัวนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป ว่า ค่ารักษาพยาบาลในบางส่วนระหว่างโรงเรียนแพทย์กับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่เท่ากัน ซึ่งถือเป็นปัญหา ดังนั้น สปสช.และคณะผู้บริหารทั้งหลายจึงพยายามที่จะปรับให้ค่ารักษาเท่ากัน โรงเรียนแพทย์ทำละเอียดทำทุกมุม ขณะที่ โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ทำการรักษาตามปกติ ทำให้ตัวเลขค่ารักษาในบางรายแตกต่างกัน ดังนั้นนี่เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เราพยายามที่จะให้ได้เท่ากัน และอยู่ระหว่างการพูดคุย
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องใบส่งตัวนั้น โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเมื่อไปรักษาที่ไหนไม่จำเป็นต้องมี เพราะเรามีฐานข้อมูลดิจิทัลเรียบร้อย แต่ในส่วนของโรงเรียนแพทย์ ต้องคุยกันว่าจะทำอย่างไร ซึ่งขณะนี้ก็ยังคุยกันอยู่ ผู้บริหารกำลังคุยกันอยู่ จนถึงเมื่อคืน(15 ธ.ค.) ก็ยังคุยกันอยู่ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปส่วนตัวคิดว่าคงไม่ได้เป็นประเด็นปัญหาอะไร เราต้องยึดแนวทางของการปฏิบัติให้เกิดความสะดวก ความโปร่งใส ตนยังยืนยันว่าอยากให้ราคารักษาเท่ากัน จึงต้องรอสักระยะเพื่อทำความเข้าใจกัน เชื่อว่าผู้บริหารจะต้องคุยกันจนมีผลสรุปออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งวันที่ 1 ม.ค.2568 ต้องมีความชัดเจนอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว อีกทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะประกาศคิกออฟเรื่องดังกล่าวในวันที่ 25 ธ.ค. ดังนั้นความชัดเจนยังพอมีเวลาอยู่
เมื่อถามถึงทิศทางที่พูดคุยกันกับโรงเรียนแพทย์เป็นอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มันก็มีจบกับไม่จบ แต่โรงเรียนแพทย์เขาเรียนว่าค่าใช้จ่ายสูง แล้วเราจะไปเอาเงินจากที่ไหนมามากมายไปทั้งหมด เราก็ต้องมาคุยกัน จะต้องคุยกันทุกมุม ซึ่งรวมถึงเรื่องใบส่งตัวด้วย
“ขอย้ำว่าอยากให้เป็นระบบเดียวเหมือนกันหมด แต่มันทำไม่ได้ เพราะผมต้องการให้มันง่าย ความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ หากมันเท่ากันในทางบัญชีต่างๆ แต่ถ้าไม่เหมือนกัน จะทำอย่างไรให้เข้าใกล้กัน ซึ่งต้องปรับแนวทางอยู่เรื่อยๆ ทั้งงบปลายเปิด ปลายปิด หากไม่คิดปรับอะไรเลย แล้วมีแต่เติมเงินเข้ามาเยอะๆ เรื่อยๆ คงไม่ได้ เราต้องปรับ แม้แต่ยุทธศาสตร์ป้องกันก็ยังปรับเพื่อลดค่าใช้จ่าย และมีตัววัดว่าต้องออกมาดีด้วย” นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามถึงค่ารักษาของโรงเรียนแพทย์สูง เหลื่อมจาก รพ. สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ประมาณเท่าไหร่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เช่น รพ. สังกัดกระทรวงสาธารณสุข กรณีผู้ป่วยนอก 500 บาท คลินิกเกือบ 500 บาท ส่วนโรงเรียนแพทย์ 1,500 บาท ส่วนโรคมะเร็งเป็นตติยภูมิแล้ว ให้เขาไปคุยกันก่อน เมื่อถามว่าระบบฐานข้อมูล รวมถึงใบส่งตัวดิจิทัล ไม่ใช่ระบบเดียวกันใช่หรือไม่ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ยังไม่ถึงตรงนั้น ส่วนที่เขาต้องการใบส่งตัวนั้น เพื่อต้องการในส่วนของค่ารักษา