xs
xsm
sm
md
lg

UN จี้ รบ.เร่งแก้ความรุนแรงทางเพศและในครอบครัว เป็นแบบอย่างความเท่าเทียมทางเพศในเอเชีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้หญิงและเด็กยูเอ็น จี้รัฐบาลไทยเร่งแก้ปัญหาความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงในครอบครัว เพื่อเป็นแบบอย่างของความเท่าเทียมทางเพศในเอเชีย


วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ดร.ไฮนา ลู (Haina Lu) และ ดร. อิวาน่า คริสติค (Ivana Krstić) ผู้เชี่ยวชาญคณะทำงานแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิง แถลงข่าวสรุปการปฏิบัติภารกิจประเมินความคืบหน้าและข้อท้าทายในการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศและขจัดการเลือกปฏิบัติ อีกทั้งพิจารณาหลายแง่มุมของชีวิตผู้หญิงและเด็กผู้หญิงในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 2-13 ธ.ค. 2567 ตามคำเชิญของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่า การเยือนประเทศไทยครั้งนี้ คณะทำงานฯ ได้มีการพบปะหารือเจ้าหน้าที่รัฐทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ผู้หญิงและเด็กผู้หญิง องค์กรภาคประชาสังคม หน่วยงานสหประชาชาติ และผู้อื่นที่เกี่ยวข้องในกรุงเทพมหานคร จ.ตาก เชียงใหม่ และสงขลา ต้องขอชื่นชมประเทศไทยที่มีความก้าวหน้าด้านสิทธิผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ทั้งทางด้านกฎหมายและในเชิงสถาบันต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษา สาธารณสุข และการจ้างงาน ทำให้ดัชนีช่องว่างระหว่างเพศในระดับโลก พ.ศ. 2567 (2024 Global Gender Gap Index) โดยเลื่อนขึ้นจากอันดับที่ 74 ในปี พ.ศ. 2566 มาอยู่ในอันดับที่ 65 จาก 146 ประเทศ และอยู่ในอันดับที่ 5 จาก 18 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกในด้านความเท่าเทียมทางเพศ

ดร.ไฮนา ลู กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรามีความห่วงกังวลอย่างมากต่อช่องว่างที่สำคัญในการบังคับใช้นโยบาย ซึ่งขัดขวางการบรรลุความเสมอภาคอย่างแท้จริง เนื่องจากประเทศไทยยังพบปัญหาความรุนแรงทางเพศและปัญหาความรุนแรงใยครอบครัวมีอยู่ทั่วไป โดยการเข้าถึงความยุติธรรมยังเป็นไปอย่างจำกัด เห็นได้จากเหตุความรุนแรงทางเพศผ่านการใช้เทคโนโลยีมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น โดยมีเด็กผู้หญิง นักการเมืองและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนหญิง ตกเป็นเป้าหมายของการคุกคามทางเพศออนไลน์ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความอันตรายแก่ผู้อื่น และการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ เห็นได้จากข้อมูลล่าสุดระบุว่าในแต่ละปีในประเทศไทยเกิดเหตุความรุนแรงทางเพศต่อผู้หญิงและเด็กหญิงมากกว่า 30,000 กรณี แต่มีผู้เข้าแจ้งความต่อตำรวจราว 5,000 คดีเท่านั้น และมีเพียงประมาณ 1,500 คดีที่นำไปสู่การจับกุมในที่สุด ระหว่างปี พ.ศ. 2556-2565 กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวบันทึกสถิติเหตุความรุนแรงในครอบครัวได้ 14,495 ครั้ง โดยมีผู้รอดชีวิต 13,535 คน ในจำนวนนี้ 11,162 คนเป็นผู้หญิง ส่วนในปี พ.ศ. 2565 มีการแจ้งความต่อตำรวจเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวเพียง 158 คดี และมีเพียง 10 คดีที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งถือว่าจำนวนเหตุที่ได้รับแจ้งความและจำนวนเหตุที่มีการดำเนินคดีแตกต่างอย่างมาก

“ขณะเดียวกัน ความแออัดของทัณฑสถานและขาดการติดตามและตรวจสอบอย่างอิสระยังคงสร้างความกังวลอย่างมากต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสถานที่ดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นและไม่มีการรายงาน จากการตรวจสอบพบว่า ประเทศไทยมีอัตราการคุมขังผู้หญิงสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีจำนวนนักโทษหญิงมากเป็นอันดับ 5 ของโลก ตามข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม พบว่านักโทษหญิงเกือบสามในสี่ (74%) ถูกจำคุกในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงที่ถูกพิพากษาประหารชีวิตถึง 92% ถูกตัดสินในความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในขณะที่ผู้ชายที่ถูกพิพากษาประหารชีวิตเพียง 58% เท่านั้น ในความผิดประเภทเดียวกัน จากข้อมูลที่ได้รับ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ถูกตัดสินว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมักมีความยากจนและการถูกกีดกันทางสังคมเป็นเหตุปัจจัย” ดร.ไฮนา ลู ระบุ

ด้าน ดร. อิวาน่า คริสติค กล่าวว่า คณะทำงานฯ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการแก้ปญหาการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ทั้งด้านกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายเข้มแข็งกว่านี้ เพื่อบรรลุความเสมอภาคระหว่างเพศในการบังคับใช้กฎหมาย ขจัดอุปสรรคการเลือกปฏิบัติ และเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีผู้หญิงหรือเด็กผู้หญิงคนใดถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ประเทศไทยควรแปลงคำมั่นสัญญาที่อยู่ในรัฐธรรมนูญให้เป็นความจริง วางประเทศอยู่ในสถานะของผู้บุกเบิกด้านความเท่าเทียมทางเพศในภูมิภาค ทั้งนี้ คณะทำงานจะนำเสนอรายงานฉบับเต็มของการเยือนประเทศไทยต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในเดือนมิถุนายน 2568


กำลังโหลดความคิดเห็น