“ทักษิณ” ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์เกาะกูดเป็นของไทย ส่วนข่าวผู้นำกัมพูชาบอกไม่ใช่ของไทย เป็นเฟกนิวส์ ใช้ AI ปล่อยข่าวมั่ว ลั่น ใครจะบ้ายกให้ เตรียมติว สส.เพื่อไทย แจ้งประชาชนให้เข้าใจที่มาที่ไปของ MOU พร้อมรับฟังเสียงส่วนใหญ่ ไม่ใช่ฟังคนเสียงดัง
วันนี้ (13 ธ.ค.) เมื่อเวลา 08.55 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึง MOU44 ที่มีกลุ่มมวลชนบางส่วนออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกหรือทบทวน ว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ จะเล่าให้กับสมาชิกพรรคเพื่อไทยฟัง เป็นการบรรยาย ว่า MOU44 ที่เกิดสมัยตนเอง เป็น นายกรัฐมนตรี เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นเพราะอะไร เพื่อให้ สส.เข้าใจ และจะเล่าให้ฟังว่า ล้านเปอร์เซ็นต์ไม่มีใครเถียงว่าเกาะกูดไม่ใช่ของไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลานี้สื่อหลายสำนักในกัมพูชา ออกมารายงานว่า ผู้นำกัมพูชายืนยันเกาะกูดยังไม่ใช่ของไทย นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีหรอก มั่ว วันนี้จะบอกให้คนไทยได้รู้ว่า ต่อไปนี้ สิ่งที่เราพูดเขาสามารถไปเฟก ให้ไปพูดอีกอย่างได้โดยใช้ AI แต่สิ่งที่จะพิสูจน์ได้ว่า เป็นของจริง หรือ AI คือ สายตา ฉะนั้น ทุกคนต้องมี biometric เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า เรากำลังถูก Fake หรือไม่ วันนี้เทคโนโลยีน่ากลัว บางทีก็เป็นเรื่องจริง บางทีก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายไม่หวังดีสร้างเรื่อง บางทีฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด ก็สรุปว่าเป็นอย่างนี้อย่างนั้นมองทุกอย่างในแง่ร้าย ทั้งที่ต้องดูเหตุและผล ต้องดูเนื้อหาให้ดี ที่จริงแล้ว MOU แปลว่า ข้อตกลง ซึ่งเป็นข้อตกลงที่จะคุยกันในเรื่องที่ยังไม่ตกลง ไม่ใช่ข้อตกลงว่าจบแล้ว เกาะกูดยกให้เขมรไปแล้ว อันนี้คือบ้าและไม่มีใครบ้า
เมื่อถามว่า แสดงว่า MOU ก็ไม่จำเป็นต้องทำตามนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า MOU เป็นการวางกรอบว่าเราจะคุยกันเรื่องอะไร แต่คุยแล้วก็ไม่จำเป็นต้องจบ เพียงแต่เราต้องมีกรอบที่จะคุยกัน ไม่เช่นนั้นไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลอาจไม่ค่อยชี้แจงจนทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ว่าตกลงกันไปแล้ว จะมีคำแนะนำรัฐบาลอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า เดี๋ยวจะอธิบาย ขอให้สื่อช่วยเอาคำอธิบาย ไปลงด้วย เมื่อถามว่า กรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาเรียกร้องให้เปิดเวทีสาธารณะ รับฟังความคิดเห็นตรงนี้ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นข้อแนะนำข้อนึง ซึ่งต้องปรึกษาว่านายกฯ อิ๊งค์ คิดอย่างไร แต่เราต้องเปิดรับฟังทุกฝ่าย ไม่ใช่ว่าไม่ฟังแล้วจะทำแบบนี้ วันนี้ต้องเข้าใจว่าหลังจากเปลี่ยนรัฐบาล มาเป็นรัฐบาลเพื่อไทย ทุกคนมองว่า นี่คือ ประชาธิปไตยแล้ว มีสิทธิส่งเสียงเรียกร้องอะไรก็ได้ แต่สมัยก่อนไม่ค่อยกล้า เมื่อมาเรียกร้องเราก็ยินดีต้องรับฟัง แต่รับฟังแล้วก็ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ ไม่ใช่ฟังคนที่เสียงดัง ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่แต่คนเสียงดังเราได้ยิน แต่ถ้าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ต้องเอาส่วนใหญ่เป็นหลัก